SWO ตอนที่ 25 เซอร์ไพรส์สำหรับพ่อแม่
โจวเฮาไม่ทราบว่าข้างหลังของเขามีกลุ่มปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธกำลังตามหาเขาอยู่
หลังจากฆ่าจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กเสร็จ เขาก็ออกจากป่าพรุแดงทันที อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กลับไปที่สถานีทางใต้ แต่เขาหันไปทางสถานีทางตะวันออกแทน
บูม
ด้วยความเร็วเต็มที่โจวเฮานั้นเร็วกว่าเครื่องบินรบ และเนื่องจากเกราะมาตรฐานบนร่างกายของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ ดังนั้นเขาจึงต้องนำชุดเต่าดำซึ่งเปลี่ยนกลายเป็นชุดเกราะสีแดงมาสวมแทน
ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเขาก็มาถึงประตูแนวป้องกันของสถานีทางตะวันออก
กระแสลมที่รุนแรงกวาดขึ้น
แรงกดดันจากแก่นโลหิตอันน่าสะพรึงกลัวกระจายออกไป..
แต่มันถูกยับยั้งโดยโจวเฮาให้อยู่ภายในขอบเขตที่กำหนด
เหล่าทหารติดอาวุธครบชุดที่แนวป้องกันของฐานถืออาวุธพร้อมตื่นตัว เมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นมนุษย์ สีหน้าของพวกเขาก็ผ่อนคลายลง จากนั้นจึงทักทายโจวเฮา “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ”
โจวเฮาคำนับด้วยความเคารพ “ขอบคุณที่เหน็ดเหนื่อย”
พูดจบเขาก็เดินไปที่ประตูโลหะหนักของเมือง
ทหารทั้งสองข้างต่างมองโจวเฮาด้วยความชื่นชม
การจะกล้าเดินเตร่คนเดียวในพื้นที่รกร้างแบบนี้ หมายความว่าความแข็งแกร่งของเขาต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์เป็นอย่างน้อย
หลังจากผ่านประตูหลักทั้งสามของแนวป้องกัน และเริ่มมองเห็นอาคารสูงอยู่ไม่ไกล โจวเฮาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมทั้งปรากฏรอยยิ้มที่ดูผ่อนคลายบนใบหน้าของเขา
แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งมากมาย แต่ในพื้นที่รกร้างความเครียดไม่ใช่สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้
เฉพาะเมื่อกลับเข้ามาข้างในเมืองเท่านั้น เขาจึงสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่
"ถึงเวลากลับบ้าน!"
เมื่อนึกถึงการเก็บเกี่ยวที่ได้รับจากการเข้าไปในพื้นที่รกร้างในครั้งนี้ เขารู้สึกมีความสุขมาก ไม่ว่าจะเป็นไอเทมระดับหายากที่ได้รับจากการเปิดกล่องปริศนา หรือวัตถุดิบที่ได้จากการล่าสัตว์อสูร ไม่ว่าอย่างไหนเขาก็ได้รับกลับมามากมาย
ด้วยการแตะพื้นเบา ๆ เขาได้หายไปจากจุดเดิมราวกับลมกระโชก
ไม่นานหลังจากนั้น ร่างสองร่างก็ลงจอดที่ทางเข้าสถานีทางตะวันออก
พวกเขาคือผู้บัญชาการจ้าว และเหอเปียว สองปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ พวกเขาวนรอบสถานีทางใต้ สถานีทางตะวันตก และสถานีทางเหนือตามลำดับ แต่พวกเขายังไม่ได้รับข่าวใด ๆ เกี่ยวกับการกลับมาของปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนนั้น
“นี่คือจุดสุดท้าย หากยังไม่ได้เรื่องอะไร…” เหอเปียวถอนหายใจ ความมั่นใจก่อนหน้านี้ของเขายิ่งมายิ่งน้อยลง
ผู้บัญชาการจ้าว เพิกเฉยต่อเหอเปียว และถามทหารแถวนั้น “เจ้าเห็นผู้ฝึกยุทธที่เดินทางคนเดียวกลับมาบ้างหรือไม่?”
ทหารนายนั้นรีบตอบเขาทันที “มีครับท่าน เมื่อประมาณห้านาทีที่แล้ว มีผู้ฝึกยุทธที่เดินทางคนเดียวสวมชุดเกราะสีแดงเข้าไปในเมืองผ่านสถานีของเรา”
ดวงตาของผู้บัญชาการจ้าวและเหอเปียวเป็นประกาย
เหอเปียวรีบอธิบายความสูง และรูปร่างโดยประมาณของโจวเฮา
ทหารคนเดิมพยักหน้าซ้ำ ๆ “นั่นฟังใกล้เคียงกับคนที่ข้าเห็น”
ผู้บัญชาการจ้าว และเหอเปียวระเบิดเสียงหัวเราะ
“ตราบใดที่เราสามารถยืนยันได้ว่าเขาอยู่ในเมือง ที่เหลือก็ง่ายแล้ว” ผู้บัญชาการจ้าวยิ้ม
เหอเปียวพยักหน้า และกล่าว“ข้าเห็นด้วย นอกจากนี้ ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธท่านนั้นยังนำศพของจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กติดตัวกลับมาด้วย ยังไงเขาก็ต้องหาที่ขายมันแน่”
ผู้บัญชาการจ้าวอารมณ์ดี “ประธานเหอ สหพันธ์ศิลปะป้องกันตัวของเจ้าเก่งในการหาข้อมูล หากเจ้ามีข่าวอะไร อย่าลืมแจ้งให้ข้าทราบด้วย”
"เมื่อได้ข่าวมา ข้าจะรีบแจ้งท่านไปทันที"
…
ณ ชุมชนหยางหยวน วิลล่าหมายเลข 21
โจวเฮากลับมาถึงเมื่อเวลา 20.30 น.
โดยปกติในเวลานี้ พ่อแม่ของเขาคงขึ้นรถไฟใต้ดินกลับมาแล้ว ยิ่งในวันพิเศษอย่างวันย้ายบ้านใหม่เช่นวันนี้แล้วด้วย
แต่เมื่อโจวเฮาเข้ามาในบ้านใหม่ของเขา เขาก็พบว่าทั้งห้องนั่งเล่น และห้องนอนล้วนว่างเปล่า
หลังจากอาบน้ำ และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว เขาจึงหยิบเถาวัลย์เลือดสกาเล็ต ันไว้เสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว เขาจึงยิ่งน้อยลงและเขาแรดออกมา ก่อนจะวางมันไว้บนหัวเตียงในห้องนอน
พ่อแม่ของเขายังไม่กลับมา สงสัยวันนี้พวกเขาคงทำงานล่วงเวลา
ท้ายที่สุดเมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล พวกเขาจึงไม่สามารถออกจากงานตรงเวลาได้
“หลังจากข้าขายวัตถุดิบเสร็จสิ้น ข้าจะโน้มน้าวให้พ่อแม่เกษียณ พวกท่านทำงานหนักมาครึ่งชีวิตแล้ว ถึงเวลาที่พวกท่านต้องพัก” เหตุผลที่โจวเฮาทำงานหนัก และพยายามเข้าไปในพื้นที่รกร้างส่วนใหญ่ก็เพื่อลดแรงกดดันต่อพ่อแม่ของเขา
หลังจากเล่นโทรศัพท์อยู่พักหนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากภายนอกตอนเวลา 22.00 น.
ไม่นานโจวเสวียกั๋ว และหวังชูหยุนก็ลากร่างกายที่เหนื่อยล้าเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“พ่อแม่ ทำไมพวกท่านกลับช้าจัง!” โจวเฮาเดินออกมาจากห้องนอน
โจวเสวียกั๋วโยนเสื้อคลุมของเขาลงบนโซฟา และยิ้ม “บริษัทมีคำสั่งซื้อจำนวนมากเมื่อเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นเราจึงต้องทำงานล่วงเวลา”
หวังชูหยุนกล่าว “ที่รัก ข้าขอไปอาบน้ำก่อน เจ้าอาบทีหลังได้ไหม?”
โจวเสวียกั๋วพยักหน้า “เจ้าอาบก่อนเลย เดี๋ยวข้าจะดูทีวีรอ”
เมื่อดังนั้นโจวเฮาจึงใช้ประโยชน์จากการที่แม่ไม่อยู่ดึงโจวเสวียกั๋วไปที่ห้องนอน
“เป็นอะไรไปเจ้าลูกชาย? เราคุยกันในห้องนั่งเล่นไม่ได้รึ?” โจวเสวียกั๋วถามด้วยความสงสัย
โจวเฮากล่าว “ท่านพ่อ ข้ารู้หมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
โจวเสวียกั๋วไม่ตอบสนองไปครู่หนึ่ง “หมายความว่าไงที่เจ้ารู้?”
“จะอะไรซะอีก ก็เรื่องงานของท่านนะสิ” โจวเฮากระซิบ
สีหน้าของโจวเสวียกั๋วเปลี่ยนไป ขณะเริ่มถอนหายใจ “เสี่ยวเฮา อย่าได้โทษแม่ของเจ้าเลย ข้าจะพยายามแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ส่วนเจ้าไม่ต้องกังวลแค่ตั้งใจเรียน และบ่มเพาะไปก็พอ เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเราเอง”
โจวเฮาไม่ตอบ เขาหันกลับไปหยิบเถาวัลย์เลือดสกาเล็ต และเขาแรดจากหัวเตียง