บทที่ 57 ข่าวลือในกระดานเว็บบอร์ดของโรงเรียน
บางคนรู้สึกว่าการมองจากระเบียงชั้นบนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้น พวกเขาจึงวิ่งลงมาชั้นล่าง แล้วแอบดูอยู่ตรงมุมของบันได
ถึงแม้ว่าเฉียวเนี่ยนจะเดินจากไปสักพักแล้ว แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวนี้
จ้าวจิ้งเวยได้ยินข่าวจากห้อง B ว่าเฉียวเชินและเฉียวเนี่ยนกำลังเผชิญหน้ากันตรงทางเดิน ดังนั้น เธอจึงรีบออกจากห้องทันที และทันทีที่มาถึง เธอก็เห็นว่าเฉียวเนี่ยนได้จากไปแล้ว และมีเพียงเฉียวเชินเท่านั้นที่ยืนอยู่คนเดียวด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
จ้าวจิ้งเวยคิดว่าเฉียวเชินกําลังร้องไห้ เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปหาเฉียวเชิน แล้วหมุนตัวอีกฝ่ายให้กลับมาหาเธอด้วยความทุกข์ใจ และถามอย่างระมัดระวังว่า “เชินเชิน เกิดอะไรขึ้น? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม? แล้วเธอร้องไห้ทำไม?”
เฉียวเชินตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อตระหนักได้ว่าเพื่อนของตัวเองกำลังเข้าใจผิด เธอจึงส่ายหน้าทันที แล้วแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง “ฉันไม่เป็นไร”
จ้าวจิ้งเวยเดือดดาลขึ้นมาทันที และดูเหมือนว่าเธอต้องการยืนหยัดเพื่อเฉียวเชิน เธอจึงขึ้นเสียงและถามว่า “เฉียวเนี่ยนรังแกเธอเหรอ?”
“...ไม่ พอดีพวกเราเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
“เข้าใจผิดเรื่องอะไร?”
“........” เฉียวเชินไม่สามารถบอกจ้าวจิ้งเวยได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสํานักงานวิชาการ เพราะเรื่องนี้มันน่าอับอายเกินกว่าที่เธอจะรับไหว
“ดูเธอสิ ทำไมถึงพูดไม่ได้ล่ะ แถมยังช่วยผู้หญิงคนนั้นโกหกอีก!
จ้าวจิ้งเวยคร่ำครวญออกมาอย่างโกรธจัด และจับมือของเฉียวเชินขึ้นมา
“เฉียวเนี่ยนจะมากเกินไปแล้ว ถือว่าตัวเองได้อยู่ห้อง A ก็เลยมารังแกพวกเราห้อง B อย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าผู้หญิงคนนั้นเคยเอาเปรียบครอบครัวของเธอมากแค่ไหน แล้วถ้าเกิดย่าของเธอไม่ประกาศว่าเฉียวเนี่ยนไม่ได้มาจากครอบครัวของเธอ บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจจะยังกินและดื่มในบ้านของเธอในฐานะลูกสาวคนโตก็ได้”
“จิ้งเวย เธออย่าพูดอย่างนั้น…ฉันไม่ได้ถูกรังแกจริงๆ พอดีทรายกระเด็นเข้าตาเท่านั้นเอง…” เฉียวเชินจับมือจ้าวจิ้งเวยขึ้นมา เพื่อให้คนตรงหน้าหยุดพูด
แต่ความจริงแล้ว เฉียวเชินกำลัง'โน้มน้าว'อีกฝ่าย ด้วยการช่วยเติมเชื้อเพลิงให้กับกองไฟเท่านั้น
และแน่นอน จ้าวจิ้งเวยโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้น เธอจึงจับมือเฉียวเชินแล้วเดินกลับไปที่ห้อง B “เชินเชินกลับห้องเรียนกันเถอะ ถ้าหากเฉียวเนี่ยนต้องการรังแกเธออีก คงต้องถามคนในห้อง B ด้วยว่าเห็นด้วยหรือไม่! และคราวนี้ ฉันจะต้องทําให้ผู้หญิงคนนั้นมาขอโทษเธอ และออกจากโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งให้ได้!”
……
เมื่อเฉียวเนี่ยนกลับไปที่ห้องเรียน เสียงกริ่งโรงเรียนก็ดังขึ้น
ห้อง A มีบรรยากาศการเรียนรู้ที่แข็งแกร่งมาก ในช่วงเวลาเรียนทุกคนจะตั้งใจฟัง และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังคิดฟุ้งซ่าน
โต๊ะของเฉียวเนี่ยนอยู่แถวหลังและชิดกับกำแพง โดยมีกองหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะได้กลายเป็นอุปสรรคสําหรับเธอในการเล่นเกม ทําสิ่งต่างๆ และเบี่ยงเบนความสนใจไปทางอื่น
ที่ผ่านมา เธอยุ่งกับหลายสิ่งหลายอย่างมากเกินไป และเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะหาพื้นที่เงียบสงบ เพื่อจดจ่อกับเรื่องของตัวเอง
พอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เธอก็เห็นสายที่ไม่ได้รับ และข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง
เพียงแค่ไม่นาน ข้อความที่ยังไม่ได้ถูกเปิดอ่านก็มีนับไม่ถ้วน
มีทั้งสมาชิกของตระกูลเจียง เจียงหลี เว่ยโหลว และเยวี๋ยนโหย่งฉินก็ส่งข้อความถึงเธอด้วย แม้กระทั่งป้าเฉินก็เช่นกัน
เฉียวเนี่ยนใช้ปลายนิ้วกดเปิดข้อความแล้วไล่อ่านทีละคน แต่เมื่อเธอเห็นข้อความที่ถูกส่งมาล่าสุด ดวงตาของเธอก็แสดงอาการหงุดหงิดออกมาทันที
[เย่วั่งชวน : วันแรกของการไปเรียนเป็นอย่างไรบ้าง?]
เฉียวเนี่ยนหลี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้น เธอก็ตอบกลับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
[QN: พอดีวันนี้ไม่ได้ดูปฏิทินหวงลี่*]
*(黄历 หรือ 皇历 แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า almanac หรือปฏิทินโหราศาสตร์ 黄历 เป็นปฏิทินตั้งแต่สมัยหวงตี้ คนสมัยก่อนออกจากบ้านจะต้องดูปฏิทินก่อน ถ้าโชคไม่ดีจะพูดว่า 今天出门没看黄历 วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินหวงลี่ หมายความว่า ดวงซวย)
หลังจากที่ตอบกลับไปแล้ว เธอก็เปลี่ยนโทรศัพท์เข้าสู่โหมดป้องกันข้อมูล และเรียกหน้าตลาดหุ้นที่ดําเนินการไปแล้วครึ่งหนึ่งขึ้นมา
……
เพียงแต่ช่วงพริบตา เช้าวันใหม่ก็มาเยือน
หลังจากหมดเวลาพักรับประทานอาหารกลางวันแล้ว เฉียวเนี่ยนและเสิ่นชิงชิงก็เดินกลับมาจากทานอาหารด้วยกัน และพวกเธอก็บังเอิญได้ยินเสียงกระซิบภายในห้องเรียน
“ที่เฉียวเนี่ยนสามารถย้ายมาเรียนที่โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งได้ เป็นเพราะปู่ของเธอเป็นครูสอนอยู่ในเขตเมืองลั่วเหอ จึงทำให้เธอได้รับการอนุมัติเป็นพิเศษอย่างนั้นเหรอ?”
“ส่วนที่เธอได้คะแนนเต็มในการทดสอบเข้าชั้นเรียน ก็คงจะเข้าทางประตูหลังที่ถูกเปิดโดยครูของโรงเรียนเรา เพื่อให้เธอมาเรียนห้อง A สินะ”
“ถ้าอย่างนั้น คะแนนการสอบของเธอก็ไม่เป็นความจริงน่ะสิ?”
“ฉันเห็นใครบางคนโพสต์บอกว่าเฉียวเนี่ยนรังแกเฉียวเชินห้อง B จนร้องไห้ที่โถงทางเดิน ซึ่งฉันเคยเห็นเฉียวเชินจากห้อง B มาก่อน เธอเป็นคนอ่อนโยนและละเอียดอ่อน แต่เฉียวเนี่ยนเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ”
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เฉียวเนี่ยนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย แต่เป็นเสิ่นชิงชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ กำลังตัวสั่นเพราะความโกรธ ดังนั้น เสิ่นชิงชิงจึงกระแทกประตูห้องเรียนเข้าไป แล้วเดินไปยืนบนแท่นหน้าห้องเรียนด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้น ก็พูดออกมาอย่างโกรธเคือง “พวกนายกำลังพูดเรื่องอะไรกัน! เฉียวเนี่ยนไม่ใช่คนแบบนั้น!”