วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0040
บทที่ 15 ภูตภูเขา (3)
* * *
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อน ว่าท่านคนบ้ามีสายเลือดของผู้ปกครอง”
สายเลือด?
ฉันคือทายาทรุ่นที่ยี่สิบแปดของตระกูลคังแห่งเมืองจินจู ไม่ใช่สายเลือดของผู้ปกครองอะไรนั่นสักหน่อย
“เอ่อ ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาท ข้าขอถามได้หรือไม่ว่า ท่านเป็นทายาทของตระกูลขุนนางใด?”
หนึ่งในสาวกแสดงความสนใจในตัวฉัน อีกฝ่ายตัวเตี้ยตัน ดูแล้วน่าจะเป็นคนแคระ
ต่างโลกแตกต่างจากโลกนิดหน่อย ฉันจึงแค่เดาว่า ‘น่าจะ’ เป็นคนแคระ
หมู่บ้านที่มีทั้งเอลฟ์ คนแคระ และมนุษย์อาศัยร่วมกัน
เมื่อลองมาคิดดู มันค่อนข้างพิเศษทีเดียว
ช่างเถอะ ปัญหาในตอนนี้คือ ฉันไม่เข้าใจว่า ‘ทายาทตระกูลขุนนาง’ หมายถึงอะไร
“เสียมารยาท! กล้าดียังไงถึงถามแบบนั้นกับท่านคนบ้า! ลงโทษตัวเองเดี๋ยวนี้! ปฏิบัติ!”
“อึ๋ย…”
“ปฏิ! บัติ!”
“ป…ปฏิบัติ!”
‘…เมื่อลองมานึกดู ลิลี่เป็นทายาทตระกูลดยุคสินะ’
หากเทียบกับโลกมนุษย์ก็คงประมาณอาร์ชดยุคของอาณาจักรเล็กๆ สักแห่ง หรือไม่ก็ดยุคผู้ครองแคว้น
ลิลี่ก็เป็นหนึ่งในตระกูลผู้ปกครอง…
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอเป็นทายาทตระกูลขุนนาง
“…ผู้ปกครองมักสืบทอดผ่านสายเลือด”
คล้ายกับอ่านความสงสัยในตาฉัน ลิลี่อธิบาย
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีบรรดาศักดิ์ใด แต่จะไม่ถามก็แล้วกัน”
ไม่อยากทำร้ายจิตใจฉัน?
ลิลี่มีอดีตขื่นขม จึงคิดว่าฉันก็คงเหมือนเธอ
หลังจากเข้าไปในถ้ำ พวกเราเดินตรงไปเรื่อยๆ พลางพูดคุยสัพเพเหระ เพียงไม่นานก็มาถึงจุดที่ฉันเคยสำรวจถึง
เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างแคบ ฉันกับลิลี่จึงเดินนำหน้า และเหล่าสาวกเดินตามหลัง ขบวนแถวจึงยาวมากเพราะมีเกือบร้อยคน
“ไม่เคยสำรวจถ้ำมาก่อน น่าตื่นเต้นจริงๆ”
“อย่างเจ้าเนี่ยนะไม่เคย? ผิดคาดมาก”
“มีถ้ำให้ฉันสำรวจไม่มากนัก และเกือบทั้งหมดต้องขอใบอนุญาต”
แน่นอนฉันหมายถึงโลกมนุษย์ ไม่มีเหตุผลให้ต้องสำรวจถ้ำขณะดิ้นรนในต่างโลก
ชีวิตประจำวันก็ยากพออยู่แล้ว จะไปเพิ่มระดับความยากอีกทำไม?
“ขอใบอนุญาต?”
ลิลี่เอียงคอด้วยสายตาไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้
อย่างที่บอกไป การสำรวจถ้ำคือเรื่องโรแมนติกสำหรับฉัน เพราะแทบไม่มีโอกาสได้ทำบนโลก
แต่ที่นี่คือต่างโลก ต้องมีโพรงยักษ์สักหนึ่งหรือสองแห่งที่ยังไม่ถูกสำรวจแน่
นอกจากนั้น โพรงยักษ์ในต่างโลกจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
“นี่คือครั้งแรกที่ฉันได้เดินไปตามรากภูเขา”
ลิลี่มองไปรอบตัวด้วยอาการฝ่อเล็กๆ
“ในอาณาจักรของข้า ราชวงศ์อย่างเราจะตั้งทีมสำรวจรากภูเขาที่เพิ่งค้นพบ”
“ราชวงศ์สำรวจด้วยตัวเอง?”
“รากภูเขาเต็มไปด้วยแร่หายาก สิ่งสำคัญจึงเป็นการวาดแผนที่ใต้ดิน นอกจากนั้น รากภูเขายังเป็นเส้นทางลำเลียงพลังธรรมชาติ พวกเราต้องการนำพลังเหล่านั้นมาใช้งาน”
“อย่างเช่น?”
“เอ่อก็… ทำฟาร์ม… นักแปรธาตุจะกักเก็บพลังธรรมชาติใส่ในถุง และคอยแจกจ่ายให้ชาวนาในทุกฤดูใบไม้ผลิ นี่เป็นงานสำคัญที่ท่านพ่อของข้าคอยกำกับดูแลด้วยตัวเอง”
ปริศนาในต่างโลกไม่ได้มีแค่ในธรรมชาติ แต่ยังรวมถึงวัฒนธรรมด้วย
ฉันรู้จักธรรมชาติแค่เล็กน้อย และรู้จักวัฒนธรรมน้อยยิ่งกว่า
สามัญสำนึกและความรู้ของพวกเขาแตกต่างจากมนุษย์ ทั้งเรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่
ทุกครั้งที่ได้ฟังเรื่องราวของลิลี่ ความสนใจของฉันจะพลุ่งพล่าน
ที่นี่คือโลกแบบไหนกัน? ฉันเดินพลางครุ่นคิด
ยังต้องเดินอีกสักพักเพื่อไปให้ถึงทางแยกที่ฉันเชื่อว่า จำเป็นต้องรบกวนให้สาวกช่วยกันค้นหา
ระหว่างกำลังเดิน ฉันค้นพบความไม่ชอบมาพากลในคำพูดลิลี่
“เดี๋ยวนะ แผนที่?”
“หือ?”
“อาณาจักรของเธอวาดแผนที่รากภูเขา?”
“ถ้าไม่มีแผนที่แล้วจะลงไปหาสายแร่ยังไง?”
แต่เมื่อวาน เจ้าหน้าที่สำรวจของบริษัทเหมืองบอกว่า ภูมิประเทศจะเปลี่ยนไปทุกครั้ง
แล้วจะสร้างแผนที่ได้ยังไง?
แถมเจ้าหน้าที่ทุกคนยังถูกสปริกแกนขับไล่ด้วยอาการทางจิต
ถึงตรงนี้ ฉันค้นพบความแตกต่างทางข้อมูลระหว่างฉันกับลิลี่
“พวกเขาบอกว่า เขาวงกตจะเปลี่ยนรูปร่าง”
“เปลี่ยนรูปร่าง?”
“พวกเขาล้มเลิกเพราะภูมิประเทศเปลี่ยนไปกลางคัน นั่นคือสิ่งที่ลูกค้าคนล่าสุดเล่าให้ฟัง”
ลิลี่ชะงักฝีเท้า
“…รากภูเขาเปลี่ยนรูปร่าง?”
พิจารณาจากสีหน้าลิลี่ นี่เป็นเรื่องใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
“รากภูเขาจะเปลี่ยนรูปร่างก็ต่อเมื่อ… มีบางสิ่งไม่ปรกติ”
“ความไม่ปรกติเป็นอะไรได้บ้าง”
“…ถูกโจมตี”
“หืม…”
แผนเดิมคือการระบุตำแหน่งสปริกแกน
แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวอาจต่างออกไป
ลิลี่จ้องฉัน
“สปริงแกนมีท่าทีดุร้ายใช่ไหม”
เมื่อฉันตอบใช่ ลิลี่พยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ชัดเจน สปริงแกนไม่ใช่ภูตธาตุที่ดุร้าย มีบางสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นกับรากที่เปรียบเสมือนบ้าน และนั่นทำให้พวกเขาอ่อนไหว”
เป็นการหักมุมที่ผิดคาดมาก
ฉันเร่งฝีเท้าทันที
เพียงไม่นานก็มาถึงโพรงขนาดใหญ่ เสียงอื้ออึงดังระงมจากทุกทิศ
“โอ้!”
“นี่น่ะหรือรากภูเขา…”
“ท่านนักบวช… ข้ากลัว”
“เงียบ!”
นี่คือจุดเริ่มต้นของรากภูเขา พื้นที่ด้านหน้ากว้างใหญ่จนมองไม่เห็นเพดาน
และไม่ใช่แค่ใหญ่
“ท่านคนบ้า! เส้นทางขาด!”
เส้นทางขาด
เมื่อมาถึงทางแยก หน้าผาลาดลงไปด้านล่าง เป็นผาลึกที่แสงสว่างส่องไม่ถึงก้น
ฉันหยิบหินบนพื้นโยนลงไป
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า…”
กึก!
“เจ้าทำอะไร”
“สักครู่ ฉันกำลังคำนวณ”
ไม่จำเป็นต้องแม่นยำ เพราะยังไงก็คำนวณให้แม่นยำไม่ได้อยู่แล้ว
“ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบเมตร”
“หือ?”
“ฉันหมายถึงระยะห่างจากจุดนี้ถึงพื้น เท่ากับความสูงของฉันหกสิบห้าคนเรียงต่อกัน”
แน่นอน ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า แรงโน้มถ่วงของต่างโลกเท่ากับโลกพอดิบพอดี แต่เท่าที่สังเกตก็แทบไม่ต่างกันนัก
“คำนวณได้ด้วย?”
“การคำนวณความสูงคือพื้นฐานที่จำเป็นมาก”
สำหรับการเป็นนักสำรวจล่ะนะ
ลิลี่จ้องฉันด้วยสีหน้ากังขา ก่อนจะผงกศีรษะ
“เจ้าฉลาดกว่าที่ข้าคิด… หืม…”
“กว่าที่เธอคิด?”
“ใช่”
“อ้อมค้อมหน่อยก็ได้”
ลิลี่หัวเราะในลำคอ
“แล้วเจ้าจะทำอะไรต่อ? เส้นทางถูกตัดขาดแล้ว และเราก็ไม่ได้พกเชือกมา”
เนื่องจากมีไอเดียในหัวอยู่แล้ว ฉันนำอัญมณีสีเขียวออกจากเข็มชี้ทองคำ
คันศรนักพเนจร
“โอ้! โอ้…!”
“หลักฐานของผู้ปกครอง!”
พักหลังเริ่มใช้บ่อย ความชำนาญจึงเพิ่มขึ้น
ตอนนี้ไม่ต้องรอให้ลูกศรสร้างเสร็จก่อน ฉันเลื่อนมือมาดึงสายธนูรอได้เลย
ลูกศรสร้างเสร็จในจังหวะเดียวกับที่ฉันดึงสายจนสุด
“เอาออกมาทำไม… อ๊ะ?”
และยิ่งฉันขบคิด ธนูคันนี้ก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุด
ลูกศรที่เป็นลูกศร แต่ไม่เคยมีอยู่จริง บางทีฉันอาจสร้างมันได้
เป็นไอเดียจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
เนื่องจากต้องใช้บ่อยในอนาคต ฉันตัดสินใจตั้งชื่อให้มัน
แกรปปลิงแอร์โรว์ (Grappling Arrow)
ตะขอใหญ่สี่ทิศ ด้ามสั้นคงทน ผูกติดกับเชือกเหนียว
ถ้าฉันไม่ได้ทำพลาด เชือกจะยาวกว่าสองร้อยเมตร
ถึงตรงนี้ เหล่าสาวกเริ่มอ่านเจตนาฉันออก นักบวชรีบออกคำสั่งทันที
“ทุกคนคงเห็นแล้ว! เกร็งแขนเอาไว้ให้ดี! รอคำสั่งจากท่านคนบ้า!”
ต้องขอบคุณไหวพริบของนักบวช งานของฉันจึงเบาลงมาก
ฉันยิงแกรปปลิงแอร์โรว์เข้าไปในรูใหญ่บนผนังสูง
ยิงอยู่หลายรอบจนมั่นใจว่าตะขอเกี่ยวกับขอบผนังแน่น
เป็นอันเสร็จสิ้นการติดตั้งเชือกสามเส้น
จากนั้นก็รอสักพัก
เดิมที ลูกศรจะหายไปภายในหนึ่งถึงสองนาที แต่นั่นไม่มีปัญหาหากเหล่าสาวกปืนขึ้นไปหมดแล้ว
ฉันจึงสั่งให้รอก่อน
“ไม่หายหรอก”
ลิลี่เปิดปาก
“หลักฐานของผู้ปกครองจะสอดประสานกับความคิดของผู้ใช้งาน คันธนูรู้ว่าเจ้าต้องการอะไร”
“…เธอกำลังจะบอกว่าให้พวกเขาปีนได้อย่างสบายใจ?”
“ถ้ามันอันตราย เจ้าคงสร้างไม่สำเร็จตั้งแต่แรก ข้อเท็จจริงที่ว่า ลูกศรถูกสร้างสำเร็จ ช่วยยืนยันว่าคันธนูไม่ได้ต่อต้านความคิดเจ้า”
นั่นสินะ
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันอยากรอจนแน่ใจ
และเป็นไปตามที่ลิลี่พูด จนแล้วจนรอด เชือกก็ไม่หายไป
ดูเหมือนจะวางใจได้สินะ
“นักบวช”
“ขอรับ!”
“แบ่งคนเท่าๆ กันและสั่งให้ปืนเชือกขึ้นไปสำรวจรูบนกำแพง”
“แล้วท่านคนบ้าล่ะ?”
ฉันก้มมอง
“ฉันจะลงหน้าผา”
* * *
นี่คือครั้งแรกที่ฉันมาเยือน
และไม่ผิดคาด ลิลี่โรยตัวตามลงมาอย่างคล่องแคล่ว ไม่นานก็มาถึงพื้นได้เร็วกว่าที่คิด
แหมะ แหมะ!
พื้นแถวนี้มีสภาพเปียกชื้น
ไม่ใช่น้ำ แต่คล้ายกับยางไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารและพลังงาน
ค่อนข้างหนืด มีกลิ่นหอมจนยากจะเชื่อว่าเป็นน้ำในถ้ำ
“พลังธรรมชาติสินะ”
“เป็นน้ำที่ผสมพลังธรรมชาติ… พลังธรรมชาติก็เหมือนกับอากาศ เจ้าจะมองไม่เห็น”
จากนั้น ลิลี่จับเสื้อของฉัน
“…มืดจัง”
“โมห์สmohs”
ฉันเสกลูกไฟให้ใหญ่ที่สุด เผยให้เห็นทิวทัศน์สีเหลืองโดยรอบ
“พื้นราบ”
พื้นถ้ำดูคล้ายหินอ่อนขัดเงา แต่ฉันมั่นใจว่าไม่ได้เกิดจากการฝีมือสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา นั่นยิ่งทำให้มันดูงดงาม
พบหินงอกหินย้อยได้ทั่วไป สีใสเหมือนกับคริสตัล แตกต่างจากหินย้อยในถ้ำปรกติ
“เป็นคริสตัลที่เกิดจากพลังธรรมชาติของภูเขา”
ในเวลาเดียวกัน ลิลี่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสกับหินย้อยและนำใส่ปาก
“เธอชิมหินทำไม? หรือว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่แวมไพร์? นั่นสินะ ฉันว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่เธอกินซุปเลือดวัว…”
“เจ้านี่อร่อยนะ”
จากนั้น เธอยื่นนิ้วมาให้
“ลองชิมสิ”
ฉันใช้ปลายลิ้นเลีย
ไม่ได้หวานเหมือนน้ำตาล คล้ายกับน้ำผึ้งที่มีรสนมอ่อนๆ
แถมยังละลายในปาก ผิวสัมผัสไม่ได้แข็งอย่างที่คิด
สรุปโดยสั้น มันอร่อย ฉันอธิบายรสชาติไม่เก่ง
“ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารแล้ว ภูเขาคือสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และเหตุผลก็มาจากพลังธรรมชาติ”
กล่าวจบ ลิลี่ฉีกยิ้ม
“ข้าชอบมันมาก เมื่อครั้งยังเด็ก ในคืนก่อนที่การสำรวจจะเริ่มขึ้น ข้าขอร้องให้หัวหน้าทีมนำกลับมาฝากเสมอ ทุกครั้งที่กลับมา เขาจะฝากผ่านท่านแม่มาให้ข้า”
“ฝากผ่านแม่?”
“ท่านพ่อเป็นคนเข้มงวดมาก”
ฉันฟังเรื่องราวของลิลี่อย่างเงียบงัน
“…ไปกันเถอะ ข้าไม่รบกวนเวลาเจ้าแล้ว”
“แต่ฉันว่าเรื่องของเธอก็สนุกดี”
“…งั้นหรือ”
* * *
ทิศทางที่เรามุ่งไปมีลักษณะลาดลง
เป็นถ้ำที่มีโครงสร้างประกอบไปด้วยทางเดินลาดชัน ผาเตี้ย และทางราบที่ค่อนข้างยาว สลับกันเป็นระยะ
ตอนแรกโพรงกว้างมาก แต่ยิ่งผ่านไปก็ยิ่งแคบลง
อย่างไรก็ดี นั่นคือขนาดเมื่อเทียบกับทางเข้า เพดานถ้ำในปัจจุบันยังสูงจนเหยียดแขนไม่ถึง ด้านข้างก็ไม่ต่างกัน
ทว่า ยิ่งลึกลงไป สีหน้าของพวกเราก็ยิ่งดำมืด
“…ลิลี่”
“อื้อ”
“ฉันคิดว่าเธอพูดถูก”
“ใช่ไหมล่ะ… ที่นี่แปลกมากจริงๆ”
พลังธรรมชาติของภูเขาคือสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ย่อมเต็มไปด้วยพลังงานและสารอาหาร
อันที่จริง ฉันเคยคิดว่าที่นี่เป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ มีหินย้อยหวานๆ ที่ลิลี่ชอบ และอากาศก็มีกลิ่นดี แม้จะเดินลึกเข้ามา ก็ยังมีออกซิเจนเหลือเฟือ
แต่ยิ่งลึกมากเท่าใด สภาพแวดล้อมก็ยิ่งแปรเปลี่ยน
ลิลี่ลูบกำแพงพลางแงะก้อนหินออก
ซ่า!
‘ทราย’ ร่วงกราวลงพื้นด้วยเสียงสาก
“แห้งมาก”
ฉันเสกลูกไฟเพิ่มเพื่อขยายทัศนวิสัย
กลิ่นหอมๆ เริ่มเหม็นอับโดยไม่รู้ตัว
ผนังแห้งกรัง พื้นจมลงทุกครั้งที่ย่ำเท้าเหยียบ
ลิลี่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ไม่แปลกที่สปริกแกนจะดุร้าย”
“…ไปต่อกันเถอะ”
ยิ่งเข้าไปลึก สถานการณ์ยิ่งน่าหดหู่
ตอนนี้พื้นที่ค่อนข้างกว้าง ฉันเชื่อว่าคงใกล้จะได้พบห้องใหญ่ๆ ในอีกไม่ช้า
ขณะฉันวางมือลงบนกำแพง
สวบ!
มือหายเข้าไปถึงศอก ฉันนึกว่าจะถูกดูดเข้าไปแล้ว
ความรู้สึกไม่เหมือนกับบึงทราย แต่เป็นฟองน้ำ
ฟองน้ำที่ว่างเปล่า
“…”
ทันใดนั้น บางสิ่งระคายเคืองผิวหนังฉัน
“ลิลี่ เธอไม่รู้สึกอะไรเลยหรือ”
สิ้นคำของฉัน ลิลี่หลับตาลงและเพ่งประสาทสัมผัส จากนั้นก็ส่ายหน้า
“ไม่เลย มีอะไร?”
“จี๊ดๆ”
เป็นกระแสไฟฟ้าแน่นอน
“จี๊ดๆ? หมายถึงกระแสไฟฟ้า? ไม่เลย…”
“…ใต้ดิน กระแสไฟฟ้า”
ผนวกกับเรื่องที่ทรายบนกำแพงร่วงกราวหลังจากลิลี่ใช้มือจับ อาจกล่าวได้ว่า แถวนี้ไม่มีพลังธรรมชาติไหลเวียนเลยสักนิด
“รากภูเขาที่ไม่มีพลังธรรมชาติไหลผ่าน”
ฉันเคยเชื่อมโยงรากภูเขาเข้ากับท่อส่งน้ำมัน
ครุ่นคิดสักพัก เรื่องราวหนึ่งผุดขึ้นในหัว
“…ท่อส่งน้ำมัน”
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนที่ถูกจับได้ว่า แอบเจาะท่อส่งน้ำมันเพื่อลักลอบนำออกไปขาย
นั่นคือเหตุผลว่าทำไม น้ำมันถึงไม่ไหลไปตามท่อ
“ใครแอบขโมยน้ำมันออกไปกลางทาง?”
สิ่งมีชีวิตตะกละที่อาศัยอยู่ใต้ดิน และดูดซับพลังธรรมชาติจนทำให้รากภูเขาเสื่อมสภาพ
และไอ้ตัวนั้นต้องปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ด้วย
ฉันรู้จักมันไหมนะ?
เพียงไม่นานก็พบคำตอบ
“…ฟาร์มมิ่งเวิร์ม!”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดฉัน ลิลี่กลอกตามองบน
“หา?”
“เธอรู้จักแน่! สัตว์ที่ดำดินได้ และตรวจจับสภาพแวดล้อมด้วยอวัยวะปล่อยกระแสไฟฟ้า!”
“อ้อ… เจ้าเรียกมันว่าฟาร์มมิ่งเวิร์ม?”
ชื่อไม่สำคัญ
ฟาร์มมิ่งเวิร์มคือตัวการของปัญหาทั้งหมด
สีหน้าลิลี่ไม่สู้ดีนัก
“…แต่ว่า มันน่าจะตัวใหญ่มากทีเดียว”
“ใช่”
ฟาร์มมิ่งเวิร์มที่ฉันเคยจับได้บนโลก อวัยวะปล่อยกระแสไฟฟ้าของมันค่อนข้างอ่อนแอ
แต่นั่นเพราะมันยังเด็ก
“…ตัวนี้ใหญ่มาก”
ฉันเคยเห็นมาก่อน
ไอ้ตัวที่มีขนาดเท่ากับตึกสามชั้น
“ข้าคิดว่าพวกเราควรถอนตัวก่อน หมู่บ้านของเจ้ามีกองกำลังใช่ไหมล่ะ? ไปแจ้งให้พวกเขา…”
“ลุยกันเลย!”
ฉันได้ยินคำพูดลิลี่ไม่ชัด
“…หา?”
ไอ้หนอนยักษ์เวร
อวัยวะปล่อยกระแสไฟฟ้าของมันจะต้องใหญ่มากแน่ๆ
“ตอนนี้ที่สำนักงานยังไม่มีเครื่องปั่นไฟ!”
“เดี๋ยว! ปรึกษากันก่อน เดี๋ยว…! เจ้าบ้า!”
อาจเคยเน้นย้ำไปหลายครั้งแล้ว นักผจญภัยไม่ได้เขียนเหมือนกับนักฆ่าตัวตาย
ฉันไม่ใช่มือใหม่ที่หน้ามืดตามัวจนประมาท
“ฉันเคยจับมันแล้ว!”
สิ่งสำคัญคือความมั่นใจ
ในที่สุดก็จะมีเครื่องปั่นไฟใช้สักที
______________________
ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (4/4)
ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:
https://www.facebook.com/bjknovel/
หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel