บทที่ 55 เฉียวเนี่ยนตบหน้า
ทำไมตํารวจถึงรู้จักเฉียวเนี่ยน…
เมื่อเห็นท่าทางของตำรวจที่รู้จักนักเรียนของตัวเอง จู่ๆ หัวใจของผู้อํานวยการและครูที่ช่วยเธอพูดก็รู้สึกห่อเหี่ยวอย่างพร้อมเพรียงกัน
มุมปากของเฉียวเชินไม่สามารถหยุดยิ้มได้อีกต่อไป เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย เพราะกลัวว่าจะถูกคนอื่นมองเห็นท่าทางแบบนั้นของเธอ
เสิ่นฉยงจือทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเธอเป็นผู้ชนะ “สวัสดีค่ะ ฉันเพิ่งโทรหาคุณเมื่อสักครู่ พอดีฉันอยากตรวจสอบอะไรบางอย่างสักหน่อย”
“เมื่อวานนี้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่ในเขตที่คุณรับผิดชอบใช่ไหม?”
ช่ายกังอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่เฉียวเนี่ยน และเกิดสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งเมื่อวานเขาพูดกับเธอว่าจะมาที่โรงเรียนเพื่อยกย่องเธอ แต่เธอกลับไม่เต็มใจให้ทำแบบนั้น แล้วทําไมวันนี้ทุกคนถึงรู้เรื่องนี้?
แม้เขาจะนึกสงสัย แต่ปากก็ตอบคำถามคนตรงหน้าว่า “มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นจริง แต่ไม่ใช่การทะเลาะวิวาทแบบที่คุณคิด”
จากนั้น เฉียวเชินก็พูดขึ้นว่า “พี่สาว เธอยังไม่ยอมรับมันอีกเหรอ? ตราบใดที่เธอสารภาพผิด สิ่งที่เธอทำไว้กับหลานชายของป้าฟู่ ฉันจะช่วยขอร้องป้าฟู่ให้เอง ตอนนี้ เธอยังมีโอกาสแก้ไขข้อผิดพลาดนะ”
ช่ายกังและเจ้าหน้าที่ตํารวจฟังคำพูดนั้นด้วยความสับสน อะไรคือยังมีโอกาสแก้ไขข้อผิดพลาด? พวกเขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
เฉียวเนี่ยนพบปัญหาในการดําเนินงานบางอย่าง ซึ่งเส้นสีแดงและสีน้ำเงินบนโทรศัพท์มือถือของเธอจู่ๆ ก็เปลี่ยนตําแหน่งอย่างรวดเร็ว แต่ดวงตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความเฉยเมย จากนั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดว่า “ขนาดตํารวจยังไม่ได้ให้ฉันแก้ไขข้อผิดพลาดอะไรเลย แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่เธอบอก หรือเธอเป็นตำรวจงั้นเหรอ?”
“........” เฉียวเชินบีบฝ่ามือของตัวเองจนแน่น แล้วกัดริมฝีปากราวกับว่าเธอเป็นผู้ถูกกระทำ
เมื่อเห็นลูกสาวของตัวเองมีท่าทางไม่สู้ดีนัก เสิ่นฉยงจือก็จ้องไปที่เฉียวเนี่ยนครู่หนึ่ง จากนั้น เธอก็ก้าวไปยืนตรงหน้าของช่ายกัง แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “พอดีมันเป็นอย่างนี้ค่ะ เมื่อคืนสามีของฉันได้รับโทรศัพท์ว่าเฉียวเนี่ยนทะเลาะวิวาทกับคนอื่นข้างถนน และให้เขาไปที่สถานีตํารวจในตอนกลางคืนเพื่อประกันตัวเธอ ไม่ทราบว่าคุณจำเรื่องนี้ได้ไหม?”
การทะเลาะวิวาท สถานีตํารวจ เมื่อคืนนี้
ช่ายกังทำการเชื่อมโยงคําสําคัญเหล่านั้นทันที จากนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดเข้ามากันแล้วถามขึ้นว่า “สามีของคุณคือใคร?”
เสิ่นฉยงจือไม่สามารถซ่อนความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของตัวเองได้ เธอจึงพูดขึ้นว่า “เหมือนฉันจะกังวลมากเกินไปหน่อย จนไม่ได้พูดให้มันชัดเจน”
“สามีของฉันคือ เฉียวเว่ยหมิน ประธานของเฉียวซื่อกรุ๊ป”
ตระกูลเฉียวไม่ได้ร่ำรวยเท่ากับตระกูลฟู่ในวงแหวนรอบนอก ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น และบริษัทยังประสบความสำเร็จจนได้รับการจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่ได้รับการยกย่องในเมืองใหญ่อีกด้วย
เมื่อได้ยินผู้หญิงตรงหน้าพูดออกมาแบบนั้น ช่ายกังก็นึกขึ้นได้ทันที และทันใดนั้น การแสดงออกทางสีหน้าของเขาก็เหมือนกินแมลงวัน เขาพูดกับเธอด้วยความประหลาดใจว่า “สามีไม่ได้บอกคุณเหรอ?”
เสิ่นฉยงจือมีความสงสัยเล็กน้อย “บอกฉันเรื่องอะไร?”
เมื่อเย็นวานนี้ เฉียวเว่ยหมินได้รับโทรศัพท์จากป้าเฉินและรีบไปที่สถานีตํารวจทันที แต่พอผู้เป็นสามีกลับถึงบ้าน ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก อีกทั้งยังเข้านอนโดยไม่ได้กินอาหารเย็นด้วยซ้ำ
เธอคิดว่าเขากำลังโกรธเฉียวเนี่ยน
และในตอนเช้า คุณนายฟู่ยังบอกอีกว่าญาติของตัวเองถูกเฉียวเนี่ยนทุบตี ดังนั้น เธอจึงรีบมาโรงเรียนเพื่ออธิบายให้คุณนายฟู่ฟัง
หรือจริงๆ แล้ว เมื่อวานเย็นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกงั้นเหรอ?
และด้วยเหตุผลบางอย่าง มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
เธอคิดถูกแล้วที่จะไม่สบายใจ แต่จู่ๆ เจ้าหน้าที่ตํารวจที่ยืนอยู่ข้างช่ายกังก็พูดต่อหน้าทุกคนว่า “เมื่อวานที่นักเรียนเฉียวเนี่ยนเข้ามาที่สถานีตํารวจ เป็นเพราะทางเราเชิญให้เธอมาช่วยจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น…”
“พอดีว่าเมื่อเย็นวาน มีกลุ่มวัยรุ่นกำลังสร้างปัญหาอยู่ข้างถนนหนานซาน และกำลังทุบตีประชาชนบนท้องถนน ส่วนนักเรียนเฉียวเนี่ยนที่บังเอิญไปพบเหตุการณ์นั้น ก็เลยวิ่งเข้าไปช่วยคนที่ถูกทำร้าย อีกทั้งยังปราบกลุ่มอันธพาลอย่างกล้าหาญ และร่วมมือกับทางตำรวจเพื่อจดบันทึกเท่านั้น…”
ช่ายกังก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย และตอนนี้ ใบหน้าของเขาก็บานเป็นกระด้ง ซึ่งจะมีครูที่ไหนมาซักไซ้เอาความผิดจากลูกศิษย์แบบนี้กัน
“ผมขอชื่นชมเธอในเรื่องนี้จริงๆ ซึ่งทุกวันนี้ มีคนแบบเธอไม่มากนักที่ทำดีโดยไม่เปิดเผยตัวตนในสังคม ผมอยากให้เธอเป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักเรียนคนอื่นในโรงเรียน แต่ผลที่ได้คือเธอปฏิเสธ และไม่ยอมให้เราชื่นชมเธอต่อหน้าสาธารณะ”
ทันใดนั้น ใบหน้าของเสิ่นฉยงจือก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด
การที่เฉียวเนี่ยนไปสถานีตํารวจ เพราะเธอช่วยเหลือคนอื่น?
พวกเขายังคิดที่จะมอบธงชนะเลิศให้กับเฉียวเนี่ยนอีกด้วย?
ตอนนี้ หัวใจ ตับ ม้าม กระเพาะอาหาร และไตของเสิ่นฉยงจือล้วนถูกกวนเข้าด้วยกัน อีกทั้งใบหน้าของเธอก็มีอาการแสบร้อนที่เต็มไปด้วยด้วยความเจ็บปวด