ตอนที่ 11ตอนที่ 11 ราชามาเฟียไม่ชอบให้ผู้หญิงแตะต้องตัวเขา ราชามาเฟียไม่ชอบให้ผู้หญิงแตะต้องตัวเขา เมื่อพวกเขาก้าวออกไปข้างนอกแล้ว หลีหัวคิดหนักก็ได้ตั้งคำถามว่า บอสคุณไม่ใช้รถเปอร์เช่หรูราคาแพงเหรอค่ะ? บอสไม่มีทางที่จะเอารถหรูของคุณมาจอดที่นี้หรอกน่ะ ฉันหมายถึงบนถนนแคบ ๆ แห่งนี้ก็ไม่มีที่ว่างให้คุณจอดรถเหมือนกันค่ะ เหว่ยเหลือบมองเธอ “คนขับรถจะขับมาที่นี่” หลีหัวไออย่างหนัก “บอสถ้าชาวบ้านแถวนี้เห็นรถหรูราคาหลายล้านดอลล่าร์ของคุณที่นี้ พวกเขาคงตกใจเมื่อรู้ว่าคุณเป็นเศรษฐี มันจะเป็นข่าวใหญ่ที่พบว่ามีซีอีโอมาพักอยู่ที่นี่และฉันคิดว่าคุณไม่ต้องการจะบอกใครๆแบบนั้น หลีหัวคาดเดาได้ว่าคนเงียบๆ อย่างเขาคงจะรำคาญอย่างมาก เหว่ยถามว่า “ดูเหมือนคุณจะมีปัญหา” หลีหัวพยักหน้า “คุณช่วยแนะนำหน่อยว่าเราจะควรทำอะไรได้บ้าง” หลีหัวให้ข้อคิด “บอสมีรถมากกว่าหนึ่งคันใช่มั้ยค่ะ” ทำไมคุณไม่ให้คนขับรถขับคันเล็ก ๆ มาเพื่อจะได้ไม่ดึงดูดความสนใจผู้คนมากเกินไป “เหว่ยพยักหน้า” ไม่กี่นาทีต่อมา หลีหัวเหมือนจะเป็นลม รถเล็ก ๆ ที่คาดเดาไว้ไม่ได้เล็กอย่างที่คิด มันมีขนาดเล็กกว่าเปอร์เช่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม มันเป็นรถยนต์ที่มีแต่มหาเศรษฐีเท่านั้นที่สามารถซื้อได้ เป็นรถที่คนอย่างเธอเห็นได้เมื่อเวลาเธอเดินผ่านโชว์รูมเท่านั้น เธอมองแล้วก็พูดอะไรไม่ออก นี่คือคำจำกัดความของคำว่ารถเล็ก ๆ ของคุณใช่หรือไม่ค่ะ? ตามที่คาดเดาเอาไว้ ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมารอบ ๆ ต่างก็พูดพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นรถหรูราคาแพงคันนี้จอดอยู่ในพื้นที่ของพวกเขาเป็นครั้งแรก “โอ้โห รถสวยจังเลย” “เศรษฐีคนนั้นคือใคร?” พวกเขายิ่งตกใจขึ้นไปอีก เมื่อได้เห็นเหว่ยเขาดูดีเหมือนนายแบบที่ออกมาจากนิตยสารยอดนิยมทั้งหลาย ขณะที่รถมาจอดอยู่ตรงหน้าเธอนั้น หลีหัวรู้สึกว่าทุกคนจ้องมองมาที่เธอ คนขับรถพูดออกมาว่า “เจ้านายครับผมเอารถคันเล็ก ๆ ที่เรามีมาให้ครับ” เหว่ยตอบว่า “โอเค” เสียงของหลีหัวพูดตะกุกตะกัก “บอสรถคันนี้ดูเหมือนคนชนชั้นกลางไม่น่าจะมีนะคะ” คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย “นี่เป็นรถที่แพงที่สุดที่ฉันมีนะ” “.....” “หลีหัว” เสียงเรียกของเกาสุ่ยเป็นหนึ่งผู้ที่พักอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เดียวกันกับเธอ ซึ่งพักอยู่ชั้นล่างถัดไปหนึ่งชั้น เกาสุ่ยเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็น เมื่อมองผู้คนที่มารวมตัวกันอยู่ด้านหน้าของอพาร์ทเม้นท์ของเธอ เธอก็ตกใจมากเมื่อเห็นหลีหัวยืนอยู่กับชายหนุ่มรูปงามข้างหน้ารถสุดหรูราคาแพงของเขา “ผู้ชายคนนั้นคือใคร?” “เกาสุ่ย” หลีหัวโบกมือทักทาย เกาสุ่ยมองสลับไปมาระหว่างเหว่ยกับหลีหัว เอ้ ! ฉันเพิ่งกลับมาถึงและผู้คนกลุ่มนี้...แล้วเมื่อเธอมองดูเหว่ยใกล้ ๆ เธอรู้สึกหัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ “หลีหัว...เขาเป็นใครเหรอ?” หลีหัวไม่รู้ว่าจะตอบเกาสุ่ยว่าอย่างไร คงจะลำบากใจมากถ้าตัวตนของเขาในฐานะซีอีโอถูกเปิดเผย เธอคิดถึงข้อความคุกคามจากฟูเหรินชู เธอคิดว่า “ฉันจะหาวิธีปกปิดเรื่องสำหรับรถคันนี้ได้อย่างไร” เกาสุ่ยหัวเราะคิกคัก “เขาดูเหมือนกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนะค่ะ” “เขาไม่ใช่ เขาไม่ใช่!” หลีหัวพูดระเบิดออกมารู้สึกตื่นตระหนก จากนั้นเกาสุ่ยก็มาคลอเคลียที่คอของเธอ “ฉันหมายถึงเขาเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ” ในการสนทนาทั้งหมดระหว่างพวกเธอ นี่เป็นครั้งแรกของเหว่ยที่ประสบปัญหาในการหันศีรษะของเขา เขาเหลือบมองดูหลีหัวอย่างเงียบ ๆ ผู้ซึ่งโกหกได้อย่างไม่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับตัวเอง เกาสุ่ยขมวดคิ้ว “กับรถแบบนี้เหรอ?” เธอหัวเราะอย่างประหม่า “ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะเขาเป็นคนที่น่าสงสารจริง ๆ” รถคันนี้เป็นของลุงห่างๆของเขา เขาทำงานอยู่ในบริษัทของลุง ลุงรู้สึกละอายใจที่เขายากจนมาก จึงส่งรถมาให้เขาขับเพื่อรักษาภาพลักษณ์ความมั่งคั่งของเขา เขาใช้ชีวิตอย่างสงสาร ถูกลุงทารุณกรรม พวกเขาทะเลาะกันและถูกไล่ออกจากบ้านและมาอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ของเรา เขาเพิ่งย้ายมาเมื่อวานนี้เอง ปากของเกาสุ่ยกระตุกเล็กน้อย เธอคิดว่ามันยากมากที่จะแยกแยะได้เพราะว่าผู้ชายคนนี้ดูดีและมี ออร่าเขา เขาถูกทำร้ายจริงเหรอ? แต่เนื่องจากเขาไม่โต้ตอบอะไรกับสิ่งที่หลีหัวพูด เธอจำเป็นต้องเชื่อ “น่ากลัวจัง” เกาสุ่ยมองไปที่เหว่ยและก้าวไปข้างหน้า “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเกาสุ่ย ฉันพักอยู่ที่นี้อยู่ชั้นล่างห้องของหลีหัว ถัดลงไปอีกหนึ่งชั้นค่ะ เธอยิ้มและยื่นมือไปข้างหน้า เหว่ยไม่พูดและไม่ตอบสนองใด ๆ เกาสุ่ยยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สองสามวินาที หลีหัวไอและกระซิบ “เออ...บอส...การจับมือ...” เหว่ยมองไปที่เธอและแยกริมฝีปากของเขา “ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวฉัน” เกาสุ่ยเบิกตากว้างและปากของเธอเปิดออกด้วยความตกใจ “เออ...ผมขอโทษ” แก้มของเกาสุ่ยแดงด้วยความเขินอาย หลีหัวตกใจ “อา...” เธอคิดตอนที่เธอแตะไหล่ของเขา แล้วเขาก็ดึงกางเกงเพื่อที่ลุกขึ้น ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่ามีเหงื่อขึ้นที่หน้าผาก ตอนนั้นฉันทำให้บอสโกรธจริงๆเหรอ? แต่เธอก็ไม่เห็นเขาพูดว่าอะไรเลย และเธอก็ยังสงสัยอีกว่าทำไมเธอถึงยังไม่ถูกไล่ออก จากนั้นเธอก็สั่นสะท้านคิดถึงเรื่องราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้กับเหตุการณ์น้ำไม่ไหล... ถ้าเขาจริงจังกับผู้ร้ายที่ไม่มีอยู่จริงคนนั้นแล้วฉันจะทำอย่างไรดีล่ะ..? บอสกำลังวางแผนที่จะให้เธอผ่านการถูกลงโทษ ที่ทำความผิดควรได้รับโทษหรือไม่ ทันใดนั้น เธอรู้สึกตื่นเต้นมากกับการนั่งรถร่วมกันกับเขา เขาจะทิ้งเธอไว้กับทีม เอส3 ของเขาหรือไม่? หลีหัวรีบพูดขึ้นว่า “บอส ฉัน- ฉันจำได้ว่าเช้านี้ฉันไม่มีเรียน ฮ่า ฮ่า ฉันสามารถขึ้นรถบัสได้ ฉันจะไม่สาย” ริมฝีปากของเหว่ยเหยียดเป็นเส้นตรงบางๆ เขามองเธอว่างเปล่ามีความรู้สึกแปลก ๆ ซึ่งเขารู้สึกว่าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วพิมพ์ข้อความหนึ่งข้อความ หลีหัวไม่เห็นข้อความสิ่งที่เขาพิมพ์หรือพูดกับใคร แต่เธอเริ่มประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เขากำลังเรียกทีม เอส3 ของเขาเพื่อลักพาตัวเธอหรือไม่ เธอมองไปรอบ ๆ ตัวอย่างระมัดระวังราวกับว่ามีรถสีดำและเฮลิคอปเตอร์มาล้อมรอบตัวเธอ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ทำให้เธอตื่นจากภวังค์ อา ? ผู้ช่วยฟู ? “ซงหลีหัว ! เธอกล้าปฏิเสธข้อเสนอที่สุภาพของเจ้านายได้ยังไง ขึ้นรถเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเธอจะถูกไล่ออก!
เมื่อพวกเขาก้าวออกไปข้างนอกแล้ว หลีหัวคิดหนักก็ได้ตั้งคำถามว่า บอสคุณไม่ใช้รถเปอร์เช่หรูราคาแพงเหรอค่ะ? บอสไม่มีทางที่จะเอารถหรูของคุณมาจอดที่นี้หรอกน่ะ ฉันหมายถึงบนถนนแคบ ๆ แห่งนี้ก็ไม่มีที่ว่างให้คุณจอดรถเหมือนกันค่ะ
เหว่ยเหลือบมองเธอ “คนขับรถจะขับมาที่นี่”
หลีหัวไออย่างหนัก “บอสถ้าชาวบ้านแถวนี้เห็นรถหรูราคาหลายล้านดอลล่าร์ของคุณที่นี้ พวกเขาคงตกใจเมื่อรู้ว่าคุณเป็นเศรษฐี มันจะเป็นข่าวใหญ่ที่พบว่ามีซีอีโอมาพักอยู่ที่นี่และฉันคิดว่าคุณไม่ต้องการจะบอกใครๆแบบนั้น
หลีหัวคาดเดาได้ว่าคนเงียบๆ อย่างเขาคงจะรำคาญอย่างมาก
เหว่ยถามว่า “ดูเหมือนคุณจะมีปัญหา”
หลีหัวพยักหน้า
“คุณช่วยแนะนำหน่อยว่าเราจะควรทำอะไรได้บ้าง”
หลีหัวให้ข้อคิด “บอสมีรถมากกว่าหนึ่งคันใช่มั้ยค่ะ” ทำไมคุณไม่ให้คนขับรถขับคันเล็ก ๆ มาเพื่อจะได้ไม่ดึงดูดความสนใจผู้คนมากเกินไป
“เหว่ยพยักหน้า”
ไม่กี่นาทีต่อมา หลีหัวเหมือนจะเป็นลม รถเล็ก ๆ ที่คาดเดาไว้ไม่ได้เล็กอย่างที่คิด มันมีขนาดเล็กกว่าเปอร์เช่เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม มันเป็นรถยนต์ที่มีแต่มหาเศรษฐีเท่านั้นที่สามารถซื้อได้ เป็นรถที่คนอย่างเธอเห็นได้เมื่อเวลาเธอเดินผ่านโชว์รูมเท่านั้น
เธอมองแล้วก็พูดอะไรไม่ออก นี่คือคำจำกัดความของคำว่ารถเล็ก ๆ ของคุณใช่หรือไม่ค่ะ?
ตามที่คาดเดาเอาไว้ ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมารอบ ๆ ต่างก็พูดพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นรถหรูราคาแพงคันนี้จอดอยู่ในพื้นที่ของพวกเขาเป็นครั้งแรก
“โอ้โห รถสวยจังเลย” “เศรษฐีคนนั้นคือใคร?”
พวกเขายิ่งตกใจขึ้นไปอีก เมื่อได้เห็นเหว่ยเขาดูดีเหมือนนายแบบที่ออกมาจากนิตยสารยอดนิยมทั้งหลาย
ขณะที่รถมาจอดอยู่ตรงหน้าเธอนั้น หลีหัวรู้สึกว่าทุกคนจ้องมองมาที่เธอ
คนขับรถพูดออกมาว่า “เจ้านายครับผมเอารถคันเล็ก ๆ ที่เรามีมาให้ครับ”
เหว่ยตอบว่า “โอเค”
เสียงของหลีหัวพูดตะกุกตะกัก “บอสรถคันนี้ดูเหมือนคนชนชั้นกลางไม่น่าจะมีนะคะ”
คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย “นี่เป็นรถที่แพงที่สุดที่ฉันมีนะ”
“.....”
“หลีหัว” เสียงเรียกของเกาสุ่ยเป็นหนึ่งผู้ที่พักอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เดียวกันกับเธอ ซึ่งพักอยู่ชั้นล่างถัดไปหนึ่งชั้น
เกาสุ่ยเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็น เมื่อมองผู้คนที่มารวมตัวกันอยู่ด้านหน้าของอพาร์ทเม้นท์ของเธอ
เธอก็ตกใจมากเมื่อเห็นหลีหัวยืนอยู่กับชายหนุ่มรูปงามข้างหน้ารถสุดหรูราคาแพงของเขา “ผู้ชายคนนั้นคือใคร?”
“เกาสุ่ย” หลีหัวโบกมือทักทาย
เกาสุ่ยมองสลับไปมาระหว่างเหว่ยกับหลีหัว เอ้ ! ฉันเพิ่งกลับมาถึงและผู้คนกลุ่มนี้...แล้วเมื่อเธอมองดูเหว่ยใกล้ ๆ เธอรู้สึกหัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ
“หลีหัว...เขาเป็นใครเหรอ?”
หลีหัวไม่รู้ว่าจะตอบเกาสุ่ยว่าอย่างไร คงจะลำบากใจมากถ้าตัวตนของเขาในฐานะซีอีโอถูกเปิดเผย เธอคิดถึงข้อความคุกคามจากฟูเหรินชู
เธอคิดว่า “ฉันจะหาวิธีปกปิดเรื่องสำหรับรถคันนี้ได้อย่างไร”
เกาสุ่ยหัวเราะคิกคัก “เขาดูเหมือนกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทนะค่ะ”
“เขาไม่ใช่ เขาไม่ใช่!” หลีหัวพูดระเบิดออกมารู้สึกตื่นตระหนก จากนั้นเกาสุ่ยก็มาคลอเคลียที่คอของเธอ “ฉันหมายถึงเขาเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ”
ในการสนทนาทั้งหมดระหว่างพวกเธอ นี่เป็นครั้งแรกของเหว่ยที่ประสบปัญหาในการหันศีรษะของเขา เขาเหลือบมองดูหลีหัวอย่างเงียบ ๆ ผู้ซึ่งโกหกได้อย่างไม่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับตัวเอง
เกาสุ่ยขมวดคิ้ว “กับรถแบบนี้เหรอ?”
เธอหัวเราะอย่างประหม่า “ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะเขาเป็นคนที่น่าสงสารจริง ๆ” รถคันนี้เป็นของลุงห่างๆของเขา เขาทำงานอยู่ในบริษัทของลุง ลุงรู้สึกละอายใจที่เขายากจนมาก จึงส่งรถมาให้เขาขับเพื่อรักษาภาพลักษณ์ความมั่งคั่งของเขา เขาใช้ชีวิตอย่างสงสาร ถูกลุงทารุณกรรม พวกเขาทะเลาะกันและถูกไล่ออกจากบ้านและมาอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ของเรา เขาเพิ่งย้ายมาเมื่อวานนี้เอง
ปากของเกาสุ่ยกระตุกเล็กน้อย เธอคิดว่ามันยากมากที่จะแยกแยะได้เพราะว่าผู้ชายคนนี้ดูดีและมี
ออร่าเขา เขาถูกทำร้ายจริงเหรอ? แต่เนื่องจากเขาไม่โต้ตอบอะไรกับสิ่งที่หลีหัวพูด เธอจำเป็นต้องเชื่อ
“น่ากลัวจัง”
เกาสุ่ยมองไปที่เหว่ยและก้าวไปข้างหน้า “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเกาสุ่ย ฉันพักอยู่ที่นี้อยู่ชั้นล่างห้องของหลีหัว ถัดลงไปอีกหนึ่งชั้นค่ะ เธอยิ้มและยื่นมือไปข้างหน้า
เหว่ยไม่พูดและไม่ตอบสนองใด ๆ เกาสุ่ยยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สองสามวินาที
หลีหัวไอและกระซิบ “เออ...บอส...การจับมือ...”
เหว่ยมองไปที่เธอและแยกริมฝีปากของเขา “ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องตัวฉัน”
เกาสุ่ยเบิกตากว้างและปากของเธอเปิดออกด้วยความตกใจ
“เออ...ผมขอโทษ”
แก้มของเกาสุ่ยแดงด้วยความเขินอาย
หลีหัวตกใจ “อา...” เธอคิดตอนที่เธอแตะไหล่ของเขา แล้วเขาก็ดึงกางเกงเพื่อที่ลุกขึ้น ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่ามีเหงื่อขึ้นที่หน้าผาก ตอนนั้นฉันทำให้บอสโกรธจริงๆเหรอ? แต่เธอก็ไม่เห็นเขาพูดว่าอะไรเลย และเธอก็ยังสงสัยอีกว่าทำไมเธอถึงยังไม่ถูกไล่ออก จากนั้นเธอก็สั่นสะท้านคิดถึงเรื่องราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้กับเหตุการณ์น้ำไม่ไหล...
ถ้าเขาจริงจังกับผู้ร้ายที่ไม่มีอยู่จริงคนนั้นแล้วฉันจะทำอย่างไรดีล่ะ..? บอสกำลังวางแผนที่จะให้เธอผ่านการถูกลงโทษ ที่ทำความผิดควรได้รับโทษหรือไม่
ทันใดนั้น เธอรู้สึกตื่นเต้นมากกับการนั่งรถร่วมกันกับเขา เขาจะทิ้งเธอไว้กับทีม เอส3 ของเขาหรือไม่?
หลีหัวรีบพูดขึ้นว่า “บอส ฉัน- ฉันจำได้ว่าเช้านี้ฉันไม่มีเรียน ฮ่า ฮ่า ฉันสามารถขึ้นรถบัสได้ ฉันจะไม่สาย”
ริมฝีปากของเหว่ยเหยียดเป็นเส้นตรงบางๆ เขามองเธอว่างเปล่ามีความรู้สึกแปลก ๆ ซึ่งเขารู้สึกว่าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วพิมพ์ข้อความหนึ่งข้อความ หลีหัวไม่เห็นข้อความสิ่งที่เขาพิมพ์หรือพูดกับใคร แต่เธอเริ่มประหม่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เขากำลังเรียกทีม เอส3 ของเขาเพื่อลักพาตัวเธอหรือไม่ เธอมองไปรอบ ๆ ตัวอย่างระมัดระวังราวกับว่ามีรถสีดำและเฮลิคอปเตอร์มาล้อมรอบตัวเธอ
จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น ทำให้เธอตื่นจากภวังค์
อา ? ผู้ช่วยฟู ?
“ซงหลีหัว ! เธอกล้าปฏิเสธข้อเสนอที่สุภาพของเจ้านายได้ยังไง ขึ้นรถเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเธอจะถูกไล่ออก!