เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 215
ตอนที่ 215
การป้องกันที่ก่อร่างขึ้นด้วยสายฟ้าสีทองดูมิได้แข็งแกร่งนัก แต่เมื่อพวกมันเริ่มเคลื่อนไหว อักขระเต๋าที่ลึกลับก็ปะทุขึ้น ทำให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขาม
กระบี่โบราณที่พุ่งปะทะเข้ากับสายฟ้าสีทองกลับหยุดนิ่งอย่างกะทันหัน หรือต่อให้พวกมันบางส่วนจะยังรุกคืบไปได้บ้าง แต่ความเร็วกลับน้อยลงจนเหมือนไม่ได้ขยับเช่นก่อนหน้า
กระบี่ทั้งหลายเมื่อเคลื่อนต่อไปอีกเล็กน้อยก็ไม่สามารถจะเดินหน้าไปได้อีก จากนั้นหลินซวนจึงยื่นนิ้วของตนออกมาก่อนชี้ไปยังกระบี่เหล่านั้น และพวกมันก็แตกสลายไปทันที
“หรือว่านี่คือทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า? ข้าเองก็มิได้รู้หรอกว่าผู้อื่นคิดเช่นไร พวกเขาอาจจะบอกว่าเหล่าบุตรชายหญิงของตนมิใช่คู่ต่อกรของเจ้า? ช่างน่าตลกยิ่งนัก เจ้าต้องการจะทำร้ายข้าด้วยของพรรค์นี้? นั่นเป็นได้เพียงความฝันของคนโง่บัดซบเท่านั้น!” หลินซวนเอ่ยอย่างเฉื่อยชา
ต่อให้นิ้วของหลินซวนจะยังดูเหมือนเป็นนิ้วของเด็กน้อยธรรมดา แต่กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมาในตอนนี้ราวกับว่าเป็นผู้ปกครองโลกทั้งใบ
ได้ยินเช่นนั้น ลู่สีหลีกลับยิ่งเกรี้ยวกราด มันตะโกนดังลั่น
“อย่างได้ผยองเกินไปนัก วันนี้ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่าแยกโลกด้วยเจ็ดดาบนั้นหมายความเช่นไร!”
จากนั้นมันก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ตลอดเส้นทางที่เหยียบย่ำปรากฏเป็นดอกบัวผุดขึ้นมา นี่คือทักษะลับของมัน
วูบ!
ร่วมกับเสียงเจ็ดสาย กระบี่วิเศษเจ็ดเล่มพุ่งออกมาจากค่ายกล กระบี่แต่ละเล่มเต็มไปด้วยความทรงพลัง และแฝงไว้ด้วยอักขระแห่งเต๋าที่ลึกลับและอันตราย
ทันใดนั้น กระบี่ทั้งเจ็ดก็ก่อร่างเป็นค่ายกลที่แสนพิศวงซึ่งปิดหนทางถอยหนีทั้งหมดของหลินซวน
สีหน้าของหยิงเจาและหญิงสาวคนนั้นแปรเปลี่ยนไปอีกครา ค่ายกลนี้ทรงพลังเกินไป ย่อมต้องทำให้ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้มันสิ้นชื่อลงอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่หรือคือความแข็งแกร่งของอาณาจักรศิลา? ต้องรู้ก่อนว่าลู่สีหลียังเป็นเพียงแค่ข้ารับใช้ของผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรศิลาเท่านั้น หากข้ารับใช้ยังทรงพลังเช่นนี้ แล้วนายเหนือของมันจะแข็งแกร่งถึงเพียงใดกัน?
นี่มันเกินกว่าที่ผู้ใดจะจินตนาการได้
พวกมันทั้งสองต่างขบคิดว่าหากตนถูกจู่โจมด้วยการโจมตีเช่นนี้ ต่อให้พวกมันจะรอดไปได้ แต่ย่อมต้องได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
เผชิญหน้าการโจมตี หลินซวนก็ยังคงไม่ขยับแม้แต่น้อย ก่อนที่ชั่วพริบตา เขาจะคำรามและพุ่งขึ้นไปยังความว่างเปล่า สายฟ้าสีทองเริ่มเปล่งแสงสีม่วง และในประกายสายฟ้าเหล่านั้น ร่างเงาของสัตว์เทพที่ดูคล้ายกิเลนก็ปรากฏขึ้น
“เป็นเพียงต่อตนอ่อนแอกล้าดีอย่างไรมาประมือกับข้า? เจ้ารนหาที่ตาย! กำราบมันซะ!”
เมื่อลู่สีหลีตะโกนสั่ง กระบี่วิเศษทั้งเจ็ดก็ระเบิดปราณกระบี่ออกมา กลิ่นอายของมันไม่ธรรมดายิ่งนัก และทั้งหมดก็พุ่งเข้าใส่หลินซวนทันที
อย่างไรก็ตาม หลินซวนไม่ได้หลบหลีกแต่อย่างใด เขาใช้สายฟ้าสีทองประกายม่วงของตนเข้าปะทะกับปราณกระบี่เหล่านั้น เขามิได้รับความเสียหายใดๆ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อยิ่งนัก ในเวลาเดียว กระบี่วิเศษทั้งเจ็ดเล่มกลับราวกับถูกตรึงเอาไว้กลางความว่างเปล่า คล้ายถูกบางสิ่งที่มองไม่เห็นควบคุมเอาไว้
“สลายไปซะ!”
ด้วยเสียงคำรามของหลินซวน กระบี่วิเศษโบราณเหล่านั้นก็หม่นแสงลงก่อนจะค่อยๆ แตกสลายไปทีละส่วน
“นี่มัน...” ลู่สีหลีเบิกตากว้างเมื่อเห็นเหตุการณ์เบื้องหน้า มันไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่านี่คือความจริง
เป็นพลังอัสนีแบบใดกัน? หรือว่ามันคือสมบัติวิเศษ? หรือเป็นสิ่งอื่นใด?
“นั่นมันอสูรเกล็ดมังกรโบราณ?” หญิงสาวในชุดขาวกรีดร้องอย่างตกตะลึง ดูเหมือนว่านางจะจดจำเงาอสูรที่ปรากฏอยู่ในสายฟ้าของหลินซวนได้
“อสูรเกล็ดมังกรโบราณ? ไม่มีทาง! มิใช่ว่าพวกมันสูญพันธุ์ไม่เนิ่นนานแล้วหรือ? เจ้าเด็กนั่นไปได้มรดกตกทอดเช่นนี้มาจากที่ใดกัน?” หยิงเจาเองก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน แน่นอนว่ามันมิอาจมองเห็นกระบวนทักษะของหลินซวนได้อย่างชัดเจนนัก มันสังเกตได้เพียงเงาอสูรเลือนรางในสายฟ้าเท่านั้น
“ใครจะสนว่ามันคือสิ่งใด! ถอยไป!”
ลู่สีหลีร่ำร้องอย่างต่อเนื่อง จากนั้น กระบี่วิเศษก็พุ่งออกมาจากค่ายกลอีกครา
ลู่สีหลีลงมือพร้อมกันกับกระบี่เหล่านั้น มันเหยียบย่างไปในอากาศและไปปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าหลินซวน นี่เป็นครั้งแรกที่มันเผชิญหน้ากับเขาอย่างซึ่งหน้าเช่นนี้
หมัดทั้งสองปะทะกันแต่กลับมีหมัดหนึ่งที่ถอยร่นในทันที สิ่งที่ทั้งคู่ต้องการเป็นเพียงการวัดความสามารถพื้นฐานของอีกฝ่าย นั่นเป็นเพราะการปะทะกันเช่นนี้เป็นการวัดความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ช่างชัดเจน
พรวด!
ลู่สีหลีกระเด็นออกไปและแทบไม่สามารถจะทรงตัวอยู่กลางอากาศได้อีก เมื่อสังเกตให้ดี แขนข้างหนึ่งของมันหายไปอย่างสมบูรณ์ แทนที่ด้วยโลหิตที่สาดกระจาย
มันมองไปยังเด็กน้อยซึ่งยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าขาวซีด ในตอนที่ปะทะกัน มันรู้สึกราวกับว่าตนเองถูกกระแทกใส่ภูผา
แขนทั้งข้างของมันถูกทำร้ายโดยไม่อาจต่อต้าน เลือดเนื้อมากมายกระจัดกระจายไปทั่วท้องฟ้า
นี่ช่างหน้าเหลือเชื่อยิ่ง
ต้องรู้ก่อนว่ามันเป็นผู้ใด มันคือลู่สีหลี ทรัพยากรที่มันใช้บำรุงร่างกายของตนนั้นย่อมเหนือกว่าที่คนธรรมดาสามัญจะจินตนาการได้ ต่อให้เป็นเหล่าทายาทชายหญิงของตระกูลใหญ่ก็ย่อมต้องอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นสมบัติที่มันใช้เหล่านั้น
เพราะเหตุนี้ ร่างกายของมันจึงแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้ว่ามันจะมิได้มุ่งเน้นในด้านพลังกาย แต่ความทนทานของร่างเนื้อของมันก็ยังมากมายเพียงพอ
ทว่า บัดนี้ มันกลับถูกทำลายด้วยหมัดของเด็กน้อยผู้หนึ่ง
“เจ้าเป็นเพียงข้ารับใช้ ย่อมต้องตระหนักถึงฐานะของตนเองให้ดี เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าผู้อื่นจะเกรงกลัวเจ้า? พวกเขาเพียงไว้หน้าอาณาจักรศิลาของเจ้าเท่านั้น ไม่รู้หรือว่ากำลังเกิดสิ่งใดในตอนนี้? เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าตนเองแข็งแกร่งมากมาย?” หลินซวนเอ่ยอย่างช้าๆ
กล่าวได้ว่าหลินซวนนั้นโหดเหี้ยมยิ่ง ประโยคธรรมดาเช่นนั้นกลับคล้ายคมมีดที่กรีดแทงหัวใจของลู่สีหลี
และนั่นเป็นความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าการศูนย์เสียแขนไปด้วยซ้ำ
จากนั้น มันก็คำรามก้องฟ้า
“สหายลู่ ใจเย็นก่อน!” เมื่อหยิงเจาเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ มันจึงเอ่ยปากออกมา จากนั้น มันก็ชี้นิ้วไปด้านหน้า และลำแสงก็ถูกยิงโดยมีเป้าหมายที่หน้าผากของหลินซวน
อย่างไรก็ดี หลินซวนมิได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ร่างของเขากะพริบไหวและปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของลู่สีหลี หวังสังหารมันให้สิ้นซาก
ทันใดนั้น ลำแสงก็พุ่งเข้ามาใส่หลินซวนราวกับมีดวงตาเป็นของตนเอง สายฟ้าของเขาจึงพุ่งไปห้อมล้อมลำแสงนั้นและทำให้มันกลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า
“เจ้ามดปลวก ข้าจะทำให้เจ้าได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรศิลา แม้ว่าข้าจะเป็นข้ารับใช้ผู้หนึ่ง แต่ข้าก็ยังทำให้เจ้าต้องชดใช้ได้!”
หลังจากเห็นการกระทำของหลินซวน ลู่สีหลีคำรามลั่น จากนั้นกลุ่มแสงสีเลือดก็ก่อตัวขึ้นในมือของมัน เมื่อมันสะบัดมือ แสงนั้นก็พุ่งเข้าใส่หลินซวน... ก่อนที่มันจะกลายเป็นทะเลโลหิตที่ห่อหุ้มพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้