621 - ยิ่งกว่าโรคระบาด
1931 - ยิ่งกว่าโรคระบาด
เรื่องนี้ทำให้เกิดคลื่นใหญ่ตามธรรมชาติ สามพันแคว้นไม่สามารถสงบลงได้ ตระกูลอมตะของเก้าสวรรค์เบื้องบนล้วนกำลังเตรียมตัวเพื่อรับกับสถานการณ์ที่รุนแรงมากที่สุด
พื้นที่ของอาณาจักรวิญญาณกลายเป็นสถานที่แห่งความตายไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้ หมอกสีดำและมืดมิดแผ่กระจายราวกับว่าประตูนรกได้เปิดออก
จากนั้นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น
พื้นที่ของโลกวิญญาณเริ่มแตกสลายหมอกสีดำกระจัดกระจายออกมาครอบคลุมโลกแห่งความเป็นจริงทำให้ทุกคนสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
"นั่นคืออะไร?"
“การกัดกร่อนของความมืดอย่าให้พวกมันสัมผัสตัวไม่งั้นเจ้าจะตายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!”
มีคนสองสามคนร้องออกมาด้วยความตกใจ
ภูมิภาคนี้เป็นขอบเขตของสามพันแคว้นโชคดีที่ดินแดนแห่งนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากนัก ไม่เช่นนั้นจะเกิดหายนะร้ายแรงที่อยากจะแก้ไข
อย่างไรก็ตามความเร็วของการกัดกร่อนน่าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก พวกมันเคลื่อนไหวราวกับว่าทะเลสีดำพลุ่งพล่านเข้าท่วมสามพันแคว้น ในเวลาเพียงหนึ่งวันพื้นที่ทั้งหมดใกล้ชายแดนถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้น
ในสถานที่แห่งนั้นตราบใดที่ถูกความมืดเข้ากลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะสูญสลายไป
“ตายแล้วพวกเขาตายหมดแล้วไม่มีใครสามารถรอดชีวิตได้!” ใครบางคนกรีดร้องออกมา เขาเป็นผู้รอดชีวิต
แม้ว่าเขาจะวิ่งออกมาทัน แต่กลับมีเส้นเลือดสีดำโผล่ขึ้นมาบนหน้าผากของเขา ในที่สุดเขาก็ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าร่างกายของเขากลายเป็นสีเทาก่อนจะตกลงพื้น
มีใครบางคนไปตรวจสอบเขาพบว่าวิญญาณดั้งเดิมของเขากระจัดกระจายราวกับว่ามันถูกลบออกอย่างสมบูรณ์และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
อย่างไรก็ตามร่างกายของเขาสมบูรณ์ดีไม่มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ภัยพิบัติอยู่ยังคงสอดแทรกอยู่ทุกสัดส่วนของเขา พลังแห่งความตายพุ่งออกมาจากร่างกายของบุคคลนั้นทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความไม่เป็นมงคล
จากนั้นความมืดก็แพร่กระจายออกมา
อา…
เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชดังขึ้นอย่างต่อเนื่องสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็ร่วงหล่นลงพร้อมกัน
การเปลี่ยนแปลงของหมอกปีศาจประเภทนี้น่ากลัวเกินไปราวกับว่าโรคระบาดกำลังแพร่กระจายสร้างหายนะที่ไม่เคยมีมาก่อน!
“จุดเริ่มต้นของความมืด! ยุคใหม่ที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง!” มีใครบางคนถอนหายใจ น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดไม่เต็มใจและเศร้าโศก
ในเวลาเพียงวันเดียวสองแคว้นก็หายไปสิ่งมีชีวิตทุกชนิดถูกกลืนกินเข้าไปในความมืดไม่สามารถหลบหนีออกมาทัน
โรคระบาดนี้ยังคงแพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ!
สามพันแคว้นวุ่นวายไปหมด นี่คือหายนะวันสิ้นสุดของโลกได้มาถึงแล้ว!
มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ต่างๆล้วนกำลังอพยพขึ้นสู่อาณาจักรที่สูงกว่าด้วยความหวาดกลัว
ในเก้าสวรรค์เบื้องบนเหล่าตระกูลอมตะต่างพากันตื่นตระหนก พวกเขาคิดไม่ออกว่ามันคืออะไรทำไมถึงเป็นแบบนี้!
แม้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาในทันที แต่มหาอำนาจของเก้าสวรรค์เบื้องบนก็เตรียมการล่วงหน้า พวกเขาคนไหนที่ไม่ต้องการเข้าสู่อาณาจักรเซียน?
“ข้าเกรงว่ามันจะเป็นไปไม่ได้มีเพียงเมล็ดพันธุ์อันยอดเยี่ยมเท่านั้นถึงจะถูกรับเลือกให้เข้าสู่อาณาจักรเซียน”
…
สวรรค์ทั้งเก้าเริ่มสับสนวุ่นวาย แม้แต่สำนักเสริมฟ้าตระกูลหวังตะกูลจินและตระกูลอมตะอื่นๆล้วนไม่สามารถสงบลงได้ พวกเขาทั้งหมดพยายามหาวิธีเข้าสู่อาณาจักรเซียนและละทิ้งโลกนี้ไป
“บรรพบุรุษของเรามาจากดินแดนเซียน พวกเราได้ติดต่อไปหาตระกูลหวังที่อาณาจักรด้านบนแล้วและกำลังรอคำตอบอยู่!”
“พวกเราเป็นเพียงตระกูลสาขาที่อยู่ในเก้าสวรรค์พิภพ ตระกูลหลักที่แท้จริงของพวกเราที่อยู่ในอาณาจักรเซียนนั้นมีรากฐานไม่ใช่ชั่ว ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเราจะได้เข้าสู่อาณาจักรเซียนอย่างแน่นอน!” ภายในตระกูลอมตมากมายสิ่งมีชีวิตเก่าแก่ของพวกเขาปลอบขวัญลูกหลาน
ทุกตระกูลพยายามหาทางทุกคนทำงานอย่างหนักหวังจะหนีจากภัยพิบัตินี้
สำหรับเยว่ฉาน จินซาน องค์หญิงเหยาเยว่และคนอื่นๆ พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นอัจฉริยะที่กลุ่มต่างๆต้องการ
เป็นเพราะด้วยเมล็ดพันธุ์ที่ไม่มีใครเทียบได้จึงมีโอกาสที่ตระกูลของพวกเขาจะติดตามคนเหล่านี้เข้าสู่อาณาจักรเซียน
เมื่อบรรลุความรู้แจ้งขั้นสูงสุดสือฮ่าวก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเขาหันกลับมาทุกอย่างก็รกร้างทะเลสาบดวงดาวเหือดแห้งกระท่อมมุงจากก็หายไป
บนพื้นมีหัวกะโหลกสีขาวราวกับหิมะ มันวางอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆไม่เคลื่อนไหว แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาประสบสิ่งนี้ แต่สือฮ่าวก็ยังรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก
เมื่อสักครู่ก่อนหน้านี้สถานที่แห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยลมฤดูใบไม้ผลิที่อ่อนนุ่มกลิ่นหอมของสมุนไพรลอยไปมา พระราชวังโลหะที่ตั้งตระหง่านเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
ในพริบตาทุกอย่างกลายเป็นฝุ่นเหลือเพียงซากปรักหักพัง ในขี้เถ้าเราสามารถเห็นกระเบื้องที่พังทลายและเศษซากปรักหักพังที่ถูกสร้างขึ้นจากโลหะ
พวกมันเคยเจิดจรัสส่องแสงไปทั่วโลกราวกับดวงอาทิตย์บนสวรรค์แต่สุดท้ายแล้วทุกสิ่งก็กลับคืนสู่ดิน สือฮ่าวถอนหายใจเบาๆ
ไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่เป็นนิรันดร์และไม่มีมรดกที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ ในท้ายที่สุดวันนั้นก็ยังคงมาถึงทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับคืนสู่ผืนดิน
ความรุ่งเรืองของยุคเซียนโบราณมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ยุคแห่งจักรพรรดินั้นน่าตื่นตาไม่มีใครเทียบได้ แต่สุดท้ายมันก็จบสิ้นเหลือเพียงแค่ตำนานเท่านั้น
“ตัวข้าต่างหากที่จะไม่มีวันร่วงหล่นไปตามกาลเวลา” สือฮ่าวพูดกับตัวเอง
เขาไม่ต้องการเป็นเหมือนราชาอมตะเหล่านั้นเช่นราชันย์แห่งดินแดนปิดผนึกคนนี้ แม้ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาหลายยุคหลายสมัยแต่สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงชะตาแห่งการร่วงหล่นได้
แต่ใครเล่าที่จะสามารถหลีกเลี่ยงพวกนี้? บางทีอันหลาน ซือถู จักรพรรดิแดงอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ชนะ? เพียงแต่ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ชนะชั่วคราวหรือชั่วนิรันดร์เท่านั้นเอง?
ต้นกำเนิดของอาณาจักรเซียนนั้นลึกลับไม่สามารถวัดได้ ว่ากันว่าพวกเขาดำรงมาตั้งแต่ก่อนยุคที่จักรพรรดิ์ร่วงหล่นซะอีก
เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นมีชีวิตยืนยาวมาตั้งแต่ยุคที่จักรพรรดิร่วงหล่น? มันยากที่จะพูด
สือฮ่าวจากไปแล้ว เขาได้รับความทรมานจากคำสาปสังหารอมตะอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นได้เรียนรู้มรดกของเผ่าพันธุ์ลิงปีศาจทำให้ความแข็งแกร่งของเขาก้าวไปอีกขั้น!
เมื่อเขากลับไปที่หมู่บ้านหินผา สือฮ่าวได้เรียกให้ลูกขนมาที่นี่ตอนนี้มันกำลังฝึกฝนญาณวิเศษหกสังสารวัฏด้วยความหงุดหงิด
“เจ้าต้องการเรียนมรดกอันล้ำค่าหรือไม่? ไม่มีอะไรเหมาะสมกับเจ้ายิ่งกว่านี้อีกแล้ว” สือฮ่าวยิ้ม เขารู้สึกว่าจูเหยียนเหมาะสมกับวิชาแปดเก้าสวรรค์มากที่สุด
ญาณวิเศษนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์มันจึงเป็นธรรมดาที่มันจะเป็นผู้สืบทอดที่เหมาะสมที่สุดเช่นกัน!
“แล้วมัวโอ้เอ้อยู่ทำไม?” จูเหยียนตะโกน
“เจ้ามีหมัดเทพเจ้าเต่าดำที่ทรงพลังที่สุดหรือไม่? ข้าก็อยากเรียนด้วย!” ไม่ไกลนักเต่าดำตัวใหญ่ก็เบียดตัวเข้ามา
“ออกไปจากที่นี่หยุดสร้างความรำคาญได้แล้ว!” ลูกขนเตะมันออกไปด้านข้าง
ต้องบอกว่าวิชานี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเผ่าพันธุ์จูเหยียนมันเรียนรู้ได้เร็วมาก ในถิ่นทุรกันดารใหญ่ทุกคนสามารถเห็นลิงสีทองที่ดุร้ายยืนตระหง่านคำรามไปยังสวรรค์
แต่เดิมลูกขนไม่ได้ตัวใหญ่มากนัก แต่ในตอนนี้เมื่อมันแสดงญาณวิเศษออกมาศีรษะของมันก็แทงทะลุสวรรค์ขึ้นไปแล้ว
สือฮ่าวใช้เวลาหลายวันต่อมาในการส่งต่อวิชานี้ให้แก่จูเหยียนโดยไม่ได้ปิดบังอะไรไว้
ในช่วงเวลานี้เขากำลังศึกษาญาณวิเศษของหงส์เพลิงที่แท้จริงรวมทั้งยังเคี่ยวเข็ญให้กับมังกรแดงฝึกฝนอีกด้วย
เขายังคงหวังว่าสักวันจะได้เห็นญาณวิเศษอันล้ำค่าของหงส์เพลิงและมังกรผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นวิชาที่ไม่มีใครเทียบ!
มังกรแดงก็ฝึกฝนอย่างหนักราวกับว่ามันถูกอาบด้วยเปลวไฟแห่งการเกิดใหม่ เสียงร้องของมังกรดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าร่างของหงส์เพลิงแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว แสงไฟโหมกระหน่ำเป็นฉากที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
สือฮ่าวฝึกฝนอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายวันและคอยชี้แนะการบ่มเพาะของเด็กๆอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในที่สุด
ไม่จำเป็นต้องพูดถึง 'เมล็ดพันธุ์' ที่นำกลับมาจากแดนรกร้าง ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกเขายังมากกว่าทายาทของตระกูลอมตะเสียอีก!
ความวุ่นวายระหว่างชีวิตและความเป็นความตายทำให้เด็กๆพวกนี้มีความสงบมากยิ่งขึ้น หลังจากได้เรียนรู้ญาณวิเศษอันล้ำค่าก็ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์ที่ไม่มีใครเทียบได้ในรุ่นเดียวกัน
สือฮ่าวเชื่อว่าวันหนึ่งนี่จะเป็นกองทัพทรงพลังที่จะติดตามเขาในอนาคต!
“เจ้าต้องระวังตัวด้วย” อวิ๋นซีมากล่าวอำลาดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวลกลัวว่าเขาจะพบเจออันตรายบนอาณาจักรที่สูงกว่า
เมื่อเร็วๆนี้สือฮ่าวยุ่งอยู่กับการบ่มเพาะมาโดยตลอดทำให้เขาละเลยไม่ได้ใส่ใจไข่มุกแห่งตระกูลเทพสวรรค์ เขาก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เพราะเวลาของเขาเร่งรีบมากเกินไป
“เจ้าก็ต้องดูแลตัวเองเช่นกัน!” สือฮ่าวกล่าวอย่างจริงจังพร้อมกับรูปศีรษะของนางเบาๆ
หลังจากนั้นเขาก็คว้านางเข้ามากอดในอ้อมอก
“รอสามีของเจ้าอยู่ที่นี่ไม่ต้องเป็นห่วง” สือฮ่าวหัวเราะเสียงดัง
ท้ายที่สุดเขาก็จากไป
สือฮ่าวต้องการสำรวจอาณาจักรที่สูงกว่าอีกครั้ง มีสัญญาณมากมายบ่งบอกว่าตอนนี้เกิดเหตุการณ์รายแรงในอาณาจักรด้านบนทำให้เขาต้องออกไปดูด้วยตาของตัวเอง