Ep.165 - พบสมบัติชั้นหนึ่ง
1/3
Ep.165 - พบสมบัติชั้นหนึ่ง
“เจ้าหมา นายจับกลิ่นอายพลังรบของอีกฝ่ายได้ไหม?”
ฮัสกี้วนรอบภาชนะ มันยืดคอและพยายามสูดกลิ่นอย่างแรง ยืดคนจนกระทั่งจมูกชน
ฮัสกี้ส่ายหัว “ฮ่ง! เจ้านาย กลิ่นอายถูกผนึกไว้ เปิ่นหวังได้กลิ่นนิดหน่อยก็จริง แต่ไม่มากพอที่จะระบุพลังรบ”
งั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!
คงต้องมาลุ้นกันหลังเปิดมัน!
แต่ไม่นาน ฮังอวี่ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าภาชนะถูกผนึกไว้อย่างดี และด้วยพละกำลังของเขาในปัจจุบัน หากไม่อาศัยอุปกรณ์ช่วยคงไม่มีทางที่จะเปิดได้
แล้วจะทำยังไงดี?
ยกกลับไปทั้งๆแบบนี้เลยไหม?
แต่แบบนี้มันเตะตาเกินไป ถูกคนอื่นเห็นแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่ทราบองค์ประกอบที่ชัดเจนของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างใน มันไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยหากพาเธอกลับไปทั้งๆแบบนี้
เมื่อได้ข้อสรุปดังนั้น ฮังอวี่จึงเรียกลูกตุ้มโซ่ออกมา แล้วเหวี่ยงใส่ภาชนะสองสามครั้ง ปรากฏรอยแตกร้าวในบางจุด เขาไม่รอช้า เหวี่ยงลูกตุ้มลงซ้ำทันที
แคร่ก แคร่ก!
รอยแตกร้าวบนผิวภาชนะแพร่กระจายและลึกขึ้น
ฮังอวี่ลากลูกตุ้มกลับมา ควงเพื่อเพิ่มแรงและฟาดมันลงอีกครั้ง
รอยแยกแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและหนักขึ้น คาดว่าอีกทีนึงคงเห็นผล
และด้วยการทุบครั้งสุดท้าย ในที่สุดมุมหนึ่งของภาชนะก็แตกออก และมีก๊าซบางอย่างลอยออกมาจากข้างใน
สีหน้าของหมาหวังเอ๋อแปรเปลี่ยนไป “ฮ่ง! ไม่ได้การ! กลิ่นอายของคนข้างในทรงพลังมาก!”
ทันทีที่หวังเอ๋อกล่าว เห็นแค่เพียงสิ่งมีชีวิตในภาชนะพลันลืมตาขึ้น ม่านตาของเธอเป็นสีม่วงใสราวกับอัญมณี จ้องมองมาทางฮังอวี่ผ่านรอยร้าว
เธอตื่นแล้ว!
วินาทีถัดมา
ฮังอวี่สัมผัสได้ถึงแรงระเบิด
พร้อมกับฝาแก้วที่ครอบภาชนะถูกดันออกด้วยแรงมหาศาล
คลื่นกระแทกถูกปล่อยออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว พัดเขาลอยขึ้นไปในอากาศโดยตรง
เมื่อฮังอวี่ตอบสนองตอบ เขาเรียกโล่ออกมาทันที และยกมันขึ้นบื้องหน้าเพื่อป้องกันหอกน้ำแข็ง
ตูม!
หอกน้ำแข็งเจาะทะลุโล่โดยตรง กลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเขา
ชั้นน้ำแข็งค้างเริ่มผุดขึ้นตามผิวหนังของฮังอวี่
การโจมตีด้วยเวทมนตร์ของเธอคนนี้ค่อนข้างรุนแรง มันเกือบไปถึงจุดที่ต้านทานไม่ไหว
ฮังอวี่ถูกผลักไปไกลกว่าสิบเมตร สุนัขคู่ใจก็ลอยมาตกอยู่ไม่ไกลกัน ทั้งคนทั้งหมาลุกขึ้นอย่างยากลำบาก มองไปยังสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณด้วยสีหน้าอึมครึม
ต้องบอกเลยว่า
รูปลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณผู้นี้สอดคล้องกับสุนทรียศาสตร์ของมนุษย์มาก
ผมยาวสีเงินขาวอันงดงาม ควบู่ไปกับดวงตาสีม่วงราวอัญมณี ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับเธอออกมาจากโลกสองมิติ ไร้มลทินใดๆ
หน้าตาของเธอดูเด็กมาก
รู้สึกเหมือนเด็กผู้หญิงอายุราวๆ 14 - 15 ปี
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่รู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตในโลกวิญญาณไม่สามารถตัดสินพลังรบด้วยรูปร่างหน้าตาของพวกเขาได้
ขณะนี้เธอกระพือปีกผีเสือที่สาดแสงราวกับภาพฝัน ค่อยๆโบยบินจากพื้นไปในอากาศ ร่างเธอที่ลอยนิ่งอยู่เบื้องบนในขณะนี้ ถูกครอบคลุมไปด้วยอะไรบางอย่างที่คล้ายแก้วโมเสค
ใช่!
เป็นแก้วโมเสคจริงๆ! *
*(มันจะเป็นจุดๆสี่เหลี่ยมเหมือนภาพเวลาโดนเซ็นเซอร์)
นี่น่าจะเป็นเอฟเฟกต์ของคาถาบางอย่างกระมัง?
เด็กสาวโมเสคจะรู้หรือไม่ว่าภาพนี้มันทำให้ตีความหมายออกไปได้หลายแบบ?
แต่สิ่งที่ทำให้ฮังอวี่โล่งอกก็คือ หลังจากเด็กสาวจากโลกวิญญาณปล่อยคลื่นโจมตีออกมา เธอก็ไม่คิดลงมือต่อ แต่แสดงท่าทีงุนงงคล้ายเหม่อลอย
นี่เพียงพอแล้วที่จะยืนยันการคาดเดาของเขา
ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่มอนสเตอร์ที่ไร้เหตุผล
แต่เธอเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา
หากเป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา นี่จะช่วยให้รับมือได้ง่ายกว่าเดิมมาก
เพราะตราบใดที่อีกฝ่ายมีสติปัญญา อย่างน้อยก็สามารถสื่อสารกันได้ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้
เด็กสาวจากโลกวิญญาณมองมาทางฮังอวี่ ก่อนสลับไปมองหวังเอ๋อ และเมื่อเธอเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบ สีหน้าเธอก็ยิ่งสับสนมากขึ้น ในที่สุดเอ่ยปากขึ้นว่า “ที่นี่คือที่ใด? แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เธอพูดว่าอะไรนะ?
สุนัขแสดงสีหน้าโง่งม
หวังเอ๋อเชี่ยวชาญถึงแปดภาษา
แต่ในเวลานี้ มันไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไร
การออกเสียงของอีกฝ่ายแปลกมาก หรือว่าจะเป็นภาษาจากโลกวิญญาณ?
“นี่คือโลกมนุษย์ ที่ๆเธอจากมาคือโลกวิญญาณ”
ฮังอวี่อาศัยความทรงจำของจอมปราชญ์ เขาสามารถเข้าใจหรือกระทั่งพูดภาษาส่วนใหญ่ในโลกวิญญาณได้ ดังนั้นเอ่ยภาษาเดียวกันเพื่อสื่อสารกับอีกฝ่าย
ยอดเยี่ยม!
เป็นการค้นพบที่ยอดเยี่ยมมาก!
อีกฝ่ายเป็นสายพันธุ์ทรงภูมิปัญญาจริงๆ!
หากเป็นเช่นนี้ การค้นพบตัวเธอถือเป็นเรื่องใหญ่มาก!
ฮังอวี่รู้สึกว่าอีกฝ่ายอยู่ในสภาพไม่เต็มร้อย แม้เขาจะไม่รู้ว่าเธอโผล่มาได้อย่างไร แต่คงสูญเสียพลังรบส่วนใหญ่ไประหว่างกระบวนการข้ามโลก ดังนั้นหากไม่ถูกเล่นทีเผลอแบบเมื่อครู่ เขาอาจยังพอหลบการโจมตีแล้วหาโอกาสหนีได้
เด็กสาวจากโลกวิญญาณยิ่งแสดงสีหน้าสับสนมากขึ้น
“ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ เราจำอะไรไม่ได้เลย!”
สถานการณ์นี่มันอะไรกัน?
หรือว่าเธอจะความจำเสื่อม?
คงเป็นผลกระทบหลังข้ามโลกใช่ไหม?
เด็กสาวโลกวิญญาณไม่ได้กำลังหลอกฮังอวี่
จิตใจของเธอกำลังสับสนกับความทรงจำ ส่งผลให้มีหลายอย่างที่เธอจำไม่ได้ และนั่นรวมไปถึงเหตุผลที่เธอปรากฏตัวขึ้นที่นี่
เธออาจตั้งใจมาที่นี่ด้วยตัวเอง หรือถูกอะไรบางอย่างส่งมา นั่นเป็นได้ทั้งนั้น
ฮังอวี่เอ่ยคำถามหลายข้อติดๆกัน แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม
เด็กสาวจากโลกวิญญาณดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นเอาแบบนี้ดีกว่า
ฮังอวี่เริ่มอธิบายสถานการณ์ของที่นี่ให้เธอฟัง โดยบอกเธอว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่โลกวิญญาณ ... อย่างน้อยมันก็ยังไม่ถูกรวมกับโลกวิญญาณในขณะนี้ และยังเป็นโลกที่มีกว่าสองร้อยประเทศ มีมนุษย์อาศัยอยู่มากกว่าเจ็ดพันล้านคน
มากกว่าเจ็ดพันล้าน?
เด็กสาวโลกวิญญาณตกตะลึง
ในสายพันธุ์ภูติมายาของพวกเธอ มีสมาชิกอยู่แค่ไม่กี่พันตนเท่านั้น
ทว่ามนุษย์กลับมีมากถึงเจ็ดพันล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนมากพอที่จะทำให้เธออึ้งได้ทั้งวัน
เด็กสาวโลกวิญญาณได้รับข้อมูลจากฮังอวี่มาว่า โลกแห่งนี้พึ่งถูกรุกรานจากโลกวิญญาณ และผู้คนมีความคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณ บวกกับอุปสรรคทางภาษา เกรงว่าเธอคงรอดยาก
ถ้างั้นจะทำยังไงดี?
สภาพเธอในตอนนี้อ่อนแอเกินไป
ความทรงจำไม่เพียงยุ่งเหยิง แต่พลังรบส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้นคืนกลับมา
เด็กสาวมีประสบการณ์ติดต่อกับสายพันธุ์ทรงภูมิปัญญาอื่นๆในโลกวิญญาณไม่มากนัก และด้วยความทรงจำที่ยุ่งเหยิงในตอนนี้ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจับมือเป็นมิตรกับคนนอก
“คงมีอุบัติเหตุบางอย่างทำให้เราถูกส่งมาที่นี่ ผู้รับใช้ของเราดูเหมือนจะหายสาบสูญ สิ่งของของเราก็เหมือนจะถูกทำลาย อีกทั้งพลังรบยังสูญเสียไปเกือบหมด” เด็กสาวโลกวิญญาณมองคนที่อยู่ตรงหน้าและพูดว่า “เจ้าช่วยพาเรากลับไปได้ไหม? ถ้าเจ้าทำได้ เรายินดีมอบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม!”
ฮังอวี่ส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าของเสียงน่าเกรงขามอนุญาตให้มนุษย์เท่านั้นที่สามารถเข้าสู่โลกวิญญาณได้ ตั้งแต่วินาทีที่เธอมาโผล่ยังสถานที่แห่งนี้ ชะตาเธอก็ถูกลิขิตให้ไม่อาจกลับไปได้ ... อย่างน้อยก็ช่วงเวลาสั้นๆ”
เด็กสาวโลกวิญญาณตกใจ
งั้นเธอจะต้องทำอย่างไรต่อไป?
มาโผล่ในโลกใบนี้โดยปราศอุปกรณ์ ปราศจากผู้รับใช้ ปราศจากพลัง แล้วเธอจะตั้งหลักได้อย่างไร?
ฮังอวี่เอ่ยขึ้นในตอนนี้ “ยังไงก็ตาม ในเมื่อพวกเราได้พบกันแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเรามีชะตาต้องกัน ถึงแม้พลังของเธอยังไม่ฟื้นกลับมาเต็มที่ แต่ฉันคิดว่าน่าจะยังพอใช้งานมันได้อยู่บ้าง ตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือ ถ้าเธอยอมอธิบายพลังที่มี แล้วมันช่วยฉันได้ ฉันยินดีรับเธอมาอยู่ในการดูแล และจะมอบคำแนะนำที่จำเป็นให้สามารถใช้ชีวิตในโลกใบนี้”
เด็กสาวโลกวิญญาณลังเลอยู่นาน
แต่สุดท้ายเธอดูท่าจะไม่มีทางเลือกอื่น
เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าที่นี่ไม่ใช่โลกวิญญาณ
พลังรบของเธออ่อนแอลงมาก บวกกับการสูญเสียความทรงจำอย่างร้ายแรง ไหนจะเรื่องที่พูดภาษาของโลกใบนี้ไม่ได้ สถานการณ์ทุกอย่างวิกฤตสุดๆ ... หากชาวพื้นเมืองผู้นี้เต็มใจรับดูแลเธอจริงๆ นั่นคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ดังนั้นเธอจึงอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับพลังที่เหลืออยู่ของเธอโดยสังเขป
ดวงตาของฮังอวี่สว่างไสวขึ้นทันที
เธออาจยังไม่พูดถึงความสามารถทั้งหมดที่ตัวเธอมีก็จริง
และถึงแม้ยังไม่แน่ชัดว่าเธอแอบซ่อนหรือปกปิดอะไรเอาไว้อีกรึเปล่า
อย่างไรก็ตาม ตัดสินจากสถานการณ์ที่เปิดเผยออกมา แม้อีกฝ่ายจะสูญเสียพลังรบส่วนใหญ่ไป แต่ก็ยังอยู่ในเลเวล 6 -7 และในแง่ของความแข็งแกร่ง เธออยู่เหนือมาตรฐานของชนชั้นยอดขั้นโกลด์ ใกล้เคียงกับมอนสเตอร์ระดับเจ้าถิ่น!
ฮังอวี่ได้รู้บางสิ่งจากความทรงจำ ว่าเผ่าแฟรี่ระดับสูงส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต
ฟังจากเด็กสาวจากโลกวิญญาณผู้นี้ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะถูกต้อง
อีกฝ่ายมีสกิลสายการผลิตค่อนข้างหลากหลาย แม้จะอยู่ในสภาวะอ่อนแอ แต่ก็ยังมีความสามารถในขั้นกลางหรือสูงกว่านั้นในด้านการกลั่นยา รวบรวมวัตถุดิบ เพาะปลูก ตีบวก เล่นแร่แปรธาตุ หลอมอาวุธ และการปรุงอาหารวิญญาณ
นี่มันสมบัติชัดๆ!
ต้องหาวิธีหลอกล่อเธอให้จงได้!
ต้องได้เธอมาอยู่เคียงข้าง สมาคมมังกรฟ้าตอนนี้ยังขาดหัวหน้าฝ่ายผลิต!
นอกจากนี้ สถานะสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณของเธอก็มีค่าเช่นกัน เพราะจะมากจะน้อยเธอก็มีความรู้จากโลกวิญญาณ หากใช้มันร่วมกับความทรงจำของจอมปราชญ์แล้วล่ะก็--
--แค่นึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตมันก็น่าตื่นเต้นแล้ว!