บทที่ 63 คุณชายวั่งไม่มีทางหึงแน่นอน
เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินเยวี่ยนก็ตกตะลึงในทันที และจู่ๆ ออร่าของเด็กหนุ่มก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับจ้องไปที่ใบหน้าของเฉียวเนี่ยนราวกับว่ากำลังเห็นผี
"เธอ… ไปโรงเรียนแล้วเหรอ?"
น้ำเสียงที่เขาใช้พูดราวกับว่าดาวหางกำลังจะพุ่งชนโลก!
เฉียวเนี่ยนถามกลับด้วยท่าทางจริงจัง "ฉันไม่สามารถไปเรียนได้งั้นเหรอ?"
เฉินเยวี่ยนไม่รู้จะตอบยังไงอยู่ครู่หนึ่ง
เขาไม่รู้ว่าเฉียวเนี่ยนจะเข้าเรียนได้ไหม แต่ถ้าคิดตามอายุของเธอแล้ว เฉียวเนี่ยนสามารถเข้าเรียนได้อย่างแน่นอน แต่เขารู้เพียงแค่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเฉียวเนี่ยนกับเฉียวซื่อกรุ๊ปนั้นไม่ค่อยดีนัก และเธอยังมีทักษะทางการแพทย์อีก…แถมเส้นสายของเธอนั้นก็กว้างขวางเป็นอย่างมากจนทำให้ผู้คนตกใจ
ยกตัวอย่างเช่น พ่อของเขาที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน ซึ่งพ่อของเขาได้พักรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยธรรมดา 4 ตึก 6 ของหนานยวน แต่ห้องผู้ป่วยนี้กลับไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เข้ามาตลอดทั้งปี ดังนั้น สามารถพูดได้เลยว่าพ่อของเขาพักอยู่ในห้องผู้ป่วยเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น !
ห้องผู้ป่วยเดี่ยวของโรงพยาบาลในเมืองมีเพียงแค่คนมีฐานะ และคนที่มีเส้นสายเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าพักได้
เฉียวเนี่ยนไม่เพียงให้พ่อของเขาพักที่นี่ แต่ยังเปลี่ยนจากห้องผู้ป่วยธรรมดากลายเป็นห้องผู้ป่วยเดี่ยวได้อีกด้วย
เส้นสายของคนพวกนี้ ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนเพียงแค่คำสองคำ และตัวเธอเองก็คล้ายกับปริศนา ที่ตอนนี้เขาสัมผัสได้แค่เพียงมุมเดียวเท่านั้น
ตอนนี้อีกฝ่ายเรียนที่โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งซึ่งเป็นที่เดียวกับเขา และดูเหมือนว่าจะเป็นทั้งเพื่อนร่วมชั้น เพื่อนร่วมห้อง ซึ่งความรู้สึกแบบนี้…เฉินเยวี่ยนคิดแล้วคิดอีก ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองเอาแต่นึกถึงภาพสิงโตเข้าถ้ำแมว
…
ไม่ไกลจากนั้น กู๋ซานและเย่วั่งชวนก็มองหาคนที่เป็นพยาบาล เพื่อสอบถามว่าเฉียวเนี่ยนอยู่ที่ชั้น 6 จริงหรือไม่
เมื่อมองไปตามทางเดิน พวกเขาก็เหลือบเห็นหญิงสาวคล้ายกับนกกระเรียนในฝูงไก่* กำลังยืนอยู่ที่ปลายทาง
(鹤立鸡群 นกกระเรียนในฝูงไก่* หมายความว่า เหมือนนกกระเรียนที่ยืนอยู่ในฝูงไก่ อุปมาคนมีรูปร่างหน้าตา คุณธรรม ความสามารถที่ล้ำเลิศเหนือกว่าผู้คนโดยทั่วไป เทียบเคียงสำนวนไทยได้แก่ "หงส์ในฝูงกา")
นักเลงคนนั้น
เมื่อมองจากระยะไกลเพียงแค่ครั้งเดียวก็จดจำได้ทันที
เพียงแต่ว่าผู้ชายที่ยืนข้างคุณหนูเฉียวนั้นเป็นใคร?
กู๋ซานเหลือบมองสีหน้าของคุณชายวั่ง ดูเหมือนจะไม่เป็นไร ราวกับว่าเขาไม่ได้โกรธ แต่เลือดในดวงตาของเขานั้นเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย และลูกประคำบนข้อมือของเขาดูเหมือนจะหัก...
คุณชายวั่ง คงจะไม่ได้หึงหรอกใช่ไหม?
อืม คุณชายวั่งของเขาคงจะไม่หึง เพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้อย่างแน่นอน!
…
ตรงทางเดิน
เฉินเยวี่ยนคิดพิจารณาอยู่ประมาณสิบนาที ในที่สุดเขาก็นึกออก
"ถ้าเธอมีวิธีพาฉันกลับไปเรียนได้ ฉันจะฟังคำพูดของเธอ และกลับไปเรียน"
"เข้าใจแล้ว"
ตอนนี้เฉียวเนี่ยนค่อนข้างขี้เกียจและเหนื่อยนิดหน่อย เธอไม่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น และไม่ต้องการช่วยเหลือเด็กเลว* แต่เมื่ออีกฝ่ายคือเฉินเยวี่ยนเธอจึงไม่สามารถเพิกเฉยได้
(熊孩子 หมายถึง เด็กเลว เด็กเปรต ไอ้เด็กเหี้ย)
"นายคิดดีแล้ว ฉันก็จะทำให้นายได้กลับไปเรียน แล้วนายก็ต้องตั้งใจเรียนให้ดี สอบให้ได้มหาวิทยาลัยดีๆ ไม่ควรทำตัวเป็นขยะสังคมอีก ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าฉันจะไม่พูดดีๆ กับนายแน่ และถ้าฉันจัดการเองไม่ได้เดี๋ยวฉันจะหาวิธีเอง ซึ่งตามความคิดของฉัน เด็กที่ไม่เชื่อฟังจะต้องถูกโดนตี ตีหลายๆ ครั้ง และต้องตีจนกว่าจะเชื่อฟัง!"
## ???????
ความหมายของเธอก็คือ ถ้าเขากลับไปเป็นขยะสังคมอีก เธอวางแผนจะหาคนมาตีเขาใช่ไหม?
เฉินเยวี่ยนเดี๋ยวทำหน้าตลก เดี๋ยวทำหน้าร้องไห้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พยักหน้าทันที "ลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น"
เฉียวเนี่ยนเลือกที่จะเชื่อใจอีกฝ่าย และจู่ๆ หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเย่วั่งชวนกับกู๋ซานจากที่ไกลๆ เธอจึงหันกลับมาพูดกับอีกฝ่ายว่า "ฉันมีธุระต้องไปทำอีก และจะไม่กลับมาแล้ว นายไปบอกป้าเฉินและลุงเฉินเถอะ"
หลังจากนั้น เธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขารู้ว่าเธอมีธุระเยอะมากแถมยังยุ่งทั้งวัน ซึ่งเขาคุ้นเคยกับท่าทางของอีกฝ่ายมาตั้งนานแล้ว เขาจึงโบกมือให้และพูดว่า "เธอไปเถอะ ฉันจะพูดกับพ่อแม่เอง"
"อือ"
เฉียวเนี่ยนเดินก้าวออกไปสองสามก้าว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงทุ้มๆ ของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ คล้ายกับว่ารอที่จะพูดมาตั้งนานแล้ว แต่หาช่องว่างที่จะพูดไม่เจอ
"เฉียวเนี่ยน เธอพูดว่าครอบครัวที่ยากจนจะสามารถเหนือกว่าคนอื่นได้เพราะการศึกษาใช่ไหม?"
"…" หมายถึงอะไร?
เฉินเยวี่ยนสงสัยมาตั้งนานแล้ว จึงเอ่ยถามเธอขึ้นอีกว่า "พ่อแม่ของฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้มาตลอดว่าเธอเป็นคนเก่ง ฉันคิดว่าฉันจะเก่งได้เหมือนเธอโดยที่ไม่ต้องเอาเวลาไปทิ้งในโรงเรียนอย่างไร้ประโยชน์ แต่พอออกมาถึงได้รู้ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด! สังคมก็มีกฎของสังคม และกฏของสังคมก็คือคนรวยเป็นคนสร้าง ส่วนคนจนก็ต้องต่อสู้ดิ้นรนต่อไป…"