ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0036
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0038

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0037


บทที่ 14 จัมชิล โซล, ออกล่า (3)

* * *

มีการติดตั้งกับดักก่อนออกล่า รวมถึงสายดึงเพื่อกระตุ้นกับดัก

ไม่มีใครบนโลกมนุษย์ใช้วิธีนี้ แต่เป็นเทคนิคสำคัญในการปราบสัตว์ประหลาดต่างโลก

หลังจากเหตุการณ์จบลง สิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำคือการเก็บกวาดกับดักที่ยังเหลือบนพื้น

คังซอนฮูจำได้ว่า กับดักทั้งหมดถูกติดตั้งในจุดใดบ้าง เพราะนี่คือพื้นฐานสำคัญของการล่า

หลังจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่ของ OWIC เข้ามาเก็บกวาด

มันไม่อยากให้เจ้าหน้าที่เผลอเหยียบกับดักขณะทำงาน

หลังจากปลดกับดักทั้งหมด คังซอนฮูเดินกลับมายังห้องแรกสุดในสภาพถือของพะรุงพะรัง

จากนั้นก็เก็บสัมภาระใส่กระเป๋าที่วางอยู่

ฮาวนด์กลุ่มแรกที่คังซอนฮูลงมือ นอนเป็นศพกระจัดกระจายอยู่บนพื้น

ในห้องนี้มีอยู่สองศพ

ไม่สิ อาจเป็นสาม

ซอจีอาที่ถูกมัดแขนขา กำลังนอนแผ่หลาแน่นิ่ง ผมยาวสีน้ำตาลตามสมัยนิยมแผ่ออกไปทุกทิศ

สภาพไม่ต่างจากตัวอ่อนด้วงโสน ดวงตาถูกเส้นผมบังไว้

คังซอนฮูสำรวจรอบๆ

เลือดที่แห้งกรังไม่ใช่ของฮาวนด์

เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ซอจีอาสวมเต็มไปด้วยรอยเลือดแห้งสีเข้ม หากตกอยู่ในสภาพนี้เป็นเวลานาน เกรงว่าตอนนี้คงไม่มีลมหายใจแล้ว

คนทำธุรกิจมืดมักมีจุดจบแบบนี้เสมอ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงยังกระโจนเข้าไปเรื่อยๆ

ความคิดไร้สาระถูกสลัดทิ้งอย่างรวดเร็ว คังซอนฮูเบือนหน้าไปทางอื่น

เป้าความสนใจใหม่คือตู้เซฟหนักที่วางติดผนังฝั่งหนึ่ง

หยิบเข็มชี้สีทองออกจากกระเป๋าเสื้อและเปิดฝา

เข็มชี้ยังคงหมุน 360 องศา

หมายความว่าเป้าหมายอยู่ไม่ไกล ประกอบกับเรื่องที่จินซอยอนเล่าให้ฟังว่า ซอจีอาถือครองสมบัติล้ำค่าอยู่

หากนั่นเป็นความจริง มีโอกาสอย่างมากที่สมบัติในเซฟจะเป็นเป้าหมายของเข็ม

อันที่จริง คงไม่มีคำตอบอื่นอีกแล้ว เพราะคงไม่มีเหตุผลใดที่ ‘อาร์ติแฟกต์’ ต่างโลกจะมาอยู่ในกรุงโซลได้

สิ่งที่กำลังตามหาต้องอยู่ในตู้เซฟนี้แน่นอน

คังซอนฮูซึ่งกำลังจ้องตู้เซฟที่ใหญ่กว่าลังแอปเปิลเล็กน้อย เปิดปากพูดตามความเคยชิน

“ยุ่งยากชะมัด”

มันพอจะเข้าใจโครงสร้างอย่างคร่าวของตู้เซฟ หากคำนึงจากความหนา ไม่เพียงจะใช้พลังกัดกร่อนโลหะไม่ทันเวลา แต่ยังมีโอกาสที่วัสดุจะแข็งแรงจนไม่ได้รับความเสียหาย

คังซอนฮูยังยืนยันไม่ได้ว่า พลังของตนสามารถกัดกร่อนโลหะได้ทุกชนิดหรือไม่

โลหะที่อยู่นอกเหนือขอบเขตพลัง อาจถูกใช้เป็นวัสดุในการสร้างตู้เซฟ

จริงอยู่ ปัญหาด้านตู้เซฟอาจถูกแก้ไขได้ไม่ยากหากขอให้จองจีฮุนช่วย แต่นั่นก็ต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญให้ OWIC อย่างมิอาจเลี่ยง

แทนที่จะมัวนั่งครุ่นคิดอย่างไร้จุดหมาย ชายหนุ่มตัดสินใจลงมือทำ

คังซอนฮูจับแป้นหมุนและเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการฟัง

กริ๊ก! กริ๊ก! กริ๊ก!

หมุนอย่างเชื่องช้าและเปรียบเทียบความแตกต่างของเสียง

ว่ากันตามตรง มันไม่รู้วิธีสะเดาะกลอนเซฟ แต่ลองทำตามจากที่เคยเห็นในหนัง

บางที อาจมีเบาะแสบางอย่างจากการลองทำ

นั่นคือวิธีที่คังซอนฮูใช้แก้ปัญหาส่วนใหญ่

ขณะจดจ่ออยู่สักพัก เสียงหนึ่งดังจากด้านหลัง

“ซ้ายสองรอบ ขวาหนึ่งรอบ ซ้ายสองช่อง ขวาห้าช่อง ซ้ายหนึ่งช่อง”

“…?”

คังซอนฮูหันไปมองด้านหลัง และพบว่าริมฝีปากซอจีอากำลังขยับอยู่ใต้เส้นผมที่ไม่กระดุกกระดิก

“สุดท้าย ค้างตรงกลางไว้และกดปุ่ม”

“รหัสเซฟ?”

“ยังจะเป็นอะไรได้อีก”

เสียงของซอจีอาสั่นเครือ แต่ทุกพยางค์ชัดถ้อยชัดคำ

อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอกำลังจะตาย คังซอนฮูเห็นอีกฝ่ายฝืนเม้มปากเพื่อกลืนหางเสียงที่สั่นเทา

คังซอนฮูหันกลับไปทางตู้เซฟอีกครั้ง นึกทบทวนสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ และหมุนแป้นเซฟอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาด

กริ๊ก! กริ๊ก!

“มาช่วยฉัน?”

“สำคัญตัวเองผิดแล้ว ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธออยู่ที่นี่ นึกว่าถูกยัดลังไปทิ้งไหนต่อไหนแล้ว… ว่าแต่ ทำไมถึงบอกรหัสเซฟ?”

“…ฉันคงไม่รอดแล้ว ไม่มีอารมณ์จะร้องขอความช่วยเหลือ”

เสียงหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับกำลังหัวเราะ

ประหนึ่งยอมรับในชะตากรรมตัวเอง เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่ไม่เหมาะกับความตึงเครียดของเนื้อหา

“ในสภาพแบบนี้ น่าเหลือเชื่อมากที่เธอยังมีชีวิตอยู่”

“เอลฟ์จะค่อยๆ ตายน่ะ”

“อ้อ”

ซอจีอาคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองอย่างไร้อารมณ์

“…ไม่ประหลาดใจเลยหรือ”

“ด้วยระบบการจัดการแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าจะมีชาวต่างโลกหลุดเข้ามาบ้าง… ฉันชักสงสัยว่าพวกเขาตั้งใจคัดกรองจริงหรือ น่าจะหาวิธีที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ได้ไม่ยากถ้าตั้งใจทำ”

เป็นท่าทีที่ดูเหนื่อยหน่าย

ทำไมมนุษย์ถึงเบื่อโลกได้ขนาดนี้? เป้าหมายของเขาคืออะไรกันแน่?

แค่สมบัติทองคำในตู้เซฟจริงหรือ?

“น่าจะขายได้แพงอยู่… ถึงจะไม่มีใครรู้มูลค่าที่แท้จริงก็เถอะ…”

“ค้างตรงกลางแล้วทำอะไรต่อนะ”

“…กดปุ่มที่อยู่ข้างๆ”

กริ๊ก!

ตู้เซฟถูกเปิด

ขนาดของตู้ใหญ่โตไม่สมกับสิ่งของด้านใน ชายหนุ่มเผลอเข้าใจว่าเป็นตู้เปล่าไปชั่วขณะ

มีอัญมณีสีเขียวขนาดเท่าเม็ดถั่ว วางอยู่กึ่งกลางตู้เซฟอันว่างเปล่า

คังซอนฮูหยิบเข็มชี้สีทองออกจากอ้อมแขนและพลิกกลับด้าน

เผยให้เห็นร่องสิบสองร่อง

“พอดีเป๊ะ”

มีร่องหนึ่งใส่อัญมณีสีเขียวได้พอดิบพอดี

เมื่อวางลงไป มันคับเหมือนกับถูกดูดด้วยแม่เหล็ก

ซอจีอาไม่เห็นภาพดังกล่าว แม้คังซอนฮูจะเอียงตัวกลับมาคุย แต่ก็ยังไม่เห็นสิ่งใดนอกจากแผ่นหลัง

คังซอนฮูดึงอัญมณีออกและกำหมัด

“อย่างน้อยก็เป็นอัญมณี ขายได้แพงแน่นอน แม้จะน่าเสียดายที่ขายได้ถูกกว่าราคาจริง แต่ว่า...”

ยังไม่ทันที่ซอจีอาจะพูดจบ

“…เจ้าเป็นใครกันแน่”

อัญมณีในมือคังซอนฮูส่องแสงและเริ่มเปลี่ยนรูปร่าง

ยืดยาวออกทั้งสองฝั่งซ้ายขวา สีเขียวขุ่นเปลี่ยนเป็นสีทอง

กลายเป็นเส้นโค้งสีทองอ่อนที่ยืดหยุ่น

คันศรอันงดงามราวกับถูกแกะสลักโดยช่างฝีมือ

เป็นครั้งแรกที่ซอจีอาพยายามดึงสติซึ่งหลุดลอยออกไปทุกทีให้กลับมา

“…สิ่งที่มีเพียงผู้ปกครองทำได้ เจ้าทำได้ยังไง?”

แถมยังเป็นมนุษย์

และไม่ใช้มนุษย์ในโลกของเธอด้วย

ทำไมกัน?

“…ก็ไม่เลว”

คังซอนฮูไม่ได้ประทับใจมากนัก

ไม่น่าเชื่อว่านี่คืออากัปกิริยาขณะได้เห็นสมบัติทองคำที่มีเพียงสิบสองชิ้นบนโลก

…เขามีโฉมแห่งผู้ปกครอง?

ในที่สุด เธอก็ตามหาโฉมแห่งผู้ปกครองพบ

นี่สินะ… เหตุผลที่แวมไพร์ขุนนางตนนั้นยึดติดกับเขานัก…

แต่สิ่งที่เราตามหามาตลอดชีวิต กลับได้พบตอนที่กำลังจะตาย…

ซอจีอาหลับตาพลางยิ้มอย่างไร้เรี่ยวแรง

“in Lonsa puka pu…….”

ชีวิตบัดซบ

ทันใดนั้นเอง

ฉึบ!

ฉึบ!

เธอรู้สึกเบาแขนขา แม้จะไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะหันกลับไปมอง แต่เดาได้ไม่ยากว่าคังซอนฮูช่วยตัดเชือกให้

“…?”

“อีกไม่นาน OWIC จะมาที่นี่… จงมีชีวิตอยู่ให้ถึงตอนนั้น ถ้าตายไปก่อนก็ถือว่าเป็นความผิดของเธอเอง”

คังซอนฮูเทน้ำจากขวดพลาสติกใส่ปากซอจีอาในปริมาณไม่มาก

เธอรู้ว่าเป็นน้ำอะไร

ยาบำรุงร่างกายที่สกัดจากรากของป่า

“ทำไมถึง…”

ซอจีอาขยับศีรษะมองไปทางศพฮาวนด์ที่ตายไปอย่างน่าเวทนา

“ข้าแทบไม่ต่างจากมนุษย์พวกนั้น”

“ฉันรู้”

“แล้วทำไม…”

“แต่เธอยังไม่ถึงขั้นนั้น… แค่เกือบ”

พูดจบ ชายหนุ่มใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางศพฮาวนด์

“ฉันเองก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีแต่เนื้อเน่าให้กิน… การทำได้แค่มองคนอื่นล่า มีตัวเลือกเหลือไม่มากนักหรอก”

คังซอนฮูมองกลับหลัง

“ในเมื่อยังมีแรงเหลือ อยากบอกอะไรกับฉันไหม”

“…เนื้อเน่าก็รสชาติไม่เลวนะ เคยบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าไม่อยากทำตั้งแต่แรก”

ซอจีอากลั่นกรองคำพูดสักพัก ก่อนจะหัวเราะในลำคอ

จากนั้นก็ถอนหายใจยาวและกล่าว

“ข้าติดหนี้เจ้า จะตอบแทนให้อย่างแน่นอน”

“ฉันไม่ชอบคนขี้โม้ ส่วนใหญ่ที่พูดแบบนี้จะทำจริงไม่ได้”

“ก่อนตาย เอลฟ์ทุกตนต้องใช้หนี้ ไม่ว่าจะหนี้ดีหรือหนี้ร้าย… น้ำหนักคำพูดของเราแตกต่างจากมนุษย์อย่างเจ้ามาก อธิบายไปก็คงไม่เข้าใจ”

คังซอนฮูจ้องคันศรในมือสักพัก ก่อนจะออกแรงบีบเพื่อให้มันกลับไปเป็นอัญมณี

หลังจากสอดไว้ในร่องหลังเข็มชี้ทองคำ ชายหนุ่มเดินออกจากอาคาร

* * *

“ให้ตายสิ”

‘หัวหน้าทีมเก็บกวาด’ ของ OWIC กูด๊กมัน

แม้จะเป็นแค่หัวหน้าทีมเก็บกวาด แต่มันสามารถเข้าถึงวัตถุระดับสองทุกหมวดหมู่ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

ทันทีที่เห็นฉากตรงหน้า กูด๊กมันมิอาจเก็บซ่อนอาการตกตะลึง

แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่มากประสบการณ์ผู้เคยเก็บกวาดในต่างโลกมานับไม่ถ้วน แต่มันก็ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานแล้ว

“บัดซบ… เกิดอะไรขึ้นกันแน่? แบบนี้ไม่ล้ำเส้นไปหน่อยหรือ? ว่าไงพ่อหนุ่มใส่สูท”

จองจีฮุนมิอาจละสายตาจากทิวทัศน์ด้านหน้า

“ทำไมไม่ตอบ? ในต่างโลก ภาพแบบนี้อาจดูปรกติ แต่ไม่คิดบ้างหรือว่ามันล้ำเส้นเกินไปสำหรับกรุงโซล? เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำสงครามกับกลุ่มอาชญากร?”

“ฝีมือคนคนเดียวครับ”

“…อะไรนะ?”

กูด๊กมันชะงักมือขณะล้วงกระเป๋า

“คนเดียว? ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหม ผมสาบานเลยนะว่ามันไม่ขำ”

“ผมไม่กล้าล้อเล่นเรื่องงานอยู่แล้วครับ ท่านก็รู้”

กูด๊กมันมองกลับไปอีกครั้ง แม้แต่สมาชิกในทีมของมันที่ค่อนข้างจิตแข็ง ก็ยังออกอาการลังเลให้เห็น

“…เป็นฝีมือของคนคนเดียวจริงหรือ? เดธไนท์ข้ามประตูมิติมาหรือไง?”

“ถ้าเป็นเดธไนท์คงไม่จบแค่นี้แน่”

จากนั้น พวกมันเข้าไปด้านในอาคาร พบศพในแต่ละห้องราวหนึ่งถึงสอง

“ดูยังไงก็ยากจะเชื่อ”

คังซอนฮูในภาพจำของจองจีฮุนไม่ใช่คนแบบนี้ แม้จะเป็นมีแผ่บรรยากาศกดดันอย่างน่าประหลาด แต่ก็มีด้านง่ายๆ คล้ายชายหนุ่มจากชนบท

เขาให้อภัยเด็กใหม่ของบริษัทที่ทำตัวเสียมารยาทอย่างง่ายดาย และใจกว้างพอที่จะไม่ถือสาหลังจากถูก OWIC ล้ำเส้น

แต่สิ่งที่เกิดขึ้น

การนำไปเปรียบกับ ‘เดธไนท์’ (Death Knight) นั้นไม่เกินจริงแต่อย่างใด

บรรยากาศประหลาดๆ ที่แสดงออกมาเป็นบางครั้งบางคราว แท้จริงแล้วหมายถึงสิ่งนี้เองหรือ?

นอกจากนั้น

‘เขาได้พลังพิเศษจากต่างโลก?’

แม้คังซอนฮูจะมีสมรรถภาพร่างกายสูง แต่ก็ไม่เกินสามัญสำนึกของมนุษย์

นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ฉากตรงหน้าถึงดูไม่จริงเลยสักนิด สามารถมองว่าเป็นฝีมือของยอดมนุษย์ก็ยังได้

นับตั้งแต่แรกพบ จองจีฮุนไม่เคยประเมินคังซอนฮูไว้ต่ำแม้แต่วินาทีเดียว

อย่างน้อยมันก็คิดแบบนั้น

แต่ตอนนี้ เห็นทีต้องเริ่มทำความเข้าใจใหม่

บางที แค่ประเมินไว้สูงอาจยังไม่เพียงพอ

ทีมเก็บกวาดเริ่มงานทันที ไม่นานหลังจากนั้น กูด๊กมันตะโกนเรียกจองจีฮุนให้เข้าไปในห้อง

“พ่อหนุ่มใส่สูท มาดูนี่หน่อย”

ในห้องมีศพฮาวนด์สองร่าง

และผู้หญิงที่ยังมีลมหายใจอีกหนึ่งคน

หมดสติอยู่ในท่านั่งพิงกำแพง สวมเฮดโฟนชุ่มเลือดครอบหัว

“…ดูเหมือนว่าหล่อนเองก็เป็นฮาวนด์ หูฟังประหลาดชะมัด ซื้อมาจากอาลีรึไง?”

จองจีฮุนทราบทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“พักหลังในอาลีมีของแปลกๆ ขายเยอะนะครับ”

“เธอยังมีชีวิตอยู่ไหม”

กูด๊กมันพยักหน้าแผ่วเบา

“ให้ทำยังไง? จัดการเลยไหม หรือว่าส่งโรงพยาบาล?”

“พวกเราจะรับตัวเธอไปดูแลเอง ถ้าเข้าโรงพยาบาลทั่วไป สถานการณ์อาจบานปลาย”

แม้คำตอบจะฟังดูน่ากังขา แต่กูด๊กมันก็ไม่ได้ถามอะไรเหมือนทุกครั้ง

* * *

“ล้าชะมัด”

หลังจากจัดการเสร็จ ฉันกลับกระท่อมทันที แม้ใจจริงจะอยากพักในโซลสักคืนก็ตาม

“…อดใจไม่ไหวจริงๆ”

มองไปยังอัญมณีที่ฝังอยู่ในเข็มชี้สีทอง

ฉันมิอาจอดกลั้นความอยากที่จะทดสอบคันศร

เนื่องจากโคลด์ฟรอสต์อยู่กับลิลี่ ฉันจึงเหนื่อยล้าในระดับที่ไม่ได้รู้สึกมานานมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพ่ายแพ้ต่อความอยากรู้อยากเห็น

หลังจากผ่านประตูมิติ ฉันตรงกลับสำนักงานทันที เบสแคมป์ตอนกลางคืนยังคงเงียบสงบเป็นปรกติ

เงียบจนสามารถเป็นกำบังชั้นดีสำหรับฮาวนด์หนึ่งคนที่หลบหนีไป

ฉันคาดเดาไว้แล้วว่า จะมีฮาวนด์หนึ่งถึงสองคนหนีออกจากจุดเกิดเหตุเพื่อข้ามมายังต่างโลก เพราะการล้อมทางหนีไว้ทุกทิศด้วยตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย

จริงอยู่ ถ้ามีเวลามากพอก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ปฏิบัติการของฉันค่อนข้างรีบ

มีโอกาสหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มที่ไอ้เวรซึ่งหนีมายังต่างโลกจะมุ่งหน้าไปที่กระท่อมของฉัน

คนอย่างมันไม่มีทางปล่อยให้แวมไพร์หลุดมือแน่ และเหนือสิ่งอื่นใด สันดานหัวขโมยไม่มีทางมองข้ามบ้านที่ปลอดคน

ฉันจึงบอกกับลิลี่ว่า ถ้ามีใครมาให้รีบซ่อนตัวในกระท่อม

โกเล็มถูกสร้างเตรียมไว้แล้วสองตัว สามารถจัดการกับฮาวนด์ได้ไม่ยาก

ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ

แต่ทำไมฮาวนด์ถึงมีฮาวนด์นอนตายอยู่ในสวนล่ะ?

“…ฝีมือเธอ?”

“อื้อ”

ลิลี่พยักหน้าเฉยเมย ถ้าจะระบุให้ชัดก็คือ เธอพยายามเก๊กหน้านิ่ง

โปเกอร์เฟซครึ่งๆ กลางๆ … เราควรตอบสนองยังไงดี?

ไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่คล้ายกับรอฟังคำชมจากฉัน

“…ฉันบอกให้เธอหนีไม่ใช่หรือ”

“หือ?”

“ในกระท่อมไม่มีโกเล็ม?”

“อ้อ… มีสิ”

“ฉันบอกให้เธอซ่อนตัวอยู่หลังมัน”

ลิลี่ชะงักไปเล็กน้อย ฉันสังเกตเห็นความสับสนเบื้องหลังหน้ากากอันเย็นชา

“เอ่อ… เจ้าไม่ได้คิดจะทดสอบข้า?”

“ทดสอบ?”

“เจ้าทดสอบว่าข้าสามารถรับผิดชอบตัวเองได้ไหม”

ดูเหมือนจะกำลังเข้าใจผิดมหันต์

“พวกเราไม่ใช่กิลด์นักสำรวจที่เคร่งครัดขนาดนั้น”

ฉันไม่เคยคิดว่าลิลี่เป็นภาระ ยิ่งไปกว่านั้น คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะฆ่าคน

คิดเช่นนั้น ฉันเดินเข้าใกล้ศพฮาวนด์ที่ล้มลง

มีแค่สองแผล ตัดโดนจุดสำคัญอย่างประณีต ไม่มีบาดแผลอื่นบนตัวฮาวนด์และลิลี่

การต่อสู้จบลงด้วยสองแผล เป็นการลงมือที่สง่างามมาก

ฉันอาจไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัด แต่บอกได้ว่าลิลี่เติบโตมาอย่างสมบุกสมบันกว่าที่เคยเข้าใจ

“เห็นทีคงต้องเลิกดูหมิ่นชนชั้นสูง”

“เจ้าพอใจไหม?”

คำถามที่มาพร้อมสายตาเปล่งประกาย

ให้ตายสิ เธอคิดว่านี่คือบททดสอบจริงๆ

นี่ก็เป็นหน้าที่ของผู้ชี้นำด้วยหรือไง?

ฉันพยักหน้ารับ เพราะไม่มีเหตุผลให้ไม่ทำ

สังเกตเห็นว่าลิลี่พยายามเกร็งมุมปาก ด้วยมารยาท ฉันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

ไหนๆ ก็นึกถึงหน้าที่ของผู้ชี้นำแล้ว ฉันตัดสินใจถาม

“ลิลี่ เธอเคยบอกว่าหน้าที่ของผู้ชี้นำ เป็นหน้าที่ของตระกูลใช่ไหม”

“มันคือชะตากรรม ไม่ใช่หน้าที่”

“การเชื่อมวิญญาณคือชะตากรรมของเผ่าพันธุ์แวมไพร์?”

ลิลี่ลังเลสักพักก่อนจะพยักหน้า

“ชะตากรรมของเผ่าอื่นเหมือนกันไหม?”

“ทำไมถึงถามแบบนั้น? เพราะว่าเจ้าเป็นมนุษย์สินะ”

ลิลี่พูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา

“ทุกเผ่าพันธุ์ยกเว้นมนุษย์ยังคงมีทวยเทพ”

“ถ้าอย่างนั้นคำว่า ‘หนี้’ ของเอลฟ์หมายถึงอะไร”

“…มีเอลฟ์มาบอกว่าจะใช้หนี้เจ้า?”

ฉันตัดสินใจยังไม่ตอบ

“ถ้าเอลฟ์ติดหนี้… พวกเขาสุดโต่งมาก หากติดหนี้ใคร จะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิตไม่ว่าจะหนี้ดีหรือหนี้ร้าย”

“ขนาดไหน?”

“สมมติว่าเจ้าสร้างความแค้นไว้กับเอลฟ์สักตน คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ จงฆ่าเอลฟ์ตนนั้นเสีย หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือในอีกฟากของทวีป”

“หืม…”

กลับกัน ถ้าเป็นการตอบแทนล่ะ?

อยากถาม แต่คิดว่าคำตอบคงไม่ต่างกันนัก ฉันจึงข้ามไป

สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเจ้านี่

ฉันเปิดเข็มชี้ทองคำ

เข็มชี้ที่เคยหันไปทางกรุงโซล ตอนนี้หันไปทางทิศตะวันออก

ถ้านำสมบัติที่หาได้สอดเข้าไปในร่อง เข็มจะเปลี่ยนไปเล็งเป้าหมายใหม่ทันที สะดวกดีเหมือนกัน

เมื่อฉันนำอัญมณีสีเขียวออกจากด้านหลัง ลิลี่ทำตาลุกวาว

“จ…เจ้าพบสมบัติของผู้ปกครองแล้ว! พระเจ้า!”

ลิลี่ดูตื่นเต้นกว่าที่คิด มีอารมณ์ร่วมมากที่สุดเท่าที่เคยเห็น

ฉันกำอัญมณีไว้ในมือ พลางเพ่งสมาธิเหมือนกับการเข้าฌาน

ทันใดนั้น แสงสว่างพรั่งพรูออกจากรูตรงนิ้วก้อยและนิ้วโป้ง กลายร่างเป็นคันศร

รีเคิร์ฟโบว์*สีทองซึ่งสร้างจากวัสดุไม่ทราบชนิด น้ำหนักเบาจนน่าตกใจ แต่ความแข็งสามารถรับรู้ได้จากปลายนิ้ว

(*Recurve Bow — คันธนูโค้งกลับ ส่วนปลายทั้งสองด้านจะโค้งกลับไปด้านหน้าเพื่อเพิ่มแรงดีดขณะยิง)

โคลด์ฟรอสต์ว่าแข็งแล้ว แต่ธนูคันนี้กลับดูแข็งกว่า

“คันศรสินะ… แล้วลูกธนูล่ะ?”

ลิลี่ถาม ฉันเองก็สงสัยแบบเดียวกัน

ต้องใช้ลูกธนูของตัวเอง?

“…ยุ่งยากไม่สมกับเป็นสมบัติเลยแฮะ เคยคาดหวังไว้มากกว่านี้”

บางที อาจมีผลลัพธ์พิเศษขณะยิง ต้องลองทดสอบให้แน่ใจอีกที

ฉันนึกถึงลูกธนูไม้สำรองที่พกอยู่ในกระเป๋าสะพาย

ทันใดนั้น

“…?”

แสงสว่างมารวมตัวกันที่มือซ้าย และเพียงพริบตาเดียว ลูกศรก็ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง

“ลูกธนูไม้?”

ตามที่ลิลี่บอกมัน คือลูกธนูไม้

…ลูกธนูที่ฉันเพิ่งจินตนาการถึง

ไม่มีอะไรจะเสีย ฉันตัดสินใจลองจินตนาการถึงลูกธนูเส้นใยคาร์บอนที่ใช้แข่งโอลิมปิก

ผลลัพธ์ก็

“ลูกธนูมัน…!”

เป็นเช่นนั้น

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด