736 - การชุมนุมมากสีสัน
736 - การชุมนุมมากสีสัน
ห้องโถงอมตะสีทองเป็นหลุมฝังศพของราชาผู้โหดเหี้ยม และไม่ทราบว่ามียอดฝีมือจำนวนเท่าใดถูกฝังไว้
ทุกครั้งที่ปรากฏขึ้น มันจะกลืนกินชีวิตของกลุ่มปรมาจารย์ที่ไม่มีใครเทียบได้ ตลอดยุคสมัย มันเป็นเรื่องลึกลับมาตลอดและไม่มีใครสามารถค้นพบความลับนั้น
ผู้เฒ่าตระกูลหนานกงเจิ้งเป็นคนแรกที่เข้าไปในนั้นแล้วรอดชีวิตกลับมา ซึ่งทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสต่างแสดงความกังวล และเหล่าผู้ฝึกตนจากทุกทิศทุกทางก็ก้าวเข้ามาด้วยความสนใจ
“ทุกคน ตราบใดที่ข้ารู้ข้าจะคายมันออกมาทุกอย่าง ดังนั้นอย่าวิตกกังวลไป”
หนานกงเจิ้งยิ้มขณะเดินเข้าไปในวังสวรรค์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกและนั่งลงหลังโต๊ะหยกพร้อมกับดื่มสุราอมฤตเพื่อดับความกระหาย
หลังจากนั้นไม่นานราชินีศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึง ห้องโถงใหญ่ปกคลุมด้วยหมอกสีสันงดงาม โดยมีแสงเก้าดวงลอยอยู่ด้านบน เสียงจอแจเงียบหายไป และทุกคนก็กลับเข้าที่
ผู้คนส่วนใหญ่ในวังสวรรค์แห่งนี้เป็นวีรบุรุษผู้มีภาระสืบทอดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรักษาภาพลักษณ์ด้วย
จากนั้นเสียงเพลงอมตะดังขึ้นเหล่าเทพธิดาของทะเลสาบหยกเดินออกมาจากด้านนอกด้วยชุดสีขาวงดงาม การเคลื่อนไหวของพวกนางอ่อนช้อยอ้อยอิ่งมีความกลมกลืนกับธรรมชาติสร้างลุ่มหลงให้กับผู้คน
นอกวังนกหลวนกำลังโบยบิน ส่องแสงสว่างไสวดั่งสายรุ้ง หน้าวังหยกมีกล้วยไม้อยู่ทุกหนทุกแห่ง ดอกไม้แปลกๆ ปลดปล่อยควันหลากสี ปลาและมังกรวารีกระโจนอยู่ในสระบัวกลายเป็นความงามอันไร้ที่เปรียบ
เย่ฟ่านโชคดีที่ได้นั่งอยู่ในห้องโถงของวังสวรรค์ สถานที่แห่งนี้มีเพียงปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่เข้ามาได้ แต่เขาได้รับเชิญมาเป็นแขกพิเศษของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก
เมื่อมองไปรอบ ๆ ห้องโถง เขาและวานรศักดิ์สิทธิ์เป็นกลุ่มเดียวที่ไม่มีเสียงพูดคุย ในส่วนของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายล้วนเป็นสหายเก่า พวกเขาจึงพูดคุยกันอย่างมีความสุข
ผู้ที่อยู่ในห้องโถงนี้หากนับเฉพาะอายุรวมกันอาจมีมากกว่าล้านปีด้วยซ้ำ
หลายคนแสดงสีหน้าแปลกๆ เมื่อมองไปที่เย่ฟ่าน เขาถึงกับตัดศีรษะบุตรศักดิ์สิทธิ์และแม้แต่ผู้อาวุโสของทุกฝ่ายก็ตื่นตระหนกและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
เป็นที่ทราบกันดีว่าเย่ฟ่านมีคุณสมบัติที่จะนั่งที่นี่ในฐานะปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ สถานะของเขาไม่เป็นรองผู้อาวุโสคนใดที่อยู่ในห้องโถงอย่างแน่นอน
คนส่วนใหญ่ไม่รู้ที่มาของวานรศักดิ์สิทธิ์ เขามีความชำนาญในศิลปะแห่งการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ซึ่งเทียบได้กับเย่ฟ่าน แม้แต่ปรมาจารย์ก็ไม่สามารถมองเห็นได้
มีเพียงทายาทของตระกูลโบราณที่ฝึกฝนศิลปะต้นกำเนิดโดยเฉพาะเท่านั้นที่มองเห็นเบื้องหลังที่แท้จริงของวานรศักดิ์สิทธิ์ได้
เย่ฟ่านนั่งอยู่ที่นี่และอยากได้ยินหนานกงเจิ้งกล่าวถึงความลึกลับของวังอมตะสีทองแต่ดูเหมือนความลับนั้นคงยากที่จะถึงเวลาเล่า
ดังนั้นเขาจึงเดินออกมาด้านนอกเพื่อดื่มสุรากับพวกหลี่เหอซุยและคนอื่นๆ
วานรศักดิ์สิทธิ์ก็ตามออกมาด้วย เขาไม่รู้จักใครที่นี่และเขาไม่อยากดื่มกับคนแก่พวกนั้น
นอกวังสวรรค์ มีโต๊ะหยกมากมาย ในแต่ละที่จะมองเห็นเทพธิดาทะเลสาบหยกกำลังร่ายรำอยู่บนก้อนเมฆ บนโต๊ะก็มีสุราและอาหารเลิศรสให้ดื่มกินตลอดทั้งวัน
“ทำไมเจ้าถึงออกมา ทำไมไม่อยู่ในห้องโถงเพื่อเพลิดเพลินกับอาหารของเหล่าผู้อาวุโส ของดีที่อยู่ในนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เด็กน้อยอย่างเราจะมีโอกาสได้ดื่มกิน” หลี่เหอซุยกล่าว
เย่ฟ่านนั่งอยู่หลังโต๊ะหยกและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไร ข้าจะเข้าไปข้างในหลังจากที่พวกเขาเริ่มกล่าวเรื่องสำคัญ”
หนานหนานนั่งลงข้างเย่ฟ่านอย่างเชื่อฟัง แต่นางก็ตกตะลึงกับบรรยากาศที่มองเห็น ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นเด็กและนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่นางได้มองเห็นสิ่งเหล่านี้
หลายคนหัวเราะเสียงดังและอุ้มหนานหนานขึ้นมาวางลงบนโต๊ะหยก
“พี่เย่ ข้าขอร่วมดื่มสุรากับเจ้า”
จินฉีเซียวเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า ชุดเกราะสีทองของเขามีแสงส่องประกายไหลเวียนคล้ายกับเตรียมที่จะต่อสู้ได้ตลอดเวลา
เย่ฟ่านชนจอกกับเขาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าได้ยินมาว่าพี่จินได้รับบาดเจ็บไม่นานมานี้ ดีขึ้นหรือยัง”
"ข้าไม่รู้ว่าทำไมศาลสวรรค์ถึงมาโจมตีข้า" จินฉีเซียวขมวดคิ้ว
“กล่าวได้ว่าพวกเราเป็นโรคเดียวกันแล้ว”
บุตรศักดิ์สิทธิ์เหยากวงลุกขึ้นเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยหยก
เมื่อยืนอยู่ด้วยกัน พวกเขาดูสะดุดตาเป็นพิเศษ และยอดฝีมือคนอื่นๆ ต่างก็มองมาในทิศทางนี้ด้วยความสนใจ
“เจ้าเป็นทายาทของสายเลือดของราชาทองคำ!”
ดวงตาสีทองของวานรศักดิ์สิทธิ์จ้องไปที่จินฉีเซียวและกล่าวว่า
“น่าเสียดายที่เลือดไม่บริสุทธิ์ เชื้อสายของเจ้าไม่ใช่เชื้อสายจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อีกต่อไปแล้ว”
ทันทีคำกล่าวเหล่านี้ออกมาใบหน้าของผู้คนมากมายก็เปลี่ยนสี หลายคนรู้ว่าตระกูลจินเป็นเผ่าพันธุ์โบราณ แต่น้อยคนจะกล้าพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าพวกเขา
โดยไม่คาดคิดวานรศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงแค่ชี้ให้เห็นเท่านั้น แต่ยังกล่าวถึงปัญหาเรื่องการสืบทอดทางสายเลือดอีกด้วย
จินฉีเซียวแสดงสีแปลกๆ แต่เขาไม่ได้กล่าวอะไรมาก เพียงยกจอกขึ้นและดื่มเหล้าของตัวเอง
“นับเป็นโชคชะตาจริงๆ...”
ทันใดนั้นก็มีอีกาเพลิงสีทองตัวใหญ่คำรามอยู่บนท้องฟ้า จากนั้นสายฟ้าสีดำก็พุ่งเข้ามาในวังสวรรค์ก่อนจะเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นชายชราที่สวมเสื้อคลุมขนนก
“นี่คือนักพรตอีกา มันยังมีชีวิตอยู่!” ผู้อาวุโสหลายคนตกใจ
หัวใจของเย่ฟ่านเต้นผิดจังหวะ เขาได้เห็นปีศาจเฒ่าที่ไม่มีใครเทียบได้บนชั้นแปดของดินแดนอัคคี ในตอนนั้นเขากำลังหลอมอาวุธและถูกผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลจี้ก่อกวนจนเกิดความคุ้มคลั่ง
“นี่เป็นบุคคลในยุคเดียวกันกับนักพรตมังกรแดง เขามีชีวิตอยู่มานานกว่าสามพันปีและแม้แต่ปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทุกคนก็เป็นเพียงเด็กรุ่นหลังของเขา!”
ใครก็ตามที่จำเขาได้จะรู้สึกหนาวเหน็บและต้องรีบหนีให้ไกล ปีศาจเฒ่าผู้นี้ไม่ได้ออกมาจากที่จำศีลนานกว่าพันปีแล้ว แต่ชื่อของเขายังไม่ถูกลืม
ผู้อาวุโสไท่ซ่างแห่งทะเลสาบหยกทักทายเขาและเชิญอสูรเฒ่าเข้าไปในวังสวรรค์อย่างสุภาพโดยไม่กล้าเลยอย่างเด็ดขาด
ไม่นานหลังจากนั้นศิษย์ของทะเลสาบหยกก็เริ่มนำลูกท้อออกมา และงานเลี้ยงลูกท้ออันมหัศจรรย์ก็เริ่มต้นขึ้น ทุกโต๊ะวางด้วยลูกท้อวิญญาณสองสามผลที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอม
ทุกคนพูดคุยเสียงดัง ราชาโบราณจะฟื้นคืนชีพอีกครั้งและเหล่าศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง ดังนั้นการพูดคุยจึงเต็มไปด้วยความเข้มข้น
เจียงฮ่วยเหรินและหลี่เหอซุยดึงเย่ฟ่านออกไปร่วมดื่มหลายจอก และพวกเขาก็ไปหาบุตรศักดิ์สิทธิ์รวมถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์หลายคนมาร่วมดื่มด้วย
“อย่าได้ไว้ใจคนเหล่านี้ ทุกคนล้วนเป็นคู่แข่งที่ต้องการเข้าสู่สำนักฉีซื่อและความปรารถนาสูงสุดของพวกเขาคือการฆ่าเจ้า” จักรพรรดิดำกล่าวอย่างไม่ปรานี
“ด้วยความขัดแย้งที่เกิดขึ้นคงเป็นเรื่องยากที่ข้าจะพิชิตใจหญิงงามคนนั้น” เจียงฮ่วยเหรินไล่ตามสตรีศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดและบ่นพึมพำในใจ
“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรท่านอา?”
เจียงไช่ซวนน้องสาวของเจียงอี้เฟยบังเอิญยืนอยู่ข้างเขาและก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดท่านอาที่ไร้ความสำรวมของนาง
“ข้าจะไปหาอาหญิงมาให้เจ้า” เจียงฮ่วยเหรินพึมพำ
เจียงไช่ซวนนั้นเป็นหญิงสาวที่งดงามและมีชีวิตชีวา เมื่อได้ยินคำพูดของเขานางก็อดที่จะแค่นเสียงอย่างเย็นชาไม่ได้
“บัดซบ!”
ชายหนุ่มหลายคนคำรามด้วยความโกรธ โดยเฉพาะศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดซึ่งมีความแค้นกับเย่ฟ่านอย่างลึกล้ำ
“เทพธิดาจื่อเซี่ย เจ้าสนใจที่จะเป็นน้องสะใภ้ของข้าหรือไม่” ในอีกด้านหนึ่งจักรพรรดิดำถามสตรีศักดิ์สิทธิ์ของคฤหาสน์ม่วงอย่างจริงจัง
“เจ้าพูดเรื่องบ้าอะไร”
เมื่อเย่ฟ่านได้ยินคำพูดนั้นเขาก็พ่นเหล้าออกจากปาก แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้พูดอะไร ในห้องโถงหนานกงเจิ้งก็เริ่มเล่าประสบการณ์ของเขาภายในวังทองแดงแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนั้นเด็กหนุ่มสาวรุ่นเยาว์มากมายต่างก็หลั่งไหลเข้าไปในห้องโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความตื่นเต้น
“ข้าเห็นซากศพของปรมาจารย์เก๋อไต๋ในโถงทองคำ...” หนานกงเจิ้งเริ่มเล่าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เขาเข้าไปในห้องโถงอมตะสีทองพร้อมกับตัวตนลึกลับที่ชีวิตกำลังจะมาถึงช่วงสุดท้ายหลายคน
สิ่งที่หนานกงเจิ้งกล่าวนั้นเกือบจะเหมือนกับสิ่งที่เย่ฟ่านประสบ แต่พวกเขาอาศัยความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงเพื่อเข้าสู่ห้องโถง ซึ่งแตกต่างจากเย่ฟ่านที่ใช้พลังของโลงศพทองแดง