บทที่ 56 การบดขยี้ที่มองไม่เห็น
แต่ช่ายกังไม่ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย และจู่ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และพูดกับทุกคนในสํานักงานว่า “ยังไงก็ตาม รู้สึกว่าผมจะจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อไม่นานมานี้มีเด็กตกลงไปในแม่น้ำ? และมีพลเมืองคนหนึ่งได้เขียนจดหมายยกย่องเอาไว้ด้วย โดยกล่าวว่ามีนักเรียนของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งกระโดดลงไปในน้ำอย่างกล้าหาญเพื่อช่วยเด็กคนนั้นขึ้นมา และคนๆ นั้นก็คือเฉียวเนี่ยน”
“ว่ากันว่ามีนักเรียนของโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งอยู่ที่นั่นด้วย แต่พวกเขากลัวอันตรายและปฏิเสธที่จะลงไปช่วยเด็ก แต่กลับเป็นเฉียวเนี่ยนที่กระโดดลงไปในน้ำแทน โดยไม่คำนึงถึงอันตรายของตัวเอง…”
เสิ่นฉยงจือและเฉียวเชินไม่ได้ยินสิ่งที่คนอื่นพูดอยู่ลับหลัง และตอนนี้ ทั้งสองคนรู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณใบหน้าอย่างมาก ราวกับพวกเธอได้ถูกใครบางคนที่ไม่รู้จักทุบตีจนใบหน้าบูดบวม
พวกเขาเฝ้าดูอย่างเงียบๆ ในขณะที่ผู้อํานวยการจับมือกับช่ายกัง และเดินไปส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนที่หน้าประตู และในเวลานี้ ทุกคนภายในห้องไม่สามารถสรรหาคําพูดออกมาได้เลยสักประโยคเดียว
……
ในสำนักงาน
ตอนนี้ ช่ายกังและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กลับไปแล้ว
แต่บรรยากาศในสํานักงานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เสิ่นฉยงจือ เฉียวเชิน และครูคนอื่นๆ เหมือนกำลังนั่งอยู่บนพรมเข็ม* ส่วนผู้อำนวยการและครูที่ยืนอยู่ข้างเฉียวเนี่ยนรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก
*(如坐针毡 เหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม สำนวน หมายถึง จิตใจพะว้าพะวงไม่เป็นสุข)
ผู้อํานวยการเป็นคนที่มีบุคลิกใจดี เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ดังนั้น เขาจึงหันไปพูดกับเฉียวเนี่ยนอย่างนุ่มนวลว่า “ไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับไปเรียนได้”
“ค่ะ”
เฉียวเนี่ยนตอบกลับอีกฝ่าย จากนั้น เธอก็ลุกขึ้นแล้วหยิบสัมภาระของตัวเองขึ้นมา แล้วเดินผ่านหน้าเสิ่นฉยงจือและคนอื่นๆ ไป โดยไม่ได้หยุดมองหรือพูดอะไรสักคำ
ผู้อํานวยการรอให้เฉียวเนี่ยนเดินออกไปข้างนอกห้องก่อน จากนั้น เขาก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “คุณนายเฉียว ผมคิดว่าคุณคงจะเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนเรื่องที่คุณเพิ่งเสนอให้โรงเรียนไล่เฉียวเนี่ยนออก โรงเรียนไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนั้น และคุณคงจะไม่มีข้อโต้แย้งอะไรใช่ไหม?”
เสิ่นฉยงจือบีบกระเป๋าในมือของตัวเองจนแน่น ใบหน้าของเธอชาราวกับถูกตบ และลําคอก็เต็มไปด้วยแผลพุพอง
ด้วยสถานะของเสิ่นฉยงจือ วันนี้ทำไมเธอถึงต้องมาเผชิญกับความอัปยศอดสูแบบนี้ด้วย ที่สำคัญ ความอัปยศอดสูนี้ก็เกิดขึ้นเพราะตัวเธอเอง!
เธอถึงกลับพูดไม่ออก!
……
หลังจากที่ออกมาจากห้องสำนักงานแล้ว เฉียวเนี่ยนกำลังเดินกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเอง
เธอกำลังเดินไปที่โถงทางเดิน
ทันใดนั้น เฉียวเนี่ยนก็ได้ยินเสียงของเฉียวเชิน ที่กำลังวิ่งไล่ตามมาจากทางด้านหลัง และหยุดเธอไว้
“พี่สาว!”
คิ้วของเฉียวเนี่ยนขมวดเข้ามากันทันที ร่องรอยความอดทนในดวงตาของเธอเริ่มลดน้อยลง เธอจึงหยุดยืนแล้วหันหลังกลับ พร้อมกับพูดกับอีกฝ่ายอย่างเฉยเมย “มีอะไรอีก?”
ทัศนคติของคนตรงหน้านี่มันอะไรกัน!
เฉียวเชินเก็บความทุกข์ไว้ในใจ จากนั้น เธอก็มองไปรอบๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงพักระหว่างสองชั้นเรียน จึงทำให้มีนักเรียนหลายคนเดินออกมาจากห้องเรียนเพื่อพักหายใจ และหลายคนก็เริ่มสังเกตเห็นพวกเธอทั้งคู่แล้ว
เฉียวเชินก้มหน้าลงและกัดริมฝีปากของตัวเอง ราวกับว่ามันยากมากที่จะเปิดปากพูด “พี่สาว เธอไม่ควรปล่อยให้ป้าฟู่และคนอื่นๆ รู้สึกขายหน้าแบบนั้น…ถึงแม้ว่าพวกเราจะเข้าใจเธอผิดก็ตาม แต่ถ้าเธอยอมอธิบายให้ทุกคนฟังก่อน คงจะไม่ทำให้แม่…ไม่ทําให้แม่ต้องอับอายขนาดนี้”
## ?????
“ครอบครัวของป้าฟู่มีญาติที่เป็นหัวหน้าแผนกการศึกษา แต่ถ้าเธอทำแบบนี้จะต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน แล้วเธอจะเรียนในวงแหวนรอบนอกได้ยังไงกัน?...ที่เธอไม่ได้กลับไปที่เมืองลั่วเหอ และพักอยู่ที่นี่ก็เพื่อเรียนหนังสือไม่ใช่เหรอ? หรือเธอไม่ต้องการเปลี่ยนชะตากรรมของครอบครัวโดยการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแล้ว?…ถึงยังไงก็ตาม ก็อย่าได้หุนหันพลันแล่นแบบนี้อีกในอนาคต”
เฉียวเนี่ยนยืนฟังเฉียวเชินอย่างอดทน และเมื่อเห็นอีกฝ่ายปิดปากลงแล้ว ดวงตาสีดำของเธอก็จ้องมองคนตรงหน้า แล้วพูดขึ้นว่า “พูดจบแล้วใช่ไหม?”
เฉียวเชินเผลอกำมือของตัวเองจนแน่น ใบหน้าที่อ่อนแอของเธอนั้นดูน่าเกลียดเล็กน้อย ส่วนริมฝีปากก็ซีดจนมองเห็นไม่ชัดเจน จากนั้น เธอก็พยักหน้าลงแล้วพูดขึ้นว่า “จบแล้ว”
“ถ้าพูดจบแล้ว ถ้าอย่าตามฉันมาอีก มันหนวกหู!”
ตอนนี้เฉียวเนี่ยนรู้สึกหงุดหงิดมาก เป็นเพราะอีกฝ่ายน่ารำคาญ!
เฉียวเนี่ยนทิ้งประโยคนั้นแล้วหันหลังกลับทันที ปล่อยให้เฉียวเชินยืนมองอยู่ที่เดิม!
……
ความอัปยศอดสูนี่คืออะไร!
เฉียวเชินวิ่งตามเฉียวเนี่ยนมาด้วยตัวเอง และสรรหาคำพูดมากมายมาอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง แต่ดูเหมือนเฉียวเนี่ยนจะไม่ได้สนใจกับมันเลยแม้แต่น้อย ทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องผายลมที่ไร้ประโยชน์!
ใบหน้าของเฉียวเชินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เล็บของเธอกําลังจะมีเลือดไหลออกมา เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม ซึ่งภายในอกเต็มไปด้วยความโกรธ จนดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง
เฉียวเนี่ยนคงจะรู้สึกสนุกมาก แต่มันก็เป็นเพียงคำชื่นชมและได้รับการยกย่องจากตํารวจเท่านั้น และด้วยเหตุผลนี้ เธอโง่มากที่ทำให้ตระกูลฟู่ขุ่นเคือง และไม่ช้าไม่เร็ว พี่สาวจอมปลอมคนนั้นจะต้องเก็บของกลับเมืองลั่วเหออย่างแน่นอน!
……
เรื่องราวการมาของดอกไม้ประจำห้อง A ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งตั้งแต่เมื่อวานนี้ และว่ากันว่าดอกไม้ประจำห้อง A นั้นสวยมาก จึงทำให้คนอื่นๆ อยากที่จะเห็นมานานแล้ว ว่าใครกันแน่ที่สวยกว่ากัน!
ดังนั้น เมื่อทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เป็นเหตุให้มีผู้คนเฝ้าชมเป็นจำนวนมาก