Ep.152 - เป่าแตรสงคราม
1/3
Ep.152 - เป่าแตรสงคราม
ฮังอวี่ปรากฏตัวขึ้นในป่าแห่งความเที่ยงธรรม
เจียงหนานติดต่อหาเขาทันที “มหาเทพ ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน พี่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดในการนำทัพโจมตีค่ายมนุษย์หมูป่านะ ครั้งนี้เราขาดพี่ไม่ได้”
ฮังอวี่ตอบว่า “ไม่ตั้งกังวล ฉันจะรีบไปหาให้เร็วที่สุด ระหว่างนี้ช่วยบอกให้ทุกคนมารวมตัวกันให้พร้อมก่อน”
“รับทราบ ฉันจะไปบอกลุงจ้าวกับคนอื่นๆให้”
ตำแหน่งที่เขาอยู่ตอนนี้ค่อนข้างไกลจากภูเขามอนสเตอร์หมูป่า
แต่คุณไม่เคยได้ยินหรือ ว่าพระเอกมักปรากฏตัวหลังสุด? ไม่รีบร้อน ไม่รีบร้อน!
ฮังอวี่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในโลกวิญญาณ เขาหลับตาลงสองสามวินาที หน้าต่างข้อมูลปรากฏขึ้น และตัวเลือกสำหรับกลับสู่โลกจริงตอนนี้สามารถกดได้แล้วในทันที ไม่จำเป็นต้องรอคูลดาวน์จนกว่าโลกวิญญาณจะปิดเหมือนในทุกๆครั้งที่ผ่านมา
ผู้คนสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระในช่วงเวลาที่โลกวิญญาณเปิด
แต่แน่นอน การกลับสู่โลกจริงจะใช้เวลาราวๆ 3 นาที และหากกลับไปแล้วอยากเข้าโลกวิญญาณอีกครั้งต้องรอคูลดาวน์หนึ่งชั่วโมง
ซึ่งฮังอวี่คิดว่าไม่ควรกลับโลกจริงในระหว่างนี้ เว้นแต่จะมีเหตุฉุกเฉินจริงๆ
โลกวิญญาณกำลังกัดเซาะโลกจริงหนักขึ้นเรื่อยๆ กำแพงอุปสรรคที่แบ่งแยกระหว่างทั้งสองโลกนับวันยิ่งตื้นเขิน
ต่อไปในอนาคต ระยะเวลาการเปิดโลกวิญญาณจะยาวนานขึ้น และวันหนึ่งโลกจริงกับโลกวิญญาณจะไม่ถูกแยกจากกัน
ถึงเวลานั้นโลกจริงจะกลายเป็นโลกย่อยของโลกวิญญาณ และทั้งสองโลกจะเชื่อมกันแบบไร้รอยต่ออย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่กล่าวมายังอีกยาวไกล
ตอนนี้ทำในสิ่งที่ทำได้ก็พอ
อันดับแรกใช้ 100 แต้มวิญญาณที่เตรียมเก็บไว้เรียนรู้สกิลก้าววายุ
[ก้าววายุ] ชิ้นส่วนมรดกของนักท่องวายุ เลเวลปัจจุบัน 1 (0/200) , จ่ายพลังจิต 5 หน่วยเพื่อเข้าสู่สถานะก้าววายุ , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +6 , ความว่องไว +1 , ลดการสูญเสียเรี่ยวแรงทางกายภาพ -50% , หลังเปิดใช้งาน พลังจิตจะลดลง 1 หน่วยต่อวินาที
สกิลก้าววายุค่อนข้างพิเศษ
มันเป็นสกิลเข้าสู่สถานะใหม่โดยไม่มีเอฟเฟกต์ช่วยสร้างดาเมจใดๆ
แต่พลังของสกิลนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นเพราะสกิลก้าววายุไม่มีคูลดาวน์!
ตราบใดที่ค่าพลังจิตของฮังอวี่ยังเหลือ เขาจะสามารถรักษาสถานะก้าววายุได้ตลอดไป ซึ่งการเดินเหินด้วยสถานะก้าววายุจะช่วยให้ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มความคล่องตัวและลดการสูญเสียเรี่ยวแรงทางกายภาพระหว่างใช้งานได้อีกด้วย
ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 6 หน่วย!
เป็นโบนัสที่สูงอย่างไม่ต้องสงสัย!
ในทางทฤษฏี เท่ากับว่าเขาสามารถระเบิดความเร็วได้ไกลเพิ่มขึ้นกว่าเดิม 6 เมตรต่อวินาที
และความเร็วดังกล่าวนี้ มีประโยชน์มากกว่าสกิลการต่อสู้ส่วนใหญ่ตอนนำไปใช้ในการต่อสู้เสียอีก ฮังอวี่จะสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีที่ในอดีตไม่เคยหลบพ้นได้อย่างง่ายดาย นี่จึงนับเป็นการเพิ่มพูนพลังรบโดยรวมของเขาแบบทางอ้อม
นอกจากนี้ นักท่องวายุยังเป็นมรดกขั้นต่อไปของนักสอดแนม เอฟเฟกต์ก้าววายุและเทคนิคล่องหนสามารถซ้อนทับกันได้บางส่วน
เมื่อเข้าสู่สถานะก้าววายุ การล่องหนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่เลว
เป็นสกิลที่ดี!
เอฟเฟกต์ก้าววายุจะทรงพลังยิ่งกว่านี้หากถูกอัพเลเวลจนเต็ม
แต่ฮังอวี่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แม้เขาจะมีแต้มวิญญาณเพียงพอก็ตาม
เนื่องจาการอัพสกิลก้าววายุ แม้ประสิทธิภาพของมันจะสูงขึ้น แต่ปริมาณแต้มวิญญาณที่ต้องจ่ายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ด้วยค่าพลังจิตในตอนนี้ของฮังอวี่ บวกกับขีดความสามารถของโพชั่นฟื้นพลังจิตของเขา จะเป็นการดีกว่าหากช่วงนี้ปล่อยมันไว้ในเลเวล 1 ก่อน
ขั้นแรกดื่มโพชั่นฟื้นพลังจิตหนึ่งขวด จากนั้นเปิดใช้งานก้าววายุ!
เสมือนดั่งนักวิ่งปาร์กัวร์มืออาชีพ ราวกับปรมาจารย์วิชาตัวเบาในภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้
เขาวิ่งตรงเข้าหาต้นไม้ใหญ่ ไต่ไปตามลำต้นในมุม 90 องศา เหยียบย่ำบนยอดไม้ และกระโดดข้ามไปยังอีกยอดหนึ่ง ด้วยร่างกายที่รู้สึกเบาหวิวไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“คุ้มค่ากับแต้มวิญญาณที่เสียไปจริงๆ!”
“รู้สึกเจ๋งโคตรๆ!”
ฮังอวี่หยิบธนูหมู่ป่าเขียวออกมา และเริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง
ขณะเดียวกัน มอนสเตอร์ลิงหัวเขียวกลุ่มใหญ่ตื่นตกใจ พวกมันกรีดร้องและเริ่มไล่ตามเขา
พวกพี่ชายหมวกเขียวไม่เพียงมีจำนวนมาก แต่ยังคล่องแคล่วว่องไว และมีความสามารถในการขว้างอาวุธ นับเป็นตัวยุ่งยากมาก
ทว่าด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่อันน่าทึ่งของฮังอวี่ เขาสามารถข้ามผ่านผืนป่ารกทึบได้ราวกับกำลังเดินอยู่บนพื้นเรียบ สามารถทิ้งห่างลิงหัวเขียว ปล่อยให้พวกมันกินฝุ่น
หวือ หวืออ หวืออออ!
ลูกศรถูกยิงออกไป
ดั่งร้อยก้าวผ่านหยางไม่มีพลาดเป้า
มอนสเตอร์ลิงหัวเขียวเลเวล 2 ถูกฆ่าตายในวินาทีเดียว
มอนสเตอร์ลิงหัวเขียวเลเวล 3 ถูกปลิดชีพเพราะโดนยิงเข้าจุดสำคัญ
มอนสเตอร์ลิงหัวเขียวชั้นยอดเลเวล 3 แม้ไม่ตายแต่ก็ไม่สามารถต่อต้านเขาได้
ต่อให้พวกมันมีโอกาสเข้าใกล้ แต่ก็ถูกบังคับหยุดด้วยสกิลศรจู่โจมอันแข็งแกร่ง
ด้วยความเร็วในการเคลื่อนที่อันแก่กล้า และลูกศรที่ยิงออกไปอย่างต่อเนื่อง ฝูงมอนสเตอร์ลิงหัวเขียวแทบกลายเป็นเด็กน้อยไร้กำลัง จะเห็นได้ว่าการใช้งานก้าววายุกับธนูและลูกศรเป็นกลยุทธ์สอยศัตรูแบบไม่เจ็บตัวที่ทรงพลังมาก!
อย่างไรก็ตาม
ฝั่งเขามีเพียงหนึ่งคนและหนึ่งธนู
ฮังอวี่ไม่สามารถเหิมเกริมหนักข้อ
แล้วอีกอย่างเจ้าลิงพวกนี้ดรอปหินคริสตัลยาก ดังนั้นฆ่ามันไปก็เสียเวลาเปล่า
หลังจากเล่นสนุกพอสมควรแล้ว ฮังอวี่เปิดใช้งานเทคนิคล่องหน ความว่องไวเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ฝ่าวงล้อมฝูงลิงหัวเขียวโดยไม่ถูกพบตัว ออกจากการต่อสู้นี้ไป
ระหว่างทางเขาสังหารมอนสเตอร์ตัวเล็กๆที่สามารถปลิดชีพได้ในศรเดียวไปเรื่อยๆมุ่งหน้าสู่ภูเขามอนสเตอร์หมูป่า
และเมื่อผ่านถิ่นของพวกหมาจิ้งจอก ฮัสกี้ถูกเรียกออกมา และหมาจิ้งจอก 14 ตัวถูกมันควบคุม
แม้พวกหมาจิ้งจอกจะเป็นแค่ไก่อ่อน แต่มีพวกมันก็ยังดีกว่าไม่มี
...
โลกวิญญาณเปิดได้ประมาณ 3 ชั่วโมงแล้ว
เมื่อฮังอวี่มาถึงด่านหน้าบนยอดเขา ทุกสายตาก็มองมาทางเขา
“นายมาได้เวลาพอดี ทุกคนพึ่งมาถึง” จ้าวหมิงเริ่มแนะนำ ฮังอวี่ “ทั้งสามค่ายส่งคนมาประมาณค่ายละ 200 คน รวมๆแล้วพวกเรามีกันทั้งหมด 620 คน!”
620 คน!
ในโลกวิญญาณ นี่ถือเป็นกองทัพขนาดใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!
ตั้งแต่โลกวิญญาณปรากฏขึ้น ปฏิบัติการนี้เป็นภารกิจร่วมมือครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่ทุกคนเคยสัมผัสหรือได้ยินมา เรียกได้ว่าเป็นสงครามมหากาพย์!
แต่ละคนดูตื่นตัวและตื่นเต้นมาก
แต่ฮังอวี่ยังคงสงบ เขาเอ่ยปากถาม “แล้วพลังรบของพวกเขาล่ะ?”
“ทุกคนในที่นี้คือกลุ่มคนชั้นยอดที่แต่ละค่ายคัดมา ถึงแม้จะมีเลเวล 2 อยู่เยอะที่สุด แต่เลเวล 2 เหล่านี้ก็มีความสามารถในการโจมตีที่ทรงพลัง และความสามารถในการรักษาที่จำเป็น ส่วนเลเวล 3 มีราวๆ 200 คน เลเวล 4 มี 18 คน สุดท้ายเลเวล 5 ในตอนนี้มีแค่นายกับฉูเทียนหัว”
ฉูเทียนหัวอัพเลเวล 5 แล้ว?
ชายคนนี้สมควรแล้วที่เป็นนายทหารใหญ่
ตอนกลับไปโลกจริงเขาน่าจะโด๊ปยาชูกำลังไปไม่น้อย
จ้าวหมิงกล่าวต่อว่า “จากสถิติเบื้องต้น มีนักรบประมาณ 200 คน นักเวทย์ประมาณ 200 คน ผู้ใช้วิญญาณและนักบวชอีกอย่างละ 100 คน”
“แล้วของที่ผมฝากให้ไปเตรียม ทุกคนได้เอามันมากันรึเปล่า?”
“เอามาแล้ว ทั้งสามค่ายเตรียมเมือกพลังงานไว้ทั้งหมดประมาณ 4000 ชุด”
ก้นบึ้งในหัวใจฮังอวี่สั่นคลอนทันทีเมื่อได้ยินถึงจำนวนของมัน
แม้เลเวล พลังรบ หรือจำนวนของมนุษย์จะเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
แต่มนุษย์หมูป่าไม่มีสมอง ดังนั้นด้วยกำลังพลและเมือกพลังงานเพียงเท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว
ฮังอวี่เรียกจ้าวหมิง ฉูเทียนหัว และเฉินหยูแยกตัวออกมา อธิบายกลยุทธ์สั้นๆ ก่อนบอกให้พวกเขาจัดระเบียบทีมใหม่ทันที
คนหกร้อยคนถูกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มทำสัญญาแบ่งปันแต้มวิญญาณเพื่อเป็นหลักประกันว่าทุกคนจะได้รับแต้มวิญญาณ และการออกแรงของพวกเขาจะไม่สูญเปล่า
นอกจากนี้ ฮังอวี่ที่เป็นแกนหลักยังได้จัดตั้งหน่วยรบหลักขึ้น
สมาชิกหน่วยนี้มีทั้งสิ้น 20 คน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดที่สัญญาแต้มวิญญาณจะรองรับได้
ในทีมประกอบไปด้วยตัวตนเลเวล 5 สองคน ตัวตนเลเวล 4 อีกสิบกว่าคน และตัวตนเลเวล 3 อีกหลายคน
หลังจากฮังอวี่จัดทีมเสร็จแล้ว เขาก็กล่าวสุนทรพจน์ที่ชวนให้รู้สึกตื้นตันใจเพื่อเพิ่มขวัญกําลังใจตามปกติ
ทุกคนในที่นี้ต่างรู้ดี ว่าการบุกยึดค่ายมนุษย์หมูป่าที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ มันจะกลายเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ และยังอาจเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของหลายๆคนในที่นี้!
“ยึดค่ายมนุษย์หมูป่า!”
“ยึดค่ายมนุษย์หมูป่า!”
“ยึดค่ายมนุษย์หมูป่า!”
ทั้งชายหญิงและเด็กต่างยกอาวุธขึ้นร้องตะโกน
คนส่วนใหญ่ในที่นี้ยังไม่เคยเห็นผู้บัญชาการทัพที่สวมเสื้อคลุมปิดบังใบหน้าที่ดูลึกลับผู้นี้มาก่อน ทว่าผู้นำจากทั้งสามค่าย จ้าวหมิง เฉินหยู และฉูเทียนหัวต่างเชื่อฟังคำสั่งเขา
ดังนั้นพูดได้เลยว่าชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดา!
เขาจะต้องเป็นสุดยอดปรมาจารย์อย่างแน่นอน และคงไม่พ้นเป็นกุญแจสำคัญในการบุกยึดค่ายมนุษย์หมูป่า!
“ไปกันเถอะ”
ฮังอวี่นำทุกคนเข้าสู่เส้นทางลับของมนุษย์หมูป่า
และจากเส้นทางลับของมนุษย์หมูป่า พวกเขาสามารถมาโผล่ตรงถนนทางเข้าเบื้องหน้าค่ายได้โดยตรง!
ผู้บัญชาการใหญ่ฮังนำกำลังพลกว่า 600 คนออกจากปากถ้ำเส้นทางลับ และทุกคนพบว่า ค่ายมนุษย์หมูป่าอยู่ใกล้กับพวกเขามาก
ถนนหนทางเข้าสู่ค่ายค่อนข้างแคบและขุรขระ และมีเพียงเส้นทางเดียวที่นำไปสู่ค่ายมนุษย์หมูป่าที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งสูง ยามแหงนมองค่ายอันใหญ่โต ช่างชวนให้ผู้คนรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลและนี่ยิ่งเป็นการกระตุ้นพวกเขา
--ว่าการต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น!