ตอนที่ 14 ราชามาเฟียรู้สึกกังวลเป็นครั้งแรก
ที่วิทยาลัย หลีหัวแทบจะไม่สนใจในการบรรยายตลอดทั้งวันเลย เธอไม่หยุดคิดถึงคำพูดที่แย่ ๆ ของเหว่ยที่ยังวนเวียนอยู่ในใจของเธอ ถ้าเป็นคนอย่างหลู่เจียก็จะไม่สนใจอะไรมากมายอยู่แล้ว แต่สำหรับเธอรู้สึกเจ็บปวดมากที่ได้ยินเรื่องนี้จากคำพูดของเหว่ย
เหมิงหยาบอกเพื่อนและกระซิบว่า “ยังคิดถึงเขาอยู่อีกเหรอ”
หลีหัวเล่นซอปากกาและกัดริมฝีปากตัวเอง ญาญ่าแปลกนะฉันเพิ่งจะเจอกับเขาเมื่อวานนี้ เราแทบจะไม่รู้จักกันเลยแต่คำพูดของเขาทำร้ายจิตใจของฉันได้มากขนาดนี้ ฉันไม่รู้...เวลาที่เขาพูดถึงพี่เจียรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปจากเดิม ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลย
เหมิงหยาถอนหายใจ “แสดงว่าเธอยังโกรธเขาอยู่”
“แน่นอนพี่เจียเป็นพี่สาวของฉันเป็นทุกอย่างสำหรับฉัน ฉันจะให้อภัยเขาได้อย่างไร แม้เขาจะรูปหล่อขั้นเทพ ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เขาหลุดมือไป”
“เขาอาจจะสำนึกผิดแล้ว ฉันมั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดที่จะพูดทำร้ายจิตใจของเธอ”
หลีหัวเม้มริมฝีปาก หลังจากฟังการบรรยายเสร็จ เวลาที่เหลือเธอก็คลุกอยู่กับการอ่านหนังสือและทำงานในห้องสมุด แต่จิตใจก็คิดวกวนถึงเหว่ยตลอดเวลา
“หึ ! ทำไมฉันหยุดคิดถึงเขาไม่ได้? เธอตบแก้มตัวเอง”หยุด หยุด”
เธอยกแขนขึ้นและดูนาฬิกาตอนนี้เวลา 17.00 น. “เพิ่งจะห้าโมงเย็น ถ้าฉันออกไปตอนนี้ ฉันอาจจะได้เจอกับเขา ฉันไม่อยากยุ่งกับคุณอีกแล้ว... บอส”
เธอพึมพำ “เกิดอะไรขึ้นที่เธอไม่กลับมา” อีกครั้งแล้วที่หัวใจของเธอรู้สึกเจ็บปวดและโกรธ
“ฉันมีงานอีกเยอะแยะที่ต้องทำนอกจากคิดถึงเขา”
เธอทุบโต๊ะ ความเงียบ! บรรณารักษ์จ้องมาที่เธอ
เธอเค้นเสียงพูดออกมา “ข - ขอโทษค่ะ”
เมื่อหลีหัวดูเวลาอีกครั้ง เธอรีบลุกออกจากเก้าอี้ทันที “เวลาสองทุ่ม” ข้างนอกมืดแล้ว
เนื่องจากนักศึกษาปีสุดท้ายใกล้จะสอบทางวิทยาลัยจึงขออนุญาตให้ห้องสมุดเปิดจนดึกได้ เธอเก็บกระเป๋าและรีบออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะได้ขึ้นรถบัสกลับบ้านให้เร็วที่สุด แต่หลังจากนั่งรถไปได้สี่สิบนาที รถก็เกิดเสียคนขับรถประกาศว่า “ฉันขอโทษ กว่ารถจะวิ่งได้ก็ต้องใช้เวลาอีกนาน ขอให้ผู้โดยสารทุกคนลงจากรถดีกว่า”
อพาร์ทเม้นท์ของหลีหัวอยู่ไม่ไกล เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจอะไร
“เสียงท้องร้อง” อ่า...หิวจังเลย...” เธอเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีที่เดียวในละแวกนี้ แล้วเธอก็เลือกซื้อราเม็งแบบแพ็คเก็ตสำเร็จรูปมา
เมื่อเธอเริ่มเดินกลับไปที่อพาร์ตเมนท์ เธอสังเกตเห็นว่าถนนค่อนข้างเงียบ ลมหนาวพัดผ่านเธอรู้สึกเย็นยะเยือก
เธอสะดุ้ง “บร๊ะ...อ่า...รู้สึกโดดเดี่ยวจัง
“แทป แท็ป แท็ป” หลีหัวสังเกตว่าเธอได้ยินเสียงคนเดินตามมาข้างหลังระยะไกล ๆ เธอรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของตัวเอง แต่บางทีเขาอาจไปทางเดียวกันกับเธอก็ได้ แม้ว่าเธอจะเดินเลี้ยวไปถึงสองโค้งแล้ว ก็ยังได้ยินเสียงคนเดินตามมาอยู่ข้างหลังอีก สายตาของเธอชำเลืองมองผ่านไปที่กระจกร้านค้าที่ปิดอยู่ จากนั้นเธอก็ได้เห็นเงาสะท้อนแสงของผู้ชายใส่เสื้อคลุมที่เดินตามเธอมา
หลีหัวตัวแข็งทื่อ ทันใดเธอก็คิดถึงคำพูดของป้าจางที่พูดเตือนเธอเมื่อตอนเช้า เหงื่อแตกปุด ๆ ขึ้นมาเต็มหัวของเธอทันที ลืมไปเลยว่าป้าจางเตือนให้รีบกลับบ้านเร็ว ๆ มันคือพวกโรคจิตเป็นคนเดียวกันอย่างนั้นเหรอ เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก เธอพยายามจำศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่ซงเจียสอนไว้ แต่จิตใจสับสนวุ่นวายไปหมด เธอจำอะไรไม่ได้เลย เพราะตื่นเต้นและกลัว ไม่มีแม้แต่สเปรย์พริกไทยพกไว้ติดตัว
“แทป แท็ป แท็ป” เธอรู้สึกว่าระยะห่างของเขาและเธอเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
หลีหัวกำกระเป๋าไว้แน่นและมือที่เธอถือโทรศัพท์นั้นก็สั่นเทา ฉันควรจะโทรศัพท์หาใครดี ไม่ทันแล้ว ฉันไม่สามารถโทรศัพท์หาใครได้ เขาใกล้เขามาทุกทีแล้ว
หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ระยะห่างระหว่างเธอกับเขาที่เดินอยู่ข้างหลังนั้นห่างกันแค่ช่วงแขนเท่านั้น ทันใดนั้นเธอก็คิดถึงเหว่ยแวบขึ้นมาทันที เขาคือคนที่อยู่ใกล้ที่สุดที่ติดต่อได้ง่ายเพราะเขาพักที่อพาร์ทเนท์ของเธอ แต่ปัญหาก็คือเธอไม่มีเบอร์ของเขา
จู่ ๆ เธอก็คิดได้ “ฉันมีเบอร์ของผู้ช่วยฟูนี่! ฉันจะส่งข้อความถึงเขา เขาสามารถที่จะบอกสถานการณ์นี้กับบอสได้
หลีหัวคลำหาโทรศัพท์ของเธอ เธอประหม่าเกินกว่าที่จะวิ่งหนีเพราะรู้สึกว่าตัวเองหนักและผู้สะกดรอยตามก็จะตามเธอทันทีในอีกไม่ช้านี้ เธอพยายามทำตัวดี ๆ ดูไม่ให้ผิดปกติไม่กลัวอะไร ทำเหมือนไม่รู้ว่ามีคนติดตามมา
ขณะที่เธอกำลังจะพิมพ์ข้อความ ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังของเธอก็คว้าโทรศัพท์ของเธอไป เธอตัวแข็งทื่อ ผู้ชายคนนั้นเอามีดจี้ข้างหลังของเธอ และพูดอย่างน่ากลัวว่า “ตามฉันมา ไม่อย่างนั้นฉันจะแทงเธอตรงนี้แหละ”
ที่บ้านใหม่หลังเล็กของเหว่ย เขาอดทนรอและมองไปที่หน้าต่างบ่อย ๆ เพื่อดูว่าหลีหัวกลับมาแล้วหรือยัง เขาขมวดคิ้ว มันมืดแล้วเธอยังไม่กลับมาอีก เขาคิดว่าจะไปเคาะประตูห้องอพาร์ทเม้นท์ของเธอ บางทีเธออาจจะกลับมาแต่วัน แต่เขาไม่เห็นเธอเลย
เมื่อเขาก้าวเท้าออกไปข้างนอกห้อง เขาได้พบกับป้าจางที่กำลังกังวลใจและมองไปที่บันได
“โอ้ คุณนี่เอง หลีหัวกลับมาแล้วยังค่ะ?”
เหว่ยหยุดแล้วขมวดคิ้ว เขายังคงเงียบ
“เห็นประตูห้องของเธอยังล็อคอยู่”
เหว่ยเหลือบมองไปที่ประตูห้องที่ปิดสนิท
ป้าจางพูดอย่างกังวลใจว่า “เด็กคนนี้...ฉันบอกให้รีบกลับบ้านเร็ว ๆ แต่ฉันไม่ได้บอกว่ามีพวกโรคจิตแอบตามอยู่แถวนี้หรอก มันอันตราย”
เขาจับที่หน้าอกของเขาอีกครั้งที่เขารู้สึกแปลก ๆ แต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนเดิมกังวลและประหม่า
เขารีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่พูดอะไรและกดโทรศัพท์หารฟูเหรินชู
“ตามหาหลีหัวเดี๋ยวนี้”