Ep.163 - อาจเป็นการผจญภัยอีกครั้ง?
2/3
Ep.163 - อาจเป็นการผจญภัยอีกครั้ง?
ณ เมืองเจียงเฉิง
ภายในชุมชนตรอกมังกรฟ้า
ฮังอวี่พาสุนัขคู่ใจออกจากคฤหาสน์ตั้งแต่เช้าตรู่
ระหว่างทาง เขาได้พบกับเพื่อนบ้านมากมาย และเกือบทั้งหมดทำงานให้กับสมาคมมังกรฟ้า
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ พวกเขาเกือบทั้งหมดเป็นคนของฮังอวี่ ดังนั้นตบเท้าเข้ามากล่าวทักทายอย่างอบอุ่นเมื่อเจอหน้ากัน
“สวัสดีตอนเช้าเสี่ยวฮัง!”
“หวัดดีค่ะพี่ชายฮัง!”
“อรุณสวัสดิ์ลูกพี่ฮัง อรุณสวัสดิ์พี่รองฮัสกี้ ขอให้เป็นวันที่ดี!”
ในชุมชนนี้ ไม่เพียงแต่คนหนุ่มสาวจำนวนมากเท่านั้นที่ถูกดึงตัวเข้ามาในสมาคมมังกรฟ้า แต่ยังมีผู้สูงอายุและเด็กอีกไม่น้อย อย่างคุณย่าหวางและเสี่ยวเหมิงเหมิงก็เช่นกัน และถึงมีบางครอบครัวยังไม่เข้าร่วม แต่พวกเขาก็ทำงานให้สมาคมมังกรฟ้าไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
ซึ่งเท่านี้ก็พอแล้ว
ฮังอวี่ไม่มีความคิดที่จะผนวกดินแดนทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีความคิดที่จะพรากคนท้องถิ่น บังคับให้พวกเขาออกไป
เพราะท้ายที่สุดแล้ว อาณาเขตวิญญาณนั้นแตกต่างจากพื้นที่เพาะปลูกทั่วไป พืชวิญญาณระดับต่ำสามารถเติบโตได้ภายใน 2-3 วัน พืชวิญญาณระดับสูงขึ้นมาหน่อยก็สามารถเติบโตได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ด้วยฝีมือของเกษตรกรวิญญาณ
ในยุคสมัยนี้
ปริมาณผลผลิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ดินอีกต่อไป
อาณาเขตวิญญาณในการควบคุมของเขา ในปัจจุบันนับว่ามากพอแล้ว
พูดตรงๆก็คือ พรสวรรค์ของเกษตรกรวิญญาณและแหล่งผลิตพืชวิญญาณคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ตอนนี้ชุมชนมังกรฟ้ามีสมาคมมังกรฟ้าเป็นศูนย์กลาง และกำลังค่อยๆก่อตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยคลายความกังวล แต่ยังช่วยรักษาความสามัคคีได้ในระยะยาว
ฮังอวี่พาหวังเอ๋อไปยังสำนักงานใหญ่ก่อน
ทางหนึ่งเพื่อตรวจสอบงาน อีกทางหนึ่งเพื่อจัดแจงงาน
ในโลกวิญญาณ เป้าหมายระยะสั้นที่ใหญ่ที่สุดของฮังอวี่คือผู้พิทักษ์ต้นไม้ยักษ์
หลังการทดสอบเมื่อวาน เขาพบข้อบกพร่องของตัวเอง ดังนั้นก่อนกลับไปต้องเตรียมตัวให้พร้อม
ฮังอวี่สั่งคนของเขาให้ออกค้นหากับสมุนไพรไม่ก็สิ่งของที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ ความว่องไว และของจำพวกเพิ่มค่าพลังจิต หากสมบัติดังกล่าวตกอยู่ในมือคนอื่น ก็ให้ขอซื้อต่อมา แม้จะต้องใช้หินคริสตัลเยอะหน่อยก็ต้องซื้อมันมาให้ได้
ตัวฮังอวี่ตอนนี้ถึงจะยังครองตำแหน่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งเมืองเจียงเฉิง
แต่ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ กระทั่งสัตว์ประหลาดอย่างฮังอวี่ก็ยังมีจุดอ่อน และจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดดูเหมือนจะเป็นค่าพลังจิตที่มีน้อยเกินไป
ถูกต้อง!
ค่าสเตตัสโดยรวมของฮังอวี่ถือว่าไม่เลว
ทว่ามีเพียงค่าพลังจิตเท่านั้นที่ยังย่ำแย่ อยู่แค่ราวๆ 20 หน่วย!
อุปกรณ์สวมใส่ของนักรบ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีชิ้นไหนช่วยเพิ่มค่าพลังจิต ดังนั้นเป็นเรื่องยากที่จะชดเชยจุดอ่อนนี้ด้วยอุปกรณ์
แม้เขาจะมีความสามารถในการผลิตโพชั่นฟื้นฟูพลังจิตของตัวเอง แต่ด้วยสกิลในครอบครองที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โพชั่นพลังจิตที่ฟื้นฟูได้วินาทีละ 2 หน่วยไม่อาจตอบสนองต่อความต้องการได้อีกต่อไป!
ตอนนี้สกิลในปัจจุบันของเขาเช่น ล่องหนและประจัญบาน ค่อนข้างสิ้นเปลืองพลังจิตมาก
ส่วนสกิลขว้างอาวุธถึงใช้พลังจิตค่อนข้างต่ำ แต่ระยะเวลาคูลดาวน์ของมันสั้นมาก
หากต้องใช้หลายสิบครั้งติดๆกัน คงสิ้นเปลืองพลังจิตไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมีสกิลก้าววายุที่จำเป็นต้องใช้พลังจิตอย่างต่อเนื่องเมื่อเปิดใช้งาน
กล่าวได้เลยว่า ด้วยพลังจิตที่จำกัด มันได้กลายเป็นตัวขัดขวางฮังอวี่ไม่ให้สามารถสำแดงพลังรบได้สูงสุด!
อย่างเมื่อวานนี้ หากเขาอัพสกิลก้าววายุจนเต็ม ผลลัพธ์อาจต่างไปจากเดิมก็ได้
เพียงแต่ว่าการอัพสกิลก้าววายุจนเต็มนั้นสิ้นเปลืองพลังจิตเกินไปสำหรับฮังอวี่ และด้วยเงื่อนไขในการอัพสกิลทำให้เขายังไม่ยุ่งอะไรกับมัน
ดังนั้น แม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายบางอย่างไปบ้าง แต่เขาก็จำเป็นต้องเพิ่มพลังรบให้ตนเองเพื่อขจัดปัญหานี้โดยเร็วที่สุด!
ระหว่างฮังอวี่เดินตรวจงาน หวังเอ๋อคอยอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ของสมาคมมังกรฟ้าให้เขาฟัง
“ฮ่ง! สมาคมมังกรฟ้าพึ่งก่อตั้งเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่โดยรวมแล้วถือว่าอยู่ในสถานะของผู้ประกอบการ”
“ฝ่ายผลิตเริ่มทำงานอย่างเต็มรูปแบบ และมีโครงการที่สร้างรายได้แล้ว แต่ไม่ค่อยมีโครงการที่ทำกำไรได้มากนัก และกำไรส่วนใหญ่ที่ได้มา ก็จำเป็นต้องนำไปใช้จ่ายต่อทันทีเพื่อซื้อวัสดุสำหรับการหลอมอาวุธและสรรหาผู้ที่มีความสามารถสายผลิต”
“แผนกรวบรวมวัตถุดิบและแผนกต่อสู้มีทั้งหมด 150 คน ประมาณ 50 คนเป็นนักสู้ของเจ้าหน้าบาก ส่วนที่เหลือเป็นฝ่ายรวบรวมวัตถุดิบและทีมค้นหาของเจ้าหัวล้าน พวกเขามีหน้าที่หลักในการฆ่ามอนสเตอร์เพื่อรับวัตถุดิบและค้นหาสมบัติจากธรรมชาติทุกชนิด”
“แผนกการผลิตมีพนักงานทั้งหมด 100 คน และมีมากกว่า 40 คนในเกษตรกรวิญญาณ มากกว่า 20 คนในทีมช่างฝีมือวิญญาณ และมากกว่า 10 คนในทีมซ่อมแซมและย่อยสลาย ส่วนที่เหลือก็พวกที่มีความสามารเป็นเชฟวิญญาณและกลั่นโพชั่น สรุปตอนนี้การพัฒนาถือว่าค่อนข้างราบรื่น”
“...”
ไม่เลว!
สมาคมมังกรฟ้ามีบุคลากรมากขนาดนี้ จึงทำให้รายจ่ายค่อนข้างสูง
ตอนนี้แค่เลี้ยงทุกคนได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
แน่นอน การเสียเงินมากกว่าปกติเล็กๆน้อยๆเพื่อฝึกฝนบุคลากรในช่วงแรกเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
ร้านอาหารของอ้วนต้าไห่เริ่มทำกำไรแล้ว และส่วนหนึ่งของกำไรจากร้านสามารถนำมาสนับสนุนการพัฒนาของสมาคมมังกรฟ้า เพื่อให้ทางสมาคมมีเงินหมุนเวียน และลงทุนเปิดร้านค้าใหม่ในถนนมังกรฟ้า
ตราบใดที่สามารถกัดฟันผ่านช่วงแรกไปได้
ทีมต่างๆของสมาคมมังกรฟ้าจะมีศักยภาพที่ดีมาก
ถึงจะไม่กล้าเอ่ยว่ายอดเยี่ยม แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยให้ฮังอวี่ได้รับหินคริสตัลมากมาย
ฮังอวี่สามารถทำเงินได้มากจากการกลั่นโพชั่น
ซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวสมุนไพรได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว การผลิตโพชั่นต้องเพิ่มขึ้นตามอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม โพชั่นจำเป็นต้องมีคนคอยกลั่น และฮังอวี่ไม่สามารถขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวันเพื่อกลั่นมัน ไม่งั้นเขาจะเป็นเจ้านายไปเพื่ออะไร? โชคดีเริ่มมีการคัดเลือกบุคลากรที่มีความสามารถมาเข้าร่วมกับสมาคมแล้ว เอาไว้ว่างๆฮังอวี่จะไปคัดคนกลั่นโพชั่นที่เชื่อถือได้ และฝึกฝนพวกเขาด้วยตัวเอง
เรื่องงานผลิตประจำวันที่แสนน่าเบื่อ เก็บไว้ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำ
ส่วนฮังอวี่เพียงแค่นอนนับเงิน(หินคริสตัล) และรับผิดชอบสิ่งผลิตคุณภาพสูงและล้ำสมัยก็พอ
ท่ามกลางอุตสาหกรรมการผลิตจำนวนมากในระยะแรก วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างรายได้คือการทำอาหารและกลั่นโพชั่น
ธุรกิจค้าอาหารทั้งหมดส่งมอบให้อ้วนต้าไห่ดูแล ส่วนธุรกิจกลั่นโพชั่นคงต้องเอาเข้าวาระการประชุม แล้วหารือเรื่องคนรับผิดชอบกันอีกที
ตอนนี้รากฐานดีมากแล้ว เขามีที่ดิน มีเกษตรกร , มีเมล็ดพืช ขาดก็แต่คนกลั่นโพชั่นที่เชื่อถือได้
“แค่นี้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้พวกเรามีภารกิจต้องทำ ไปกันเถอะ”
“ฮ่ง ภารกิจ? ภารกิจอะไร??”
“เจ้าหมอโง่ นายลืมแมงมุมเหล็กที่พากลับมาครั้งก่อนแล้วหรอ?” ฮังอวี่เขกหัวฮัสกี้ “นายพบสัตว์ประหลาดนั่นที่ไหน พาฉันไปดูที!”
ที่แท้ก็เรื่องนี้!
ฮัสกี้แสดงสีหน้าว่าเข้าใจ
ไม่นึกเลยว่าเจ้านายจะอยากรู้เรื่องเจ้าแมงมุมมากขนาดนี้
ฮัสกี้ไม่เสียเวลา รีบนำทาง ฮังอวี่ไปทันที
ก่อนอื่นพวกเขาต้องผ่านสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อเข้าสู่เขาวงกตใต้ดิน จากนั้นอาศัยการรับกลิ่นอันแรงกล้าของสุนัข เริ่มค้นหาในวงกตใต้ดินอันซับซ้อน
ฮังอวี่เป็นคนค่อนข้างหลงทิศ
ทุกครั้งที่เข้าสู่วงกตใต้ดิน เขามักเกิดอาการปวดหัว
ไม่นานเขาก็ไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างทิศเหนือ ใต้ ออก ตก ทำได้แค่ตามสุนัขไปข้างหน้า
กว่าครึ่งชั่วโมงต่อมา ฮัสกี้ก็หยุดลงเบื้องหน้าปากหลุม มันแลบลิ้นหอบหายใจ ยกอุ้งเท้าสุนัขชี้ออกไปและพูดเสียงกระซิบว่า “ฮ่ง! เจ้านาย พวกมันอยู่ข้างหน้านี้”
“มีหมานำทางนี่มันสะดวกจริงๆ”
ฮังอวี่ลูบหัวฮัสกี้ชื่นชมมัน
สถานที่ผีสางเช่นนี้ ไม่ง่ายเลยที่คนธรรมดาจะหาเจอ
ฮัสกี้รู้สึกภูมิใจมากที่ถูกลูบหัว แต่ก็ยังไม่ลืมย้ำว่า “ฮ่ง! เปิ่นหวังขอเตือนเจ้านาย สัตว์ประหลาดพวกนี้แปลกมาก เปิ่นหวังแยกแยะพลังรบของพวกมันผ่านกลิ่นอายไม่ได้ เพราะงั้นคงหลังจากนี้ไปคงบอกไม่ได้ว่าข้างหน้าจะอันตรายหรือไม่”
ฮังอวี่หัวเราะทันที “เข้าใจแล้วน่า เจ้าหมาที่แสนภูมิใจในจมูกของตัวเอง เวลานี้กลับทำอะไรไม่ได้ ช่างน่าสงสารจริงๆ”
หูของฮัสกี้หุบต่ำลงทันที
จู่ๆมันก็รู้สึกอับอายขายหน้า
จมูกเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดของสุนัข
หากคุณพูดกับสุนัขว่าจมูกเอ็งมันไม่ดี นี่ก็เหมือนกับการชี้หน้าด่าว่าหำเล็กๆของผู้ชายไม่โด่
หากเป็นคนอื่นด่ามันเช่นนี้ หมาหวังเอ๋อคงกระโจนเข้ากัดทีเดียว 10 ครั้งใน 1 วินาทีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฮัสกี้งุนงงมาก ปกติจมูกของมันสามารถตัดสินพลังรบของสิ่งมีชีวิตต่างๆได้ แต่ขณะนี้กลับไม่ได้ผลกับพวกแมงมุม
แน่นอนสุนัขคงไม่รู้
ว่าสิ่งที่มันพบภายในถ้ำคือการสร้างสรรค์จากการเล่นแร่แปรธาตุ
สิ่งที่สร้างจากการเล่นแร่แปรธาตุไม่เหมือนสิ่งมีชีวิตทั่วไปแน่นอน
ฮังอวี่รู้ว่าเมื่อหวังเอ๋อสูญเสียเรดาห์ช่วยระบุอันตราย การเดินทางครั้งนี้จะยิ่งไม่ปลอดภัย แต่เขาตระหนักดีว่าสิ่งมีชีวิตจากการเล่นแร่แปรธาตุไม่ใช่มอนสเตอร์โลกวิญญาณ ดังนั้นโดยปกติแล้วพวกมันไม่น่ามีจิตวิญญาณ
และสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวิญญาณเช่นนี้ไม่น่าจะถูกส่งมายังโลกจริงได้
ซึ่งการที่พวกมันโผล่มา แสดงว่าต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่พิเศษเกิดขึ้นข้างในแน่นอน
ฮังอวี่เดาว่าอาจมีสมบัติวิเศษหรือการผจญภัยที่ไม่ธรรมดาอยู่ข้างใน แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากสิ่งที่ไม่รู้จัก แต่ด้วยพลังรบในปัจจุบันของเขา น่าจะมากพอที่จะปกป้องตัวเอง
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ฮังอวี่เองก็ฝึกฝนเทคนิคเล่นแร่แปรธาตุ
ฉะนั้นจึงมีความสนใจในการสร้างสรรค์ผลงานจากการเล่นแร่แปรธาตุพวกนี้
แม้ข้างในจะไม่มีสมบัติ แต่การได้รับเทคโนโลยีการเล่นแร่แปรธาตุใหม่ๆมาซักนิดซักหน่อยก็ถือว่าไม่เลว