ตอนที่ 973+974 เสียใจ
ตอนที่ 973 เสียใจ
“คุณชายลู่ ใครกันที่กล้ารั้งฉันไว้ที่นี่ คิดว่าตัวเองจะสามารถควบคุมท้องฟ้าได้นานสักแค่ไหนกัน คิดว่าคนอื่นไม่มีไพ่ตายสินะ” ท่าทางการแสดงออกของคุณผู้หญิงไช่ดูหยิ่งยิ่งเสียกว่าลู่ชิงสี “มาดูกันว่าคุณจะทำให้ฉันอยู่ที่นี่ได้นานสักแค่ไหน”
“มีความมั่นใจมันก็ดีอยู่หรอกนะ” ลู่ชิงสียิ้ม “จะคอยดูว่าคุณจะยังได้รับโอกาสให้มีอิสรภาพอีกครั้งไหม”
ลู่ชิงสีไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย ทว่าการแสดงออกที่เย็นชาของเขาบอกกับคุณผู้หญิงไช่ว่าไม่มีใครบนโลกที่จะสนับสนุนเธอไปได้ตลอดชีวิต
คุณผู้หญิงไช่เชื่อมั่นในตัวคนที่สนับสนุนเธอมากเกินไป แต่หากลู่ชิงสีไม่มีพลังและความมั่นใจมากพอ เขาคงไม่สามารถนำกองกำลังมาปราบปรามตระกูลไช่ถึงเมืองหยวนได้
ทั้งที่ในขณะนั้นไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าออกบ้านของตระกูลไช่ แม้แต่ยุงสักตัวก็ไม่สามารถบิดออกมาจากที่นั่นได้
ชายในเสื้อคลุมสีขาวยืนอยู่นอกประตู เขาโบกมือให้กับลู่ชิงสีพร้อมกับเอกสารในมือ เมื่อโจวจุนหมินเห็นเขา เขาก็ลุกไปเปิดประตูและรับแฟ้มจากชายคนนั้น จากนั้นเขาก็หันกลับมาส่งมันให้ลู่ชิงสี
“รายงานการชันสูตรศพของโจวเสี่ยวเฉิงใช่ไหม” สารวัตรเหลียวถาม
“ครับ เขาคือผู้ชันสูตรจากหน่วยปราบปรามอาชญากรรมกรมตำรวจที่เมืองจินครับ” โจวจุนหมินพยักหน้า ขณะส่งรายงานการชันสูตรพลิกศพให้กับลู่ชิงสี
เมื่อลู่ชิงสีอ่านรายงานการชันสูตรศพของโจวเสี่ยวเฉิง สารวัตรเหลียวก็เข้าไปดูกับเขาด้วย ทั้งสองคนอาจไม่เข้าใจข้อกำหนดทางการแพทย์ในรายงาน แต่พวกเขาได้เรียนรู้ว่าทางโรงพยาบาลไม่ได้รักษาโจวเสี่ยวเฉิงเลย
พวกเขาส่งรายงานการชันสูตรศพให้กับเจ้าหน้าที่เฉินเมื่ออ่านกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้น โทรศัพท์ของลู่ชิงสีก็ดังขึ้น เขารับมันและพูดเพียงสองสามประโยคกับปลายสาย
สารวัตรเหลียวยังคงสอบปากคำคุณผู้หญิงไช่ต่อไป ขณะที่ลู่ชิงสีกำลังคุยโทรศัพท์ เขายืนขึ้นหยิบรายงานการชันสูตรศพและเอนตัวพิงราวเหล็ก
“ลองดูสิ นี่คือรายงานการชันสูตรศพของโจวเสี่ยวเฉิง นี่เป็นการพิสูจน์ว่าทางโรงพยาบาลไม่ได้ทำอะไรเพื่อช่วยชีวิตโจวเสี่ยวเฉิงเลยขณะที่เธอเข้ารับการรักษาที่นั่น คนอะไรจะโหดร้ายได้ขนาดนี้ บางทีคำว่าอสรพิษอาจติดอยู่บนหลังของคุณ มีเพียงคุณเท่านั้นที่ปล่อยให้เด็กสาวแรกรุ่นต้องเสียชีวิตในห้องฉุกเฉิน”
คุณผู้หญิงไช่ไม่ได้บังคับให้พวกเขาเผาศพของโจวเสี่ยวเฉิง เพราะครอบครัวของหญิงสาวที่เสียชีวิตได้ตกลงยอมความตามเงื่อนไขของเธอแล้ว ท้ายที่สุดผู้คนในเมืองหยวนชอบที่จะฝังศพของพวกเขาอย่างสงบ พ่อแม่ของโจวเสี่ยวเฉิงคงจะไม่ยอมให้พวกเขาเผาศพของเธอ เพราะนั่นหมายถึงพวกเขาจะสูญเสียกระดูกของเธอไปด้วย ธรรมเนียมของเมืองหยวน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
คุณผู้หญิงไช่เสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนั้น ถ้าเธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เธอคงจะบอกให้ลูกชายของเธอส่งศพของโจวเสี่ยวเฉิงไปเผาเสีย
การจ้องมองของคุณผู้หญิงไช่เลื่อนผ่านราบงานการชันสูตรศพ ไปยังลู่ชิงสี การแสดงออกของเขาเย็นชาเกินไป เธอไม่รู้ว่าเขาเอาความมั่นใจของเขามาจากไหน หรือเพราะเขาสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของเธอได้ หรือเป็นเพราะเขาประเมินเธอต่ำเกินไป
ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม เป็นความจริงที่ลู่ชิงสีได้นำทหารจากเมืองจินโด เข้ามาแทรกแซงกับเรื่องนี้ เธอรู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อจับกุมเธอเพราะประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับคนที่มีอิทธิพลในเมืองจินโด
รายงานการชันสูตรศพของโจวเสี่ยวเฉิงเป็นความจริงที่ไม่สามารถโต้แย้งได้ พวกเขาปล่อยให้เธอตายในห้องผ่าตัดฉุกเฉิน และการตายของเธอก็เพียงพอที่จะจับคุณผู้หญิงไช่ข้อหาฆาตกรรมได้
__
ตอนที่ 974 พฤติกรรม
คุณผู้หญิงไช่ขยับตัว เธอนั่งไขว่ห้างก่อนจะพูดว่า "ฉันไม่รู้ว่าโจวเสี่ยวเฉิงเสียชีวิตได้ยังไง ฉันเป็นแม่ของเซียงหลงก็จริง แต่เขาอายุเกือบ 30 แล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ฉันจะรู้ได้อย่างไรเล่า ว่าเขาจะทำอะไรลับหลังฉันบ้าง ฉันไม่ใช่คนที่ข่มขืนโจวเสี่ยวเฉิงนี่ ฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการติดสินบนหมอที่โรงพยาบาล และฉันไม่ได้พาใครไปพาตัวคนในครอบครัวโจวมาด้วย"
"ประการแรก คุณไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าคนของคุณพาครอบครัวโจวและร่างของลูกสาวพวกเขาไปในวันนั้น เรามีรูปถ่ายจากนักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ แม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลก็ตาม ในรูปเห็นได้ชัดว่าคุณนั่งรออยู่ในรถ เพื่อรอลูกชายของคุณ" สารวัตรเหลียวส่งรูปถ่ายสองรูปที่อยู่บนโต๊ะ แสดงให้เธอดู
ลู่ชิงสีเหลือบมองไปที่ไช่ม่านเหวินก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปที่ใต้โต๊ะ เขาต้องการส่งข้อความถึงเจียงเหยา
เจียงเหยาซึ่งยังคงรอเขาอยู่ที่โรงแรม โทรหาต้าเค่อและอาลู่เมื่อเธอได้รับข้อความ ทั้งสามคนออกจากโรงแรมทันทีและขับรถมายังสถานีตำรวจ เมื่อทั้งสามคนมาถึง พวกเขาเห็นทหารสองสามนายพาหมอสามคนและพยาบาลอีกห้าคนออกมาจากรถ
"พี่สะใภ้" หัวหน้ากลุ่มตะโกนและโบกมืออย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเจียงเหยา
เจียงเหยาหันกลับมา เธอจำคนคนนั้นได้ทันที เขาเป็นหนึ่งในทหารของลู่ชิงสีจากกองทัพเมืองจิน เธอยิ้มให้พวกเขาก่อนที่จะปล่อยให้พวกเขาผ่านไปก่อน จากนั้นเธอก็เดินตามหลังต้าเค่อและอาลู่
เมื่อเจียงเหยาเข้าไปในสถานีตำรวจ เธอเห็นลู่ชิงสีอยู่ในห้องโถง เขาเดินเข้ามาหาเธอเมื่อรู้ว่าเธอมาถึงแล้ว จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปจับใบหน้าของเธอและพูดด้วยเสียงต่ำว่า "ภรรยาที่รัก คุณผอมลงหรือเปล่าหึ"
ลู่ชิงสีต้องการถามคำถามนั้นเมื่อเขาได้เจอกับเจียงเหยาในครั้งแรก ทว่าเขาไม่มีเวลามากพอที่จะถาม
เจียงเหยาปัดมือของลู่ชิงสีออกจากใบหน้าของเธอและมองไปรอบ ๆ พวกเขา เมื่อเธอตระหนักว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา เธอเตะลู่ชิงสีและถามว่า "ใครเป็นคนบอกกันนะว่าควรประพฤติตัวเหมือนทหาร ถ้าอยู่ในเครื่องแบบ ตอนนี้คุณอยู่ในเครื่องแบบอยู่นะ"
"การหยิกแก้มภรรยาของตัวเองไม่ถือว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงของผมในฐานะทหารเสียหน่อย"
ลู่ชิงสีหัวเราะคิกคักแล้วพูดต่อว่า "ผู้หญิงคนนั้นไช่ม่านเหวินยังคงคิดว่าเธอยังได้รับการสนับสนุน เธอคิดว่าเราไม่สามารถทำอะไรกับเธอได้"
เขาไม่ได้พูดอะไรข้างใน แต่ลู่ชิงสีและเจียงเหยาสามารถพูดคุยเกี่ยวกับอะไรก็ได้ เพราะไม่มีใครอยู่ที่นั่น
"ไช่ม่านเหวินไม่ได้มีไช่เซียนหลง เป็นลูกชายเพียงคนเดียว เธอมีลูกนอกสมรสกับใครบางคนในเมืองจินโด เด็กคนนั้นอายุราว 18-19 ปี ภรรยาและลูกสาวของผู้ชายที่รับเลี้ยงเด็กไม่รู้ว่าเด็กชายคนนั้นคือลูกนอกสมรส" ลู่ชิงสีได้ข่าวนี้มาโดยบังเอิญ แม้แต่เครือข่ายของตู้เฉินก็ไม่ทราบข่าวนี้ เขาจึงรู้ว่าเด็กชายคนนั้นถูกซ่อนไว้อย่างดีเพียงใด
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา อาลู่และต้าเค่อได้โทรรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองหยวน ดังนั้น เมื่อลู่ชิงสียืนยันข่าวนั้น เขาจึงรายงานเรื่องตระกูลไช่ทันที เขาทำอย่างนั้นเพราะพวกเขาข่มขู่ภรรยาของเขาที่เมืองหยวน ดังนั้นเขาจึงต้องการอำนาจที่จะลงโทษตระกูลไช่ที่ทำร้ายญาติของทหาร จากนั้นเขาก็รายงานเรื่องของโจวเสี่ยวเฉิงได้โดยสะดวก
เขาไม่แปลกใจเลยที่เหตุการณ์นี้จะดึงดูดคนระดับสูง และพวกเขาเรียกประชุมฉุกเฉิน พวกเขาตัดสินใจแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้นำในการปฏิบัติการครั้งนี้ และส่งเฮลิคอปเตอร์ทหารหลายสิบลำสำหรับการใช้งานของเขา เป็นผลให้ลู่ชิงสีสามารถนำทหารฝีมือดีจากเมืองจินโดมายังเมืองหยวนได้ภายในคืนเดียว