เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 212
ตอนที่ 212
“โอ้? จักรพรรดิแมลงถูกนำตัวไปแล้ว? หรือว่า...”
หลินซวนมองไปยังผืนดินรอบด้านที่ถูกอาบย้อมด้วยสีแดงคล้ำจากโลหิตที่ปรากฏอยู่เบื้องล่าง เขารับรู้ได้ในทันทีว่าก่อนหน้านี้เคยมีสงครามที่น่าหวั่นเกรงปะทุขึ้นมาก่อน
บนพื้นด้านล่าง นอกเหนือจากสีแดงดุจเลือดแล้วก็ปรากฏแสงสีทองเจือจางสว่างวาบขึ้น นี่เป็นเพราะว่าต้นกำเนิดของโลหิตเหล่านี้ย่อมมิใช่สิ่งสามัญ
ต่อให้มันจะทอดทิ้งร่างกายของตนเองแล้ว แต่ร่างที่ถูกทิ้งนั้นก็ยังคงเปล่งแสงออกมาบางเบา
เมื่อมองไกลออกไป จะค้นพบซากศพอสูรปีศาจที่กองอยู่มากมาย บางซากแห้งเหี่ยวราวกับถูกดูดเอาแก่นแท้ทั้งหมดในร่างออกไป
หลินซวนมิจำเป็นต้องคิดให้มากความก็รับรู้ได้ว่าต้องมีผู้บ่มเพาะบางคนที่ใช้ปราณวิญญาณจากอสูรเหล่านี้ในการเติมเต็มพลังที่ร่อยหรอของตนกลางสนามรบ
ทารกน้อยยังคงก้าวเดินไปเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้า ตลอดเส้นทาง ร่องรอยของการต่อสู้ปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างเด่นชัด
ธรณีแตกระแหง ซากไร้ชีวิตปกคลุมผืนดิน ภูเขาห้าสีที่เคยเป็นที่อยู่ของจักรพรรดิแมลงหลงเหลืออยู่เพียงครึ่งจากเดิม ส่วนครึ่งด้านบนคล้ายถูกตัดออก
รอบด้านของภูเขาลูกนั้น ปรากฏเป็นค่ายกลที่พังทลายและสมบัติล้ำค่าที่เสียหายอย่างชัดเจน
“เป็นสถานที่ที่ดี!” หลินซวนเอ่ยเบาๆ
ใจกลางของภูเขาห้าสีลูกนั้นปรากฏเป็นอาคารหยกมากมายตั้งอยู่ สามารถมองเห็นได้ว่าที่แห่งนี้ถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี
ทว่าค่ายกลปกป้องที่ถูกวางเอากลับเสียหาย แต่ไม่เหลือสิ่งใดถูกด้านใน
หลินซวนยังคงเดินอยู่ท่ามกลางอาคารเหล่านี้อย่างช้าๆ พลางกระตุ้นนัยน์ตาหยินหยางของตนขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พึมพำออกมาด้วยความสับสน
“นั่นมันคือ? แผ่นหินขนาดเล็ก? หืม? มีบางอย่างถูกเขียนเอาไว้?”
หลินซวนค้นพบแผ่นหินขนาดเล็กมากมายที่มีความกว้างราวหนึ่งฝ่ามือ พวกมันปกคลุมไปด้วยอักขระโบราณแห่งเต๋า
“ดูเหมือนว่ามันจะมีจำนวนเก้าสิบเก้าแผ่น และสามารถประสานกับเป็นหนึ่งเดียวได้ หรือว่าแผ่นหินเหล่านั้นจะมีความหมายพิเศษบางอย่าง?”
หลินซวนนับจำนวนของพวกมันพลางขมวดคิ้ว และขบคิดบางสิ่ง
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ และมองไปรอบด้าน อาคารทั้งหลายในที่แห่งนี้ต่างปลดปล่อยแสงสีดำบางเบา แม้ว่าบางส่วนจะถูกทำลายลงไปบ้างด้วยความมือบอนของบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลาย แต่ก็มิได้มีผลอันใด
อย่างได้กล่าวถึงสถานที่ซึ่งผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน เดิมทีมันย่อมต้องเป็นสถานที่ซึ่งมิใช่สามัญ
ทันใดนั้นเอง หลินซวนก็หันศีรษะกลับไปอย่างกะทันหัน นัยน์ตาหยินหยางของเขาถูกเก็บงำและตะโกนออกมา
“ออกมา!”
ไกลออกไป ร่างของผู้บ่มเพาะจำนวนหนึ่งสั่นเทา สีหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อถือ พวกมันถูกค้นพบจากระยะไกลถึงเพียงนี้?
“อย่าได้มีโทสะเลยนายน้อย พวกเรามิได้มีจุดประสงค์ร้ายใดๆ พวกเราเพียงเฝ้ารอให้ท่านจากไปและตามเก็บของที่เหลือ โปรดอย่าได้โจมตีพวกเราเลย!”
พวกเขาเดินออกมาและโค้งศีรษะให้หลินซวนด้วยความเคารพ
ด้วยรู้ดีว่าตัวตนเบื้องหน้ามิใช่เด็กน้อยธรรมดาสามัญ
ทว่า พวกเขาต้องตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น เป็นเพราะในระยะที่ไกลออกไป พวกเขาย่อมไม่สามารถมองเห็นร่างนั้นได้อย่างชัดเจน
บัดนี้ เมื่อจ้องมองให้ดี กลับปรากฏร่างของเด็กน้อยผู้หนึ่งที่ดูแล้วมีวัยมิได้เกิดสามหรือสี่หนาว ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดก็มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง ย่อมไม่ประเมินผู้อื่นต่ำไป แม้ว่าเบื้องหน้าจะเป็นเพียงเด็กน้อยผู้หนึ่งก็ตามที สีหน้าของพวกเขายังคงไว้ซึ่งความนอบน้อม
และความเฉลียวฉลาดนั้นคือสิ่งที่รักษาชีวิตของพวกเขาไว้
“นายน้อย โปรดอย่าได้มีโทสะ พวกเรากำลังจะจากไปแล้ว ขออภัยที่มารบกวนท่าน!”
ผู้บ่มเพาะเหล่านี้ต่างมีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แต่ย่อมมิอาจเทียบได้กับเหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลายซึ่งต่อสู้อยู่ ณ ที่แห่งนี้ในยามก่อนหน้า
ต้องรู้ก่อนว่าการปะทะกันก้อนหน้านั้นทำให้พวกเขาหวาดผวาอย่างถึงที่สุด พวกเขาทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ไกลออกไปและไม่บังอาจจะปรากฏตัวแม้แต่น้อย
หากมิใช่เพราะความจริงที่ว่าเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในสายตาพวกเขาได้จากไปแล้ว มีหรือที่พวกเขาจะกล้าเผยตัวออกมา
มองเห็นถึงความเคารพที่ผู้อื่นมอบให้ หลินซวนก็มิได้ทำให้เหตุการณ์ยุ่งยากแต่อย่างใด เขาเพียงเอ่ยถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
สีหน้าของพวกผู้บ่มเพาะเหล่านั้นบางส่วนแปลกประหลาดยิ่ง อย่างไรเสีย ตรงหน้าก็เป็นเพียงทารกผู้หนึ่ง และการถูกทารกตั้งคำถามก็เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาอึดอัดนัก
ทว่า หลังจากผ่านเวลามาเนิ่นนานในแดนลึกลับแห่งนี้ สัมผัสที่หกของพวกเขาบ่งบอกว่าไม่ควรจะล่วงเกินเด็กน้อยตรงหน้า
“จักรพรรดิแมลงปรากฏตัวขึ้น!” เป็นหนึ่งในพวกเขาตอบอย่างซื่อตรง
เมื่อหลินซวนได้ยินประโยคนั้น เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าในหัวของเขากำลังขบคิดบางสิ่ง
“อันที่จริงแล้ว จะบอกว่ามันคือจักรพรรดิแมลงก็มิอาจกล่าวได้เต็มปาก เอ่ยตามตรง มันควรจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า แมลงที่เกือบจะกลายเป็นจักรพรรดิจึงจะถูกต้อง หากเพาะเลี้ยงมันให้ดู มันย่อมสามารถเข้าสู่การเป็นจักรพรรดิแมลงได้อย่างเต็มภาคภูมิ!” ชายคนหนึ่งอธิบาย
หลังจากนั้นก็มีอีกหลายคนที่เอ่ยถึงสถานการณ์ก่อนหน้า หลินซวนจึงสามารถเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้อย่างกระจ่างชัด
ในยามที่คนทั้งหมดกำลังต่อสู้กัน พวกเขาก็ค้นพบเขตแดนทั้งเก้าที่ถูกแบ่งแยกไว้
ด้านในนั้นมีรูปปั้นศิลาสิบเอ็ดชิ้นอยู่ รูปปั้นแต่ละตัวคือราชาแมลงแทนตัวที่ถูกบันทึกเอาไว้
อย่างไรก็ตาม มีพวกมันเพียงตัวเดียวที่ที่เหลือรอด
“หมายความว่ามีราชาแมลงเก้าสิบเก้าตัวที่ถูกแบ่งออกเป็นเก้าอาณาเขต และแต่ละเขตมีราชาเพียงตัวเดียวที่รอดชีวิต นั่นมิได้หมายความว่ามีตัวตนที่เปรียบได้กับจักรพรรดิปรากฏขึ้นถึงเก้าตัวที่นี่หรอกหรือ!”
หลินซวนถามด้วยสีหน้าตกตะลึง
พวกเขาพยักหน้ารับอย่างขมขื่น
ในความเป็นจริงแล้ว ย่อมเป็นเช่นนั้น ในเขตแดนทั้งเก้ามีตัวตนระดับใกล้เคียงจักรพรรดิแมลงกำเนิดขึ้น และพวกมันแต่ละตัวมีปราณโลหิตที่รุนแรงยิ่งนัก
นั่นคือสิ่งที่ดึงดูดพูดคนให้มาต่อสู้กับ ณ ที่แห่งนี้
ท้ายที่สุด มีคนผู้หนึ่งกลับมาจากส่วนลึกที่สุดของสถานที่แห่งนี้และนำข่าวบางอย่างกลับมาด้วย นั่นจึงทำให้ผู้คนทั้งหลายเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
กลายเป็นว่ามียอดฝีมือโบราณผู้หนึ่งที่เพาะเลี้ยงราชาแมลงทั้งเก้าสิบเก้าตัว กล่าวได้ว่าราชาแมลงแต่ละตัวนั้นคือแก่นแท้ของดินแดนแมลงแห่งนี้
ท้ายที่สุด พื้นที่จึงถูกแบ่งออกเป็นเก้าส่วน หลังจากที่พวกมันต่อสู้และกลืนกินกันเอง พวกมันก็กลายเป็นราชาเหนือราชันแห่งแมลงเก้าตัว ในความเป็นจริงแล้วยอดฝีมือโบราณผู้นั้นคาดหวังให้ผลลัพธ์คือการที่พวกมันทั้งหมดต่างกลืนกินกันเองจนหลงเหลือเพียงจักรพรรดิแมลงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม สรรพล้วนมิเคยเป็นไปตามที่ผู้คนคาดการณ์ไว้ ก้าวสุดท้ายกลับกลายเป็นปรากฏสิ่งที่ขัดขวางการกำเนิดนั้น และยอดฝีมือโบราณกระทำการบางอย่างผิดพลาดจนตกตายลง
ก่อนสิ้นใจ ยอดฝีมือผู้นั้นได้ทำการผนึกดินแดนแห่งนี้ไว้ ด้วยเขาไม่มีเวลามากพอจะทำตามแฟนการณ์ให้สำเร็จก่อนจะสิ้นชีพ
นั่นชัดเจนว่าดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยราชาแมลงที่ล้ำค่าอย่างมิต้องสงสัย แต่ตัวตนโบราณผู้นั้นไม่มีเวลามากพอแม้กระทั่งจะทิ้งมรดกใดๆ ไว้ ทำได้เพียงปกป้องเหล่าแมลงเพียงเท่านั้น
กล่าวได้ว่านั่นคือความต้องการสุดท้ายของตัวตนโบราณ และคาดหวังว่าแมลงเหล่านี้จะถูกค้นพบโดยคนรุ่นถัดไป
“ในตอนนั้น พวกเราต่างอยู่ไกลออกไปและมิกล้าปรากฏตัว แต่ได้พบเห็นเหล่าแมลงทั้งหลาย พวกมันส่วนมากยังเป็นเพียงตัวหนอนเท่านั้น มีเพียงจำนวนน้อยนิดที่กลายเป็นดักแด้ อย่างไรก็ตามข้ามั่นใจว่าพวกมันทุกตัวย่อมต้องมีความสามารถมากพอในการจะกลายเป็นจักรพรรดิแมลงในท้ายที่สุด!” ผู้บ่มเพาะคนหนึ่งเอ่ยด้วยความริษยา
“ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรศิลาได้รับไปหนึ่งตัว และราชวงศ์อมตะแห่งอาณาเขตเหนือครามได้รับไปอีกหนึ่ง” พวกเขาคนหนึ่งพูดขึ้น
ในทุกครั้งที่พูดถึงผู้คนที่ได้ครอบครองเหล่าราชาแมลง เขาจะอธิบายถึงรูปลักษณ์ของคนผู้นั้นด้วยเช่นกัน... เหล่าราชาแมลงเกือบทุกตัวถูกครอบครองด้วยตัวตนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีกองกำลังซึ่งมิอาจดูถูกได้คอยหนุนหลังอยู่