733 - เส้นทางโบราณที่เชื่อมต่อกับโลกอื่น
733 - เส้นทางโบราณที่เชื่อมต่อกับโลกอื่น
จักรพรรดิอมตะนั้นว่ากันว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งยิ่งกว่าเทพเจ้า และแม้แต่เผ่าพันธุ์โบราณก็ยังไม่แน่ใจว่าเขามีอยู่จริงหรือไม่
ความเป็นอมตะหรือภาพลวงตา แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดกาล ยกตัวอย่างเช่นพ่อของวานรศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เช่นกัน
“จักรพรรดิอมตะ…” เย่ฟ่านนึกผาศักดิ์สิทธิ์
หน้าผาถูกตัดขาดจากภูเขาอมตะ และการตายร่างศักดิ์สิทธิ์แห่งต้าเฉิงก็มีความเกี่ยวข้องอย่างมาก จากนั้นยังมีเรื่องของจักรพรรดิอู๋เป่ยผู้ยิ่งใหญ่ที่ผนึกสิ่งมีชีวิตอมตะไว้ในคัมภีร์ผนึกเทพอีกด้วย
“บุคคลระดับจักรพรรดิอมตะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ บิดาของข้าเคยบอกว่าสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขารู้จักคือราชาอมตะ เขาบอกว่าไม่มีทางที่จะมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น!” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
หลังจากได้ยินทุกอย่างเกี่ยวกับหน้าผาศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงหรือไม่ ในจิตใจของเย่ฟ่านก็ยกย่องจักรพรรดิอมตะให้อยู่ในจุดสูงสุดแล้ว
“แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายในเผ่าพันธุ์โบราณที่นับถือเขาเป็นเทพเจ้า” วานรศักดิ์สิทธิ์ถอนหายใจ
จักรพรรดิวานรศักดิ์สิทธิ์มีอายุหลายล้านปี เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่วานรศักดิ์สิทธิ์เคยรู้จัก แม้แต่ผู้อมตะที่แท้จริงแบบนั้นก็ยังตายไปแล้ว
มันเป็นเรื่องยากที่วานรศักดิ์สิทธิ์จะเชื่อว่าในโลกนี้จะมีคนแข็งแกร่งกว่าบิดาของเขานับหมื่นนับพันเท่า
แม้ว่าตอนที่เขายังเป็นเด็กเขาจะมีโอกาสได้เห็นพ่อของเขาต่อสู้กับศัตรู และพลังของผู้อมตะที่แท้จริงเพียงพอที่จะพลิกคว่ำโลกทั้งใบได้
แต่ถึงกระนั้นคนเหล่านี้ก็ยังนับถือจักรพรรดิอมตะเป็นถึงเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ไร้สาระมากเกินไป คนที่มีพลังระดับนั้นจริงๆ เหตุไฉนจึงไม่สามารถดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันได้
“คนส่วนใหญ่เคารพในจักรพรรดิอมตะอย่างสูง และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมภูเขาอมตะจึงถูกตั้งชื่ออย่างนั้น
การมีอยู่ที่อยู่ที่นั่นอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเขา และบางทีเจ้าของภูเขาอมตะอาจเป็นผู้สืบทอดมรดกของจักรพรรดิอมตะก็ได้” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
“น่าเสียดาย น่าเสียดายที่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณตายไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเรายังพอจะสืบค้นได้ว่ายังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาอยู่หรือไม่!” เย่ฟ่านกล่าว
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้มีความแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะตายไปหมดแล้ว หากพวกเจ้าอยากรู้เรื่องนี้ในอนาคตข้าจะสอบถามราชาโบราณให้” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าวในสิ่งที่น่าตกตะลึง
ความเป็นอมตะนั้นผู้คนต่างโหยหาอย่างยิ่ง แต่ไม่อาจแตะต้องได้ มีกี่เผ่าพันธุ์ในสมัยโบราณที่สร้างตัวตนที่โดดเด่นและสูงส่งที่สุด แต่สุดท้ายในตอนนี้ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดในยุคโบราณก็แทบจะตายหมดสิ้นแล้ว
เด็กหญิงตัวเล็กดึงที่มุมเสื้อผ้าของเย่ฟ่าน เงยหน้าขึ้นแล้วถามอย่างอ่อนโยนว่า
"พี่ใหญ่ เทพเจ้าคืออะไร"
"เขาก็เป็นการดำรงอยู่แบบภาพลวงตาชนิดหนึ่ง เหมือนกับนางฟ้า บางทีก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ว่ากันว่าพวกเขาสามารถดลบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นได้” เย่ฟ่านตอบ
“จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขามีอยู่จริง?” ขนตาของหนานหนานขยับขึ้นลง และดวงตาที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาของนางก็เต็มไปด้วยความสนใจ
“เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ บางทีพวกเขาอาจไม่มีพลังขนาดนั้นจริงๆ แต่เมื่อถูกเล่าขานต่อเติมกันมากขึ้นตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาก็กลายเป็นเหนือจินตนาการไปแล้ว” เย่ฟ่านแตะศีรษะของนางและกล่าวว่า
“บางทีนางฟ้าก็อาจเป็นเช่นนี้ด้วย”
“ห้ามกล่าวถึงพวกเขาโดยขาดความเคารพ...”
นัยน์ตาของวานรศักดิ์สิทธิ์หรี่ลงเล็กน้อย เขานึกถึงอดีตของเขาอีกครั้ง
พ่อแก่ของเขาต่อสู้กับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่รู้จักกันในนามการดำรงอยู่ที่ทรงพลังที่สุดในสมัยโบราณ พวกเขาบดขยี้ท้องฟ้าทำลายดวงดาวไปมากมาย แต่สุดท้ายจักรพรรดิวานรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังได้รับบาดเจ็บจนกระทั่งเสียชีวิตในภายหลัง
"ความตายของข้าเป็นเพราะกล่าวในสิ่งที่ไม่สมควรที่จะกล่าว เจ้าอย่าได้ทำผิดพลาดเช่นนี้อีก..." นี่เป็นคำพูดสุดท้ายของจักรพรรดิวานรศักดิ์สิทธิ์
“ในอนาคตหนานหนานเชื่อว่าพี่ใหญ่จะเป็นเทพเจ้าได้ พี่ใหญ่จะวิวัฒนาการจนมีความแข็งแกร่งไม่เป็นรองเต๋าสวรรค์อย่างแน่นอน?”
เสี่ยวหนานหนานกระพริบตากลมโตและกล่าวคำพูดที่น่าตกตะลึงออกมา ซึ่งทำให้จิตใจของทุกคนหนาวเหน็บอย่างถึงที่สุด
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหว เสี่ยวหนานหนานเป็นทารกศักดิ์สิทธิ์ เรื่องนี้ไม่ผิดพลาดแน่นอน แต่นางรู้เรื่องเต๋าสวรรค์ได้อย่างไร?
สุดท้ายทุกคนก็ถามคำถามมากมายกับวานรศักดิ์สิทธิ์ แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขายังเด็กเกินไปและความเข้าใจของเขาก็มีอยู่อย่างจำกัดจริงๆ
เขาไม่ใช่ซากดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตเหมือนเช่นสิ่งมีชีวิตโบราณเหล่านั้น
“เจ้ามีความทรงจำเกี่ยวกับดินแดนรกร้างต้องห้ามโบราณหรือไม่”
“ดินแดนรกร้างต้องห้ามโบราณ?์”
วานรศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว และหลังจากได้ยินตำแหน่งที่แน่นอนที่อธิบายโดยหลายคน ดูเหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง หลังจากไตรตรองอยู่นานเขาก็กล่าวว่า
“ถ้าไม่มีข้อผิดพลาดอาจมีมนุษย์โบราณเคยปรากฏตัวขึ้นที่นั่น
ว่ากันว่าในบริเวณนั้นมีแท่นบูชาเคลื่อนย้ายที่ทำให้โลกใบนี้เชื่อมต่อกับเส้นทางโบราณ ซึ่งนั่นเป็นหนทางที่มนุษย์โบราณเดินทางจากโลกอื่นมาที่นี่”
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหว มีแท่นบูชาห้าสีใต้ก้นบึ้งหน้าผาโบราณจริงๆ เขารู้ดีว่ามันเป็นเส้นทางโบราณในทะเลแห่งดวงดาว เป็นไปได้ไหมว่ามีคนจากโลกของเขาเคยเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่อดีต?
“โลกจะเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอนหากเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่มีราชาผู้แข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสำนักฉีซื่อจึงเปิดขึ้นก่อนเวลา” ในที่สุดจักรพรรดิดำก็สรุปเช่นนั้น
ขณะพูดทุกคนก็เดินเล่นไปรอบๆพื้นที่อันกว้างใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยก โดยไม่รีบร้อนกลับไปยังป่าไผ่สีม่วงที่พวกเขาอาศัยอยู่
ทะเลสาบหยกนั้นกว้างใหญ่และมีภูมิประเทศที่ซับซ้อน แต่ที่สำคัญที่สุดคือความงดงามราวกับสรวงสวรรค์นั่นเอง
ริมทะเลสาบมีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาด ต้นหลิวไหวตามลมราวกับกลุ่มควัน ดอกไม้กำลังเบ่งบาน กลีบดอกราวกับหยาดฝน และกลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจาย
เนื่องจากเป็นสถานที่อันงดงามจึงมีเด็กหนุ่มสาวหลายคนกำลังเดินเล่นและพบปะกับเพื่อนฝูงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่น
ทันทีที่เย่ฟ่านและคนอื่นๆ มาถึง พวกเขาพบสตรีศักดิ์สิทธิ์หลายคน แต่ละคนรายล้อมไปด้วยชายหนุ่มมากมายมีลักษณะคล้ายกับดาวล้อมเดือน
“คนเหล่านี้พยายามจะสวมหมวกเขียวให้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นหรือไม่?” จักรพรรดิดำบ่นดวงตาของมันกวาดไปรอบๆ
“อย่าสร้างปัญหา!” อู๋จงเทียนเตือน
“พวกเจ้ากังวลอะไร ต่อให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไม่พอใจก็แค่ให้เย่น้อยออกไปตัดหัวพวกเขากลับมาก็พอแล้ว”
เย่ฟ่านจ้องมองเป็นเชิงตำหนิ
“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วยกับเสี่ยวเฮย ในอดีตจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ใครบ้างที่มือไม่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดของบุตรศักดิ์สิทธิ์รุ่นเดียวกัน?” เจียงฮ่วยเหรินกล่าว
“ไม่ว่าอย่างไรบุตรศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็ต้องตายอยู่แล้ว ทางที่ดีพวกเราควรเอาว่าที่ภรรยาของพวกเขามาเป็นภรรยาของตัวเองด้วย!” หลี่เหอซุยกล่าวดวงตาที่เปล่งประกายสดใส
“นี่สินะคือเจตนาที่แท้จริงของเจ้า” เย่ฟ่านเย่ล้อเล่น
“เราก็แค่ทำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้น พวกเจ้าไม่รู้สึกหรือว่าเด็กน้อยที่ล้อมรอบสตรีศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีรูปลักษณ์ที่ขัดตา!”
“บัดซบ!” จักรพรรดิดำไม่เต็มใจที่จะฟัง แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังพยักหน้าและกล่าวว่า
“นี่เป็นโอกาสที่สมควรพิจารณา หากพวกเจ้าต้องการสตรีศักดิ์สิทธิ์คนใดก็ปรึกษากับจักรพรรดิคนนี้ได้ รับรองว่าข้าคิดค่าแรงไม่มากอย่างแน่นอน!”
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้นชายหนุ่มผิวพรรณเหลืองอร่ามคนหนึ่งก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
แน่นอนว่าเขาคือเหยากวงบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงที่ทำให้คนรุ่นเดียวกันต้องตกใจ
ข้างๆเขา มีศิษย์หญิงหลายคนของนิกายใหญ่ รวมทั้งศิษย์ชายที่เทิดทูนเขาเป็นวีรบุรุษในหัวใจ
“พี่เย่…” บุตรผู้ศักดิ์สิทธิ์เหยากวงทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนทุกครั้ง
หญิงชายหลายคนที่ติดตามอยู่เบื้องหลังเขาแสดงออกถึงความหวาดกลัว แน่นอนว่าพวกเขารู้ดีว่าเย่ฟ่านทำอะไรเมื่อไม่กี่วันก่อน
ยอดฝีมือเพียงคนเดียวที่ตัดศีรษะบุตรศักดิ์สิทธิ์ติดต่อกันสองคนแทบจะกลายเป็นยอดคนระดับสูงสุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันทั้งหมดแล้ว