851 มองหาความตื่นเต้น
851 มองหาความตื่นเต้น
มีไอความร้อนลอยขึ้นมาจากพื้น ถึงมันจะน้อยและคนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสหรือสังเกตเห็นได้ แต่เพียงแค่เขายื่นมือออกไปก็สามารถตรวจจับได้แล้ว
มันอยู่ข้างล่าง
หวังเย้ามองไปรอบๆ แถวนี้ไม่มีทั้งพลั่วหรือเสียมเลย
ช่างเถอะ ฉันใช้มือเอาก็ได้!
เขานั่งยองและเริ่มลงมือขุด เพราะเป็นภูเขามันจึงมีทั้งดินและหิน แต่มือของเขากลับดูแข็งไม่ต่างจากเหล็กและแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเศษดินและหินปลิวไปทั่ว ร่างของเขาดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ แล้วหลุมก็เริ่มปรากฏขึ้นบนพื้น
ในรีสอร์ทน้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่ตรงตีนเขา
“เชียนเชิงไปไหนแล้วล่ะ?” เจี๋ยจื้อจายพบจงหลิวชวนกับพันจวินที่ด้านในรีสอร์ท เขากำลังเบื่อ ในรีสอร์ทไม่มีอะไรสนุกให้เขาได้ทำเลย มันวังเวงเหมือนฤดูใบไม้ร่วง คนทั้งห้าไม่ต่างอะไรกับของแปลกหายากในที่แห่งนี้
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ในตอนที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เขาก็เห็นเด็กหนุ่มผมเหลืองและชายหนุ่มอีกเจ็ดแปดคนกำลังเดินตรงมาที่พวกเขาพร้อมกับถือไม้มาด้วย
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เจี๋ยจื้อจายที่เห็นคนมุ่งหน้ามาก็ดวงตาเป็นประกาย
“มาทางนี้! มาทางนี้!” เขาอดที่จะส่งเสียงเรียกพวกเขาไม่ได้
“นายกำลังทำอะไรน่ะ?” หูเหมยจ้องเขา
“ฉันกำลังหาเรื่องอยู่ยังไงล่ะ เธอไม่เห็นเหรอว่าพวกเขากำลังมาหาเรื่องคนน่ะ?”
“แม่ง มันไปไหนแล้ว?” ชายหนุ่มผมเหลืองพึมพำในขณะที่เดินอยู่ ไม่นาน เขาก็มองเห็นเจี๋ยจื้อจายและคนอื่นๆ พูดให้ชัดก็คือ เขามองไปที่หูเหมย
“ลูกพี่ ผู้หญิงคนนั้นสวยมาก!”
“ไปกัน”
ชายหนุ่มเดินตรงมาหาพวกจงหลิวชวนพร้อมกับไม้
“ว่าไงคนสวย เรามาทำความรู้จักกันดีกว่านะ” ชายหนุ่มผมเหลืองยิ้มกริ่มและยืนเก็กท่าที่คิดว่าตัวเองดูหลอเหลาและน่าดึงดูดที่สุด
ฮาฮา! เจี๋ยจื้อจายรู้สึกขำ มีคนกล้าจีบภรรยาต่อหน้าเขา กล้ามาก!
นี่ไม่ต่างจากการล้อมังกรหรือกระตุกหนวดเสือ คำพูดไม่สามารถบรรยายถึงอันตรายที่ชายหนุ่มกำลังเอาตัวเองเข้าไปอยู่
หูเหมยถามออกไปด้วยความไม่พอใจว่า “นายกำลังตื่นเต้นเรื่องอะไรอยู่?” มีคนกำลังจีบเธอ แต่สามีของเธอกลับทำท่าทางตื่นเต้นเสียอย่างนั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าสมองของเขากำลังมีปัญหาอยู่หรอกเหรอ?
เจี๋ยจื้อจายคิด ในที่สุดก็มีเรื่องให้ทำสักที
“นี่ เจ้าหัวเหลืองน่ะ แกกล้าจีบเมียฉันแบบนี้ สมองของแกคงโดนลาถีบมาใช่ไหม?”
“ห๊ะ!” เมื่อได้ยินแบบนี้ ชายหนุ่มหัวเหลืองก็อึ้งไป เขาหรี่ตามองเจี๋ยจื้อจายจากบนลงล่าง
“แกไม่ใช่คนที่นี่สินะ?”
“แน่ล่ะสิ ฉันไม่ใช่คนที่นี่” เจี๋ยจื้อจายผงกหัว
“ดี ถ้าอย่างนั้นทำไมแกก็ไม้ให้เมียของแกอยู่เป็นเพื่อนดื่มเหล้ากับพี่ๆของเราก่อนล่ะ? ฟังดูดีใช่ไหม?”
“แกกล้ามากนะ ตอนที่ฉันมาที่นี่ ฉันเห็นป้ายประกาศติดอยู่ข้างนอกนั่น ดูเหมือนว่าที่มันถูกตั้งเอาไว้ตรงนั้นก็เพื่อป้องกันเรื่องพวกนักเลงหัวไม้ในหมู่บ้าน แกคิดจะก่อเรื่องที่ผิดต่อกฏหมายหรือกำลังหาเรื่องตายอยู่ล่ะ?” เจี๋ยจื้อจายจุดบุหรี่สูบ
ชายหัวเหลืองและพวกของเขาหน้าซีด ช่วงนี้ ทางเขตกำลังเข้มงวดเรื่องนี้เป็นอย่างมาก มีหลายคนที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านถูกจับไป พวกเขาได้ยินมาว่า คนที่ถูกจับไปต่างก็มีสภาพดูไม่ได้กันทุกคน วัยรุ่นกลุ่มนี้อายุยังน้อยและไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก พวกเขาคิดว่าการทำแบบนี้ดูน่าเกรงขาม แต่พวกเขาก็ไม่อยากเข้าคุกเหมือนกัน
พวกเขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและกำลังเผชิญหน้ากับความอับอาย
เจี๋ยจื้อจายคิด ตีฉันสิ! พวกเขาจะยืนบื้อทำไมตรงนั้น? เขากำลังรอที่จะสู้กลับอยู่ เพราะตัวเขานั้นชื่นชอบที่จะรังแกเด็กเกเรแบบนี้มาก
“อะไรกัน? อยู่ๆพวกแกก็คิดได้ขึ้นมางั้นเหรอ? หรือว่ากลัว?”
“เฮ้อ” จงหลิวชวนส่ายหน้า เขาเลือกที่จะเดินออกมาและทิ้งเจี๋ยจื้อจายที่กำลังพยายามหาเรื่องใส่ตัวอยู่ตรงนั้น
“ทำไมฉันต้องกลัวด้วย?” ชายหัวเหลืองจ้องมองเขาราวกับจะกัดคอของเขาจนแหลก
เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยพละกำลังและความโกรธ จึงถูกกระตุ้นอารมณ์ได้ง่าย
“เฮ้อ ฉันพนันได้เลยว่าพวกแกคงเก่งแต่ปากสินะ ถ้าพวกแกไม่กล้าก็กลับไปดื่มนมแม่เถอะ” เจี๋ยจื้อจายโบกมือไล่
“ไอ้ลูกก** จัดการมัน! ถ้ามีปัญหาฉันรับผิดชอบเอง!”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายหัวเหลืองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเหวี่ยงไม้ในมือไปทางศีรษะของเจี๋ยจื้อจาย
“ในที่สุดพวกเขาก็ลงมือสักที! ฉันรอแทบไม่ไหวแล้ว!” เจี๋ยจื้อจายอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
เฮ้ย!
เพี๊ยะ!
ชายหัวเหลืองตกตะลึงกับฝ่ามือที่ตบหน้าเขา ใบหน้าของเขาเริ่มเจ็บและร้อน
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เสียงตบยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เด็กหนุ่มแต่ละคนต่างใช้มือทั้งสองกุมแก้มของตัวเอง พวกเขาจ้องมองชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาคาบบุหรี่เอาไว้ในปากและมีรอยยิ้มชั่วร้ายติดอยู่ที่มุมปาก
มันเจ็บ! มันเจ็บ!
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงแค่ตบหน้าพวกเราล่ะ?
“ลูกพี่ ผู้ชายคนนี้เป็นพวกนักสู้ที่ถูกฝึกมา” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูจะมีสมองกว่าคนอื่นเล็กน้อยพูด
“ถอย!”
พวกเขารู้ดีที่สุดว่าไม่ควรสู้เมื่อฝ่ายตรงข้ามเก่งกว่า และต่างพากันวิ่งหนี
“คิดจะถอยเหรอ? ฉันอนุญาตพวกนายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เจี๋ยจื้อจายไม่ค่อยพอใจนัก เขายังอุ่นเครื่องไม่ทันเสร็จเลยด้วยซ้ำ เขาเพิ่งจะได้สนุก แล้วเขาจะปล่อยเหยื่อให้หนีไปง่ายๆได้ยังไง?
เขาก้าวเข้าไปขวางชายหนุ่ม เพื่อปิดทางหนีของพวกเขา
“อย่าเพิ่งรีบไปสิ”
“แกต้องการอะไรอีก?”
“เรามาเล่นกันสักหน่อยดีไหม?”
“ไม่ เราไม่ว่าง”
“เฮ้อ เมื่อกี้พวกนายออกจะเท่ห์ไม่ใช่เหรอ?”
“น่าเบื่อ!” จงหลิวชวนเดินจากไป
“รอฉันด้วย” พันจวินตามเขาไปด้วย เดิมเขาเป็นห่วงเจี๋ยจื้อจาย แต่เมื่อเจี๋ยจื้อจายลงมือ พันจวินก็ได้รู้ว่าเขาต่อสู้เป็นและยังเชี่ยวชาญมากด้วย ในเมื่อเจี๋ยจื้อจายไม่เป็นอะไร เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ดูเขารังแกเด็กหนุ่มพวกนั้นอีกต่อไป
ชายหัวเหลืองกัดฟัน มือที่ถือท่อนไม้อยู่กำลังสั่น
“ทำไมพวกนายไม่ลองอีกครั้งล่ะ? บางทีเมื่อกี้อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้”
“หลีกทางไป!” ชายหัวเหลืองทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาถือไม้พุ่งเข้าใส่เจี๋ยจื้อจาย
เพี๊ยะ! ฝ่ามือที่เคยตบลงไปที่ใบหน้าด้านขวาของเขาได้ฟาดลงไปที่ใบหน้าด้านซ้าย
จิ๊บ!จิ๊บ!จิ๊บ!หวือ!หวือ! ดาวดวงน้อยลอยอยู่ตรงหน้าชายหัวเหลือง
ฉันมึนหัวไปหมดแล้ว!
คนอื่นต่างอดขนลุกชันไม่ได้ แค่ได้ยินเสียงพวกเขาก็รู้แล้วว่ามันต้องเจ็บขนาดไหน พวกเขาสงสัยว่า ลูกพี่ของพวกเขาจะถูกตบจนกลายเป็นคนโง่เลยหรือไม่
“พอได้แล้ว” หูเหมยที่ยืนอยู่ข้างๆทนไม่ไหวอีกต่อไป
“จะพอได้ยังไง? เมื่อกี้เขาเพิ่งจะแทะโลมเธออยู่เลย” เจี๋ยจื้อจายพูด
“ยืนขึ้น เรามาเล่นเกมส์ลับสมองกันดีกว่า ฉันจะเป็นฝ่ายถามคำถาม ถ้าพวกแกตอบไม่ได้ภายในห้าวินาที ฉันจะตบหน้าพวกแก”
“มีการประชุมเกิดขึ้นในป่า ใครที่ไม่มา?”
“5 4 ...”
“ช้าง” ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบตอบ
“ทำไม?”
“เพราะมันอยู่ในตู้เย็น!”
“ผิด” เจี๋ยจื้อจายพูด
มีเสียงตบดังตามมา ใบหน้าอีกด้านของชายหนุ่มแต่ละคนล้วนได้รับฝ่ามือนั้น
“แล้วใครล่ะ?”
“ตัวสกั๊งค์”
“ทำไม” ชายหนุ่มถาม
“มันเหม็นมาก เลยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม”
“แม่ง มีเหตุผลแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มอึ้ง ลับสมองอะไรกัน? นี่มันไม่ใช่ลับสมองแล้ว นี่มันรังแกกันชัดๆ
“ได้เวลาสำหรับคำถามที่สองแล้ว เสี่ยวหมิงมีพี่ชายสามคน พี่ชายคนโตชื่อเสี่ยวเฉียง พี่ชายคนรองชื่อต้าเฉียง แล้วพี่ชายคนที่สามชื่อว่าอะไร?”
เมื่อได้ยินคำถาม ชายหนุ่มทั้งหลายต่างก็มึนงง
ใครมันจะไปรู้คำตอบกันล่ะ? ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร พวกเขาก็อาจจะตอบไม่ได้อยู่ดี แล้วสุดท้ายพวกเขาก็จะโดนอีกฝ่ายตบเข้าให้
“5 4 ...”
“ฉันไม่รู้”
“เฮ้อ เขาชื่อว่า เอ้อเฉียง” เจี๋ยจื้อจายพูด “คำถามง่ายๆแค่นี้ ทำไมพวกนายถึงตอบไม่ได้กัน?”
“วิ่ง!”
มีคนตะโกนขึ้นมา ชายหนุ่มทั้งหมดต่างวิ่งหนีไปคนละทาง แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ต้องนอนกองกันอยู่ที่พื้น
โอ๊ย ลูกเตะของเขาหนักอย่างกับท่อนเหล็ก!
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“พี่ชาย ฉันรู้ความผิดของฉันแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย” ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นและร้องขอความเมตตา ชายหนุ่มคนอื่นๆต่างก็พากันคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจี๋ยจื้อจาย
“นี่มันอะไรกัน?” เจี๋ยจื้อจายถามด้วยสีหน้ามืดมน “มีทองอยู่ที่เข่าของพวกนายหรือยังไง ทำไมพวกนายตัวอ่อนขาอ่อนแบบนี้? ลุกขึ้น ทุกคนเลย!”
“ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะตบพวกเขาไปเรื่อยๆ!”
ทุกคนต่างรีบลุกขึ้นยืน
“มาเล่นเกมส์อื่นกันดีกว่า เอาเป็นเกมส์พูดความจริงดีไหม?”
“เรายังต้องเล่นอีกเหรอ?”
“ทำไม? นายมีปัญหาเหรอ?”
“เอ่อ เปล่า ไม่มีปัญหา”
“บอกเรื่องการเรียนของพวกแกมา”
“มัธยมปลาย”
“การช่างปีสอง”
“มัธยมต้น”
เจี๋ยจื้อจายถอนหายใจและส่ายหน้า “พวกนายแน่มากจริงๆ ถึงขนาดได้ร่ำเรียนมาด้วย”
“คำถาม บอกชื่อนักเขียนชื่อดังมาหกชื่อและบอกผลงานในปัจจุบันของพวกเขามา”
“กิมหย้ง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า, มังกรหยก”
“โกวเล้ง ฤทธิ์มีดสั้น, หงส์ผงาดฟ้า
“คนขุดสุสาน”
“มันอะไรกัน?”
สีหน้าของเจี๋ยจื้อจายยิ่งน่าเกลียดขึ้นเรื่อยๆ
“กิมหย้งอะไร? โกวเล้งอะไร? อะไรคือคนขุดสุสาน? มันต้องลู่ซุน, โกวโม่หรัว, เหมาตุน, ปาจิน, เหล่าเจ๋อ, แล้วก็เฉาหยูสิ!”
เพี๊ยะ!เพี๊ยะ! เจี๋ยจื้อจายอดตบหน้าพวกเขาไม่ได้
เรื่องแบบนี้มันเสพติดกันได้