ตอนที่16 ราชามาเฟียทำให้หลีหัวโกรธอีกครั้ง
ริมฝีปากบางๆของเหว่ยกดทับลงบนริมฝีปากของเธอ หลีหัวรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ดวงตาของเธอไม่ยอมกระพริบ ทุกวินาทีที่ผ่านมานี่คือความจริงสำหรับเธอ
เจ้าชายสุดหล่อขั้นเทพกำลังจูบฉัน...อา รออะไรล่ะ! นิ้วของเขาลูบไล้แก้มของเธอและฝ่ามือของเขาสอดเข้าไปใต้ไรผม ซึ่งผมของเธอนั้นก็พันกันกับนิ้วของเขา
เขาก้มศีรษะลงริมฝีปากของเขาก็ยังกดทับกับริมฝีปากของเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ในที่สุดหลีหัวก็รับรู้ว่ามันเริ่มขึ้นแล้ว ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามันอยู่ใกล้ชิดกับใบหน้าของเธอมาก เธอรู้สึกหวั่นไหวหัวใจเต้นแรง ความใกล้ชิดกันทำให้เธอสังเกตเห็นจมูกที่แหลมคมและขนตาที่งอนหนาที่รับกับใบหน้าของเขา มันทำให้เธอหายใจไม่ค่อยสะดวก ผิวที่ขาวมากของเขารับแสงสลัวๆที่สาดส่องเข้ามาบนถนน และกลิ่นกายของเขาทำให้รู้สึกน่าสัมผัสเหลือเกิน เสียงลมหายใจแผ่วเบาของเขาแทรกเข้ามาในแก้วหูของเธอทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว
เธอจินตนาการถึงนิ้วของเขาตรงขอบๆมือนั้นหยาบเล็กน้อย แต่ฝ่ามือของเขากลับนุ่มนวลและเย็นนิดหน่อย ลักษณะแบบนี้ชวนให้เธอหลงใหลและน่าทึ่ง ริมฝีปากของเขานั้นเธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นราวกับผีเสื้อบินวนไปทั่วท้องของเธอ เขาช่างนุ่มนวลชวนฝันดั่งเจ้าชายจูบเจ้าหญิงของเขา นี่คือการจูบครั้งแรกของเธอ นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกที่เธอได้ใกล้ชิดกับผู้ชาย หลีหัวยืนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้เป็นเวลานาน เธอไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี เธอควรจะเอามือไปจับที่หัวของเขาหรือไม่ หรือวางมือไว้ที่บนบ่าของเขาดี หรือจะคล้องคอของเขาเอาไว้ มือของเธอเหมือนถูกแช่แข็งอยู่กลางอากาศ เธอตื่นตระหนกคิดถึงเรื่องราวของตัวเอง
จู่ๆก็มีเจ้าชายหนุ่มรูปงามมาจูบฉัน ทำไม? อะไร? ยังไง? แล้ว แล้ว...เธอต้องจูบเขาด้วยมั้ย? เธอมีกลิ่นปากหรือเปล่า เธอรู้จักวิธีการจูบด้วยเหรอ จิตใจของเธอสับสนวุ่นวายไปหมด คำถามเหล่านี้ ทำให้เธอคิดว่าการจูบครั้งแรกของเธอนั้นประหม่ามากกว่าการน่าจดจำ
ส่วนเหว่ยนั้นเขาคิดว่าจูบเธอแล้วก็จะรีบถอยออกมา เพื่อไม่ให้เธอร้องไห้อีกต่อไปแต่เขาใช้เวลาจูบที่นานเกินกว่าที่คาดไว้ ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นภายในจิตใจของเขาอีกแล้ว ทันทีที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของเธอ สักครู่นะแล้วก็ผ่านไปอีกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุด เธอรู้สึกว่าเขาไม่ต้องการที่จะหยุด แก้มของเธอรู้สึกร้อนๆที่ปลายนิ้วของเขา เขาชอบมัน เขากระหายมันมากยิ่งขึ้น
กลิ่นกายของเธอกระตุ้นความรู้สึกของเขา ให้มีความรู้สึกแปลกๆ ให้อยากลิ้มลองทำให้เขาทนไม่ไหว เขาจึงรีบดึงเธอเข้ามาเร็วๆ ดังนั้นเขาจึงแนบริมฝีปากเหมือนกาวติดแน่นไม่ยอมปล่อย
เหว่ยต้องการรู้ว่า การจูบของเขานั้นเป็นการปลอบประโลมใจเธอหรือไม่ ตามคำแนะนำของเขาคนนั้น ดังนั้นเขาจึงลืมตาข้างหนึ่งเพื่อเช็คดูเธอ แต่เขากลับแปลกใจ ที่เห็นหลีหัวนั้นดูตื่นกลัวมากกว่าเมื่อก่อน เธอหยุดร้องไห้แล้วแต่เธอยังดูกังวลและเย็นชาด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอยังดูหวาดกลัว...
สรุปเหว่ยสามารถปลอบโยนเธอได้แค่บางส่วน และเขาก็ไม่ชอบทำอะไรที่ครึ่งๆกลางๆ ดังนั้นเขาจึงมีทางเลือกทางเดียวเท่านั้น เขาถอนริมฝีปากของเขาออกสักครู่ก่อนที่จะกดทับลงอีกครั้งที่ริมฝีปากของเธอ คราวนี้หนักขึ้นกว่าเดิม ลิ้นของเขาค่อยๆแซะเข้าไปในริมฝีปากของเธออย่างระมัดระวัง การเสียดสีครั้งแรกระหว่างริมฝีปากของพวกเขาทำให้เธอสับสนมันช่างละเอียดอ่อน อ่อนหวานและเย้าหยวนเหลือเกิน สีหน้าที่ไร้เดียงสาของหลีหัวในจินตนาการสามารถมองเห็นไอน้ำออกจากหูของเธอได้ เธอรู้สึกว่าต่อมเซลในสมองของเธอหมดลงอย่างรวดเร็ว โดยมีชายหนุ่มรูปงามคนนี้เข้ามาครอบงำจิตใจของเธอไปหมดแล้ว ความรู้สึกชื่นแฉะเล็กน้อยจากปลายลิ้นของเขาที่แทะเล็มเหมือนดอกไม้ไฟที่พร้อมจะระเบิดขึ้นภายในใจที่น่าสงสารของเธอ
เจ้าชายรูปงามเขาจะฆ่าฉันเหรอ? เธอคิดว่าเธอจะร่วมมือกับเขา แต่เหว่ยไม่เพียงแต่เจ้าชู้กับเธอในรถเท่านั้น แต่ตอนนี้เขากำลังจูบเธอด้วย เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธออยู่ในกำมือของเขา
เหว่ยค่อยๆถอยกลับมาและเขาก็จ้องไปที่ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ เขาขมวดคิ้วและแตะที่หน้าผากของเธอ “หน้าแดงจังเป็นไข้หรือเปล่า?”
หลีหัวพูดอะไรไม่ออก เธอเริ่มรู้สึกดีขึ้นจากการถูกจูบครั้งแรก และคำถามของเขาทำให้ความเชื่อมั่นของเธอลดลง โดนจูบแล้วยังจะถามว่าทำไมถึงหน้าแดง?
“บ – บอสทำไมคุณถึง จ – จู...” เธอไม่สามารถพูดคำว่าจูบได้เพราะรู้สึกเขินอายอย่างประหลาด “ค...จูบฉัน...”ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาชอบเธอมั้ย เธอมีความหวังเล็กๆภายในใจของเธอ
“เพื่อปลอบโยนคุณ”
หลีหัวมองเขาแล้วก็ไม่พูดอะไร
“คุณร้องไห้”
ปากของเธอกระตุก เธอมีความรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนเทน้ำเย็นจัดๆจากในถังใส่เธอ “ค...คุณจูบผู้หญิงทุกคนที่ร้องไห้เหรอ บอสคุณเป็นคนเจ้าชู้จริงๆเหรอ?”
เหว่ยก้มศีรษะของเขา “ฉันไม่คุยกับผู้หญิง ฉันไม่แตะต้องพวกเขา ฉันไม่จูบพวกเขา”
“อา...ฉันรู้ แล้วทำไมคุณถึงมาจูบฉันถ้าคุณไม่ชอบแตะต้องผู้หญิง”
เขากระพริบตา “เพื่อปลอบใจคุณ”
“เอ้! ทำไมบทสนทนานี้ถึงวกไปวนมาจังเลย?” เธอจึงคิดว่าจะปล่อยให้มันผ่านไป วันนี้เป็นวันที่เหลือเชื่อสำหรับเธอ ริมฝีปากของเธอยังคงมีอารมณ์ที่ค้างอยู่และตอนนี้เธอก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการซ่อนใบหน้าเธอไว้กับหมอน
หลีหัวพูดว่า“ขอบคุณมากค่ะที่มาช่วยฉัน คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันอยู่ที่นี่ ไอ้...”แน่นอนเขาเป็นถึงซีอีโอ มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขา
“คุณมาสายและเพื่อนบ้านของคุณพูดถึงคนโรคจิต ฉันได้ยินและเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆได้”
“ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจแล้ว”
เหว่ยเม้มริมฝีปาก “ก่อนหน้านี้คุณควรจะฟังเพื่อนบ้านของคุณบ้าง” เขาคิดว่าจะไม่ติดต่อกับเธอสักระยะหนึ่ง แต่ทันใดนั้นก็ทำให้จิตใจของเขาสับสนวุ่นวาย
ถ้าพูดถึงเรื่องนี้หลีหัวจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรถของเขาได้ เพราะเธอยังโกรธเขาอยู่เลย และเธอก็ไม่อยากเจอหน้าเขาด้วย ที่เขาพูดถึงพี่เจียแบบนั้น
เหว่ยคิดถึงคำแนะนำอื่นๆของคนรู้จัก “เหตุผลคือผมพูดตามความจริงเหมือนคุณจะรับไม่ได้เรื่องซงเจีย ที่อาจไม่กลับมาอีกแล้ว คุณโกรธผมเพราะผมพูดให้คุณเข้าใจในสิ่งที่คุณรู้สึก”
ดวงตาของหลีหัวเต็มไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง “คุณ...คุณ...คุณ ยังกล้าพูดแบบนี้อีกเหรอ คุณมันแย่มาก ทำไมเธอดื้อรั้น... เธอจะไม่กลับมาอีกแล้ว นี่! เธอเป็นพี่สาวของฉันนะค่ะ และฉันไม่ขอได้ยินอะไรเกี่ยวกับเธอแบบนี้อีก”
หลีหัวหยิบกระเป๋าของเธอและรีบวิ่งหนีไปพร้อมกับร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง
เหว่ยขมวดคิ้ว “เธอโกรธฉันอีกแล้ว” แต่เขาก็ทำตามที่เขาคนนั้นแนะนำ ครั้งแรกได้ผล แต่คำแนะนำครั้งที่สองกลับไม่ได้ผล เขาคิดหนักแล้วก็เหลือบมองไปที่ไอ้โรคจิตที่ยังนอนหมดสติอยู่ เขารู้สึกเหมือนโดนมีดแหลมๆแทงเข้าไปในหัวใจของเขา คิดถึงตอนที่มันรังแกหลีหัวยังไง
ขณะเดียวกันนั้นไอ้โรคจิตเหมือนจะฟื้นคืนสติกลับมา แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเหว่ยเล็งปืนมาที่เขา “ค...คุณกำลังทำอะไร อย่า...ฆ” คำพูดของเขาถูกตัดขาดลงเมื่อกระสุนของเหว่ยยิงเจาะตรงกลางหน้าผากของเขา เขาวางปืนลงอย่างใจเย็น และเขาได้ส่งข้อความถึง “ฟูเหรินชู”
“มาดูแลร่างกายที่ซอยด้วย”