737 - จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม
737 - จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม
หนานกงเจิ้งเล่าว่าพวกเขาพบการสูญเสียมากมาย ผู้คนหลายสิบคนที่เดินทางไปร่วมกันล้มตายลงอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะเข้าห้องโถงก็มีผู้คนตายไปแล้วกว่าสิบคน
“ข้างในนั้นมีอักษรโบราณที่เขียนว่า”ผู้อมตะ“มันเป็นอักษรเปื้อนเลือดที่แม้จะผ่านกาลเวลาอันยาวนานหลายแสนปีเลือดก็ยังชุ่มโชคอยู่อย่างนั้น!” หนานกงเจิ้งกล่าวเสียงต่ำ
“เลือดชนิดนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ยอดฝีมือระดับครึ่งเซียนสองคนพยายามรวบรวมเลือดเหล่านั้นขึ้นมา แต่สุดท้ายไอสังหารที่อยู่ภายในก็เผาผลาญร่างกายของพวกเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน”
หนานกงเจิ้งกล่าวด้วยความเศร้าโศก ประสบการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวทำให้เขายังคงขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่าเขามีความกลัวที่ไม่สามารถสลัดออกจากใจได้
เย่ฟ่านตกใจและแอบดีใจเล็กน้อยที่ไม่ได้สัมผัสกับเลือดพวกนั้น
“มันเป็นเลือดของผู้อมตะที่แท้จริงหรือ?” ประมุขหญิงของวังเทพหิมะกล่าวด้วยความสนใจ
"ผู้อาวุโสบางคนคาดเดาว่าอาจจะเป็นเลือดของจักรพรรดิโบราณซึ่งสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกได้”
"อะไรนะ?"
“จักรพรรดิโบราณอาจจะตายอยู่ข้างใน?”
ทุกคนไม่เชื่อ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนล้วนมีความแข็งแกร่ง พวกเขาจะตายจากพลังที่มาจากภายนอกได้อย่างไร?
ผู้คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสูงของแผ่นดิน ดังนั้นพวกเขาไม่เชื่อว่าบุคคลระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จะมีผู้ใดสามารถทำอันตรายได้
“วังทองแดงนั้นเคยปรากฏในยุคโบราณหรือไม่?”
เย่ฟ่านเปล่งเสียงถามวานรศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ
วานรศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าเหมือนเคยได้ยินท่านพ่อของข้ากล่าวเหมือนกัน แต่ความทรงจำมันพร่ามัวเหลือเกินอยากที่จะจดจำได้”
เย่ฟ่านตกตะลึง ห้องโถงอมตะสีทองนี้มีความเก่าแก่มากแค่ไหน แม้แต่บิดาของวานรศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุหลายล้านปีก็ยังกล่าวถึงมัน
เมื่อหนานกงเจิ้งอยู่ที่นั่น พวกเขาค้นพบคัมภีร์โบราณหลายเล่มและมันดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายจนทำให้ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสเหล่านั้นร่างกายแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
“เพียงหนึ่งลมหายใจครึ่งเซียนเหล่านั้นก็กลายเป็นเถ้าถ่าน?”
ทุกคนที่อยู่ในนั้นตะลึงและแทบไม่อยากจะเชื่อเลย
ผู้อาวุโสที่เข้าไปในวังทองแดงเป็นคนแบบไหน พวกเขาคือครึ่งเซียนที่มีอายุหลายพันปี แต่สุดท้ายพวกเขากลับต้องตายอย่างง่ายดายแบบนั้น
“ผู้ใดถึงมีความสามารถระดับนั้น?” ทุกคนแทบนึกไม่ออก
“นั่นคือพลังของจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม!”
ทันทีที่คำกล่าวของหนานกงเจิ้งออกมา ทุกคนก็ยืนขึ้นด้วยความตกใจ
"อะไร นี่มันเป็นไปไม่ได้!"
"เขายังมีชีวิตอยู่หรือ"
"ตอนที่เขายังครองความยิ่งใหญ่ในโลกมันก็ผ่านมาอย่างน้อยสองแสนปีแล้ว!"
ทุกคนตกตะลึง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสยดสยอง
จักรพรรดิโบราณองค์นี้แตกต่างจากคนอื่นๆ เขาเป็นศัตรูของคนทั้งโลก และสังหารยอดฝีมือมากมายเพียงลำพัง
“ข้าไม่ได้บอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่” หนานกงเจิ้งส่ายหัว
“ผู้อาวุโสเห็นอะไร”
“เขาทิ้งอะไรไว้เบื้องหลัง และเขาเกือบจะทำลายพวกท่านทั้งหมดได้อย่างไร”
ทุกคนตื่นเต้นและอยากรู้คำตอบอย่างมาก ข่าวเหล่านี้น่าทึ่งและกระตุ้นความสนใจของทุกคนอย่างถึงที่สุด
“เราเห็นศพของจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม…” หนานกงเจิ้งกล่าวอย่างสบายๆ
หลังจากที่พวกเขาเข้าไป พวกเขาเห็นเลือดสีแดงสด ซึ่งเหมือนกับเลือดของผู้อมตะ นอกจากนี้ยังมีเศษซากศพบางส่วน ซึ่งแน่นอนว่ามีไม่มาก
ชิ้นส่วนซากศพเหล่านั้นล้วนมีพลังอันกล้าแข็งที่น่ากลัวอย่างถึงที่สุด
“จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมก็พลาดท่าตายอยู่ข้างใน!”
“เป็นไปไม่ได้ ใครจะทำร้ายเขาได้ ในตอนที่เขาครองอำนาจว่ากันว่าเขาคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก”
“เป็นไปไม่ได้ คนที่มีความแข็งแกร่งขนาดนั้นยังจะมีศัตรูอีกหรือ!”
แทบทุกคนตะลึงและไม่เชื่อข่าวนี้เลย ไม่มีทางเป็นไปได้
“เป็นจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมจริงๆ!”
เมื่อทุกคนได้ยินคำกล่าวนี้ในที่สุดพวกเขาก็นั่งลงเพราะไม่สามารถหาคำพูดมาหักล้างได้
“ซากศพที่เหลือมีเพียงไม่กี่ชิ้นส่วน แต่ไอสังหารสามารถเจาะทะลุอดีตและปัจจุบันได้ ข้าเชื่อว่ายกเว้นจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมซึ่งครั้งหนึ่งเคยครอบครองความยิ่งใหญ่ในโลก มันไม่มีใครที่จะมีไอสังหารที่โหดเหี้ยมถึงขนาดนี้” หนานกงเจิ้งกล่าว
พวกเขาพยายามค้นคว้าว่านั่นคือชิ้นส่วนซากศพของใคร สุดท้ายพวกเขาก็พบรอยประทับบนพื้นที่เป็นรูปใบหน้าของมนุษย์ซึ่งจะยิ้มก็ไม่ใช่ร้องไห้ก็ไม่เชิง
นั่นเป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมเมื่อสองแสนปีก่อน!
“มันเป็นแค่เครื่องหมาย บางทีอาจเป็นจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมที่โจมตีหรือฆ่าซากศพที่ท่านเห็น” ใครบางคนกล่าว
หนานกงเจิ้งสั่นศีรษะและกล่าวว่า "เราค้นหาอย่างระมัดระวังและพบว่ามีสัญลักษณ์มากมายถูกประทับไว้ทั่วห้อง เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน"
ศพกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณที่จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมนั่งสมาธินั่นเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าร่างกายของเขาเกิดการเสื่อมถอยก่อนจะเสียชีวิต
“ผู้อาวุโสมั่นใจจริงๆเหรอว่านี่คือจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม” เสียงของบางคนแทบจะสั่นสะท้าน
สุดท้ายใครเป็นคนทำอย่างนั้น ทุกคนรู้สึกชาที่หนังศีรษะ แม้แต่จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมก็ยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า!
“ข้าแน่ใจว่าเป็นจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม เพราะเราพบร่องรอยของเขาที่กำลังหลอมยาวิเศษด้วย” หนานกงเจิ้งกล่าวอย่างชอบธรรม
“อะไรนะ!”
หลายคนอุทาน จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนปลูกยาเซียน พวกเขาย่อมมีความสามารถในการปรุงยาอย่างแน่นอน
“ผู้อาวุโสได้รับยานั้นมาหรือไม่”
"หรือว่ายาต้นนั้นยังมีชีวิตอยู่?"
ทุกคนแทบหายใจไม่ออก หลายคนมีอายุเกือบสองพันปี อายุขัยเหลือไม่มากและกำลังเสื่อมถอยลงทุกวัน
“หลายปีผ่านไป จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมได้จากไปแล้ว ยาเซียนของเขาจะอยู่ที่นั่นได้อย่างไร บางทีมันอาจจะหนีไปตั้งแต่ที่เขาตายด้วยซ้ำ”
หนานกงเจิ้งส่ายหัวทำลายความฝันของทุกคน พวกเขาเห็นแต่หลุมบ่อที่ซึ่งยาเซียนได้หยั่งรากทิ้งร่องรอยไว้ และไม่มีอะไรอื่นอีก
“จักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมถูกสังหารแล้วจริงๆ แม้แต่ยาเซียนที่เขาครอบครองก็ยังหนีไปแล้ว เหตุการณ์ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้!”
ไม่มีใครไม่ตกใจ ไม่มีใครไม่กลัว นี่มันไม่น่าเชื่อ
ชายผู้โหดเหี้ยมที่สั่นสะเทือนอดีตและปัจจุบันได้จบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า
"เป็นเรื่องน่าสยดสยองจริงๆที่แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของ สมัยโบราณก็ยังร่วงหล่นเช่นนี้”
“ท่านแน่ใจหรือว่านั่นเป็นยาเซียนมังกรจริงๆ มันหนีไปแล้วท่านรู้ได้อย่างไร?”
บางคนไม่ใช่ไม่เชื่อแต่พวกเขาต้องการยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง
หนานกงเจิ้งพยักหน้าก่อนจะโบกสะบัดมือเพื่อนำดินที่ยามังกรเคยหยั่งรากอยู่ออกมา
ทันทีที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้หัวใจของเย่ฟ่านก็ตกตะลึง มันเป็นกลิ่นอายของยามังกรที่แท้จริงอย่างชัดเจน เขาไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งมันจะเป็นสมบัติของจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม
อดีตเขาเคยเห็นสมุนไพรพิเศษตอนนี้มาก่อน และตอนนี้มันก็หยั่งรากลึกอยู่ในภาคเหนือนี่เอง!
“จริงๆ แล้วข้าได้พบกับจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมและข้าก็เกือบจะได้ยาเซียนของเขามา!” เย่ฟ่านถอนหายใจในใจ
ทันใดนั้นเขาคิดถึงทุกอย่างในรังหมื่นมังกร ไม่ต้องพูดถึงต้นกำเนิดสวรรค์มากมายมหาศาล สิ่งที่อยู่ในโลงศพขนาดใหญ่นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือซากศพบางส่วนของจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยม!
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู๋เป่ยนั่งอยู่บนแท่นบูชาห้าสีโบราณ แต่เขาไม่ได้เลือกรังหมื่นมังกรและเลือกภูเขาสีม่วงแทน บางทีเขาอาจจะพบว่าจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมกำลังสร้างชีวิตที่สองของตัวเองในรังมังกรก็ได้
เย่ฟ่านสั่นสะท้านและไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป