730 - ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
730 - ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
มีหญิงงามคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบห้าสามสิบหกปี นางดูสวยสง่า ท่าทางสงบเสงี่ยม ดวงตาเต็มไปด้วยเสน่ห์ของหญิงงามวัยสามสิบที่เพียงพอจะทำให้ผู้คนสยบอยู่แทบเท้า
ด้านข้างของนางมีชายชราสามคนซึ่งแต่ละคนมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา
คนหนึ่งสวมเสื้อคลุมขนนกสีทองราวกับว่าเขาเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะขึ้นสู่ความเป็นอมตะ
อีกคนสวมเสื้อคลุมสีม่วงที่ล้อมรอบด้วยหมอกเซียนซึ่งมีความสง่างามสุดจะพรรณนา
มีอีกคนหนึ่งที่เป็นเงามายาวูบวาบยากที่จะมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาอย่างชัดเจน แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือบุคคลระดับครึ่งเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย
“นี่คงเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่กำลังถูกเล่าลืออยู่ในตอนนี้” ชายชราในเสื้อคลุมขนนกสีทองพยักหน้า
“ผู้อาวุโสคือ...” เย่ฟ่านถามอย่างลังเล
“นี่คือสามจักรพรรดิปฐมสรรพสิ่งแห่งฉีซื่อ ผู้อาวุโสจากจงโจว” ราชินีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกแนะนำด้วยตนเอง
“เจ้าอยากไปฝึกที่จงโจวหรือไม่?” ชายชราในชุดคลุมขนนกสีทองถามอย่างใจเย็น
เย่ฟ่านตกตะลึง ไม่รู้ว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงพูดแบบนั้น
“สำนักฉีซื่อกำลังจะเปิดอีกครั้ง นี่เป็นโอกาสที่หายาก”
ราชินีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกยิ้มสดใสนางทำตัวคล้ายกับเห็นพวกเขาเป็นลูกหลานของตัวเองจึงแนะนำสิ่งที่ดีที่สุดให้
ข้างๆเย่ฟ่าน หลี่เหอซุยและคนอื่นๆ พูดติดอ่างด้วยความประหลาดใจว่า
"นี่…ครบรอบหมื่นปีที่สำนักฉีซื่อ…จะกลับมาเปิดอีกครั้ง!"
"ถูกต้องแล้ว... " ชายชราอีกคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถสืบทอดมรดกของสำนักฉีซื่อได้ และตอนนี้ครบรอบที่มันจะเกิดขึ้นอีกครั้งแล้ว เจ้าสนใจหรือไม่!”
ดวงตาของอู๋จงเทียนส่องประกายเป็นประกายและกล่าวว่า
“ผู้เยาว์ได้ยินมาว่าทุกครั้งที่ครบกำหนดเปิดสำนัก ยอดฝีมือจากจงโจว เป่ยหยวน ซีม่อ หนานหลิงและตงหวงจะเดินทางไปที่นั่นเพื่อทำการคัดเลือกอย่างดุเดือดจนมีการบาดเจ็บล้มตายเกิดขึ้น ไม่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่”
ชายชราในชุดคลุมขนนกพยักหน้าและกล่าวว่า
"ในแต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์สามารถส่งตัวแทนออกไปคัดเลือกเพียงสองคนเท่านั้น ดังนั้นจึงหมายความว่าไงห้าภูมิภาคหลัก ทั้ง จงโจว ตงหวง ซีม่อ เป่ยหยวน และหนานหลิง จะมีเพียงยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสเข้าร่วมกับสำนัก”
“เจ้าต้องไปให้ได้!” จักรพรรดิดำแอบส่งเสียง
“ทำไม?” เย่ฟ่านถาม
"สำนักฉีซื่อมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับโลกภายนอก และจักรพรรดิอู๋เป่ยก็เคยชี้ว่าสถานที่แห่งนั้นมีความจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นจักรพรรดิคนใหม่ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องไปให้ได้
ยิ่งกว่านั้น บรรดาวิสุทธิชนทั้งหลายรวมถึงร่างศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดก็จะไปที่นั่นด้วย สำนักฉีซื่อเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ที่นั่นมีทรัพยากรฟุ่มเฟือยให้ใช้อย่างไม่หมดสิ้น สถานที่ที่ดีเช่นนี้เจ้าจะไม่ไปได้อย่างไร!"
"นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ" เย่ฟ่านกล่าวอย่างนอบน้อมแต่ก็มีสีหน้าลังเลเล็กน้อยโดยกล่าวว่า
"แต่น่าเสียดายที่ผู้เยาว์ตัดการฝึกฝนของตัวเองออกไปแล้ว เรื่องนี้อาจมีปัญหาก็ได้"
"เด็กน้อยเจ้าเสแสร้งเกินไปแล้ว" จักรพรรดิดำเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เย่ฟ่านก็มีความคิดเป็นของตัวเอง เขาต้องการหาสถานที่สำหรับฝึกฝนเพียงลำพัง และคัมภีร์ฝึกฝนของเขาก็มีมากมายพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใดอีก
“มันมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับโลกภายนอก เจ้าไม่อยากรู้จริงๆหรือ?” จักรพรรดิดำกังวล
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู๋เป่ยเคยศึกษาอยู่ที่นั่นหรือไม่?” เย่ฟ่านถามอย่างลับๆ
“มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่ได้ศึกษาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฉีซื่อและได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างแบบจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู๋เป่ย” จักรพรรดิดำตอบตามความจริง
เย่ฟ่านเพิกเฉย เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรงและต้องการหลบออกจากสายตาของผู้คนไปชั่วขณะ
“เจ้าไม่อยากไปจงโจวหรือ?”
ชายชราในเสื้อคลุมขนนกสีทองประหลาดใจ
สำนักฉีซื่อคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆก็ยังพยายามส่งลูกศิษย์ที่ดีที่สุดของตัวเองไปที่นั่น
“นั่นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่รวบรวมวัฒนธรรมและตำราโบราณของ จงโจว เป่ยหยวน ซีม่อ หนานหลิง และตงหวง ข้ารู้สึกเสียใจแทนเจ้าจริงๆหากเจ้าไม่ไปที่นั่น...”
ราชินีศักดิ์สิทธิ์เตือนอีกครั้ง
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่ละแห่งสามารถเลือกคนเข้าร่วมได้เพียงสองคน แม้แต่ตระกูลอมตะก็ยังได้สิทธิพิเศษเท่ากัน ที่เลวร้ายที่สุดคือสำนักฉีซื่อจะเปิดขึ้นในทุกๆหมื่นเท่านั้น
ในอดีตมียอดฝีมือมากมายเท่าไหร่ที่พลาดโอกาสครั้งนี้และพวกเขาก็ยังเต็มไปด้วยความเสียใจที่เกิดเร็วเกินไป
หากเย่ฟ่านปฏิเสธโอกาสที่อยู่ตรงหน้ามันจะเป็นความเสียหายที่ไม่อาจประเมินได้สำหรับเขา
“ข้าอยากไปจริงๆ แต่หมอเทวดาในตงหวงบอกไปแล้วว่าข้ามีโอกาสสูงสุดสิบครั้งในการต่อสู้ และตอนนี้ข้าเสียไปสามครั้งแล้ว” เย่ฟ่านกล่าว
ทุกคนในตอนนี้ต่างพูดไม่ออก หลี่เหอซุยและคนอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร พวกเขารู้รายละเอียดของเย่ฟ่านดี
ในตอนนี้ดวงตาของผู้อาวุโสทั้งสี่ที่อยู่ตรงหน้าก็ส่องประกายสดใสด้วยความขบขันเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เชื่อเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เย่ฟ่านใช้พลังของตัวเองไปสามครั้งแล้ว ครั้งแรกตัดศีรษะของ บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งหยินหยาง จากนั้นจึงตัดศีรษะบุตรศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วง จากนั้นก็ตัดศีรษะบุตรศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิด
ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ พวกเขาเชื่อไม่ลงจริงๆว่า เย่ฟ่านจะมีอาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษาได้
“ขอผู้เยาว์ถามผู้อาวุโสได้หรือไม่ว่าคัมภีร์โบราณใดที่สำนักฉีซื่อเป็นคัมภีร์สืบทอดมา?”
เจียงฮ่วยเหรินอดไม่ได้ที่จะถาม และพวกเขาต่างก็ถูกล่อลวงอย่างมาก
ชายชราในชุดสีม่วงล้ำค่าส่ายหน้าและกล่าวว่า “เราไม่มีคัมภีร์โบราณ เราไม่สอนพวกเจ้าเกี่ยวกับเต๋า เพราะสิ่งเหล่านี้เจ้าต้องค้นหาด้วยตัวเอง สิ่งที่เราสอนมีเพียงความรู้เกี่ยวกับความเป็นอมตะเท่านั้น”
เย่ฟ่านเชื่อมั่นเสมอว่าเต๋าของเขาเองจำเป็นต้องตระหนักถึงมัน ด้วยตัวเองและคัมภีร์โบราณใดๆก็ไร้ความหมาย
เพราะจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนล้วนสร้างคัมภีร์ของตัวเองขึ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้เรียนรู้คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่น
“วันหนึ่งเมื่อเจ้ารู้สึกว่าไม่สามารถค้นพบความลับแห่งชีวิตได้ เมื่อนั้นสำนักฉีซื่อของเราจะเปิดรอเจ้าเสมอ” ชายชราที่อยู่ในหมอกขาวกล่าวเบาๆ
“เด็กน้อยนี่เป็นโอกาสที่หายาก” จักรพรรดิดำแอบส่งเสียง
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหว บางทีทางกลับบ้านอาจจะอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้นก็ได้
แต่เขาไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องของตัวเอง การเข้าสู่สำนักฉีซื่อมันจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าความเจ็บป่วยของเขาเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง
และหากเป็นเช่นนั้นจริงอาจมียอดฝีมือระดับผู้อมตะลงมือต่อเขา และด้วยดินแดนที่ห่างไกลเช่นนั้นต่อให้ชายชราผู้บ้าคลั่งต้องการช่วยเหลือก็คงเป็นไปไม่ได้
“นั่นเป็นโอกาสที่ดี ไม่อย่างนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดซึ่งมีคัมภีร์โบราณของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คงไม่มีทางส่งศิษย์ที่ดีที่สุดของตัวเองไปยังสำนักฉีซื่อของเรา” ชายชราสวมเสื้อคลุมขนนกสีทองยิ้ม
“ผู้เยาว์ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งหลายมาก แต่ผู้เยาว์เป็นเพียงคนพิการไม่เหมาะสมกับที่นั่น” เย่ฟ่านปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
"ทุกคนมีความทะเยอทะยานเป็นของตัวเอง” ชายชราคนหนึ่งพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก
“ผู้อาวุโส พวกเราต้องไปที่นั่นเมื่อถึงเวลา เขาเพียงกลัวว่าเราจะเข้าไปไม่ได้” จักรพรรดิดำยังคงไม่ยอมแพ้
“ขอเพียงเจ้าเอาชนะบุตรศักดิ์สิทธิ์สักคนได้พวกเจ้าก็จะมีคุณสมบัติอย่างแน่นอน” ชายชราในชุดสีม่วงกล่าวด้วยรอยยิ้มให้กำลังใจ
“เย่น้อย เจ้ามีโอกาสเจ็ดครั้งที่จะช่วยเราฆ่าบุตรศักดิ์สิทธิ์”
เจียงฮ่วยเหรินหัวเราะ
ชายชราในชุดสีม่วงพูดไม่ออก เขาส่ายศีรษะและเลิกสนใจเด็กเหลือขอเหล่านี้
เมื่อพวกเขากำลังจะออกจากทะเลสาบอันกว้างใหญ่ จักรพรรดิดำก็ลืมเรื่องสำนักฉีซื่ออย่างรวดเร็ว
มันถอยหลังไปสามก้าวก่อนจะกระโจนเข้าหาปลาสีทองที่อยู่ในน้ำ
“บูม!”
เสียงน้ำสาดกระจายเมื่อจักรพรรดิทำพยายามไล่ล่าปลาสีทองตัวใหญ่
“ถ้าเจ้ากล้ารบกวนชิ้นส่วนยามังกร ข้าจะปิดผนึกเจ้าอยู่ในทะเลสาบหยกสองพันปี”
เสียงของราชินีศักดิ์สิทธิ์ทะเลสาบหยกกล่าวด้วยความสงบแต่กลับทำให้จักรพรรดิดำร่างกายสั่นสะท้านด้วยความกลัว
“ข้าก็แค่ต้องการอาบน้ำเท่านั้น” มันพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา