ตอนที่แล้วตอนที่ 82 - ยักษ์โบราณข้ามแม่น้ำแห่งกาลเวลา!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 84 - สกัดทั้งภูเขา?! ความวุ่นวายของอาวุธศักดิ์สิทธิ์!

ตอนที่ 83 - จ้องมองอย่างว่างเปล่าที่ภูเขาดาบ[ฟรี]


องค์หญิงบัวเขียวมองดูฉากตรงหน้า นางอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างและบ่นพึมพำ “เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาเป็นคนที่ข้ากำลังมองหา?”

อากาศรอบๆก็เงียบ เธอเป็นคนเดียวในรถม้าที่งดงาม ไม่มีใครสามารถตอบคำถามนี้ได้

ในขณะนี้แม้จะไม่มีลม ม่านลูกปัดข้างเธอเริ่มสั่นไหวเบาๆ เสียงกระทบกันราวกับไข่มุกหยกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตกลงมาบนจานกระเบื้อง

ดูเหมือนว่าเจ้าหญิงดอกบัวเขียวจะคิดอะไรบางอย่างและจู่ๆ สีหน้าของเธอก็กลายเป็นหม่นหมอง

หวังต้าจูถือค้อนในมือซ้ายและถือขวานขวา เขาเป็นเหมือนพระเจ้าที่แยกสวรรค์และโลก ร่างกายของเขาค่อยๆ ทับซ้อนกับร่างยักษ์ก่อนนี้ ตราบใดที่เขาโบกมือ เสาสวรรค์จะหักลง ภูเขาและแม่น้ำจะพังทลาย ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะหายไปในความว่างเปล่า

เช่นเดียวกับยักษ์ที่แยกสวรรค์และโลกในตอนนั้น มันได้ขจัดความสกปรกทั้งหมดและฟื้นฟูความกระจ่างของโลก

ผ่านไปไม่นานทุกคนก็หายจากอาการช็อก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ขวานผ่าสวรรค์นี้ทรงพลังเกินไปจริงๆ เพื่อที่จะสามารถกระตุ้นปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ แม้แต่ภูเขาดาบก็ยังตอบสนองต่อเขา ราวกับว่ามันได้เลือกเขาให้เป็นผู้ชนะ”

“ข้าไม่ได้คาดหวังเลยว่ามันจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เดิมทีข้ามีความหวังสูงต่ออู๋เย่เฉิน แต่ผู้ใดจะคิดว่าจะมีคนเช่นนี้ปรากฏตัวตัวมาได้”

ก่อนหน้านี้ผู้คนส่วนใหญ่จ้องมองไปที่อู๋เย่เฉินว่าเขาจะเป็นผู้ชนะ เพราะท้ายที่สุดแล้วตำแหน่งทายาทของเทพแห่งการตีเหล็กนั้นชั่งน่าประทับใจเกินไป

การคาดหวังเบื้องต้นไม่มีหวังต้าจูแม้แต่น้อย เขาเป็นเสมือนม้ามืดที่พุ่งเข้าใส่สายตาของทุกคนด้วยความเร็วสูง

“ตอนแรกข้าคิดว่าหวังต้าจูที่เกิดในถิ่นทุรกันดารและสถานะของเขาไม่สูงนักเขาคงไม่สามารถมีโอกาสนะได้ แต่ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเขาต่ำไป มรดกที่เขาได้รับนั้นไม่ด้อยกว่าของอู๋เย่เฉินแม้แต่น้อย นอกจากความสามารถและการฝึกฝนหนักของเขาแล้ว เขายังได้รับผลลัพธ์เช่นนี้อีกด้วย”

“ข้าอิจฉาเขาจริงๆ ถ้าวันหนึ่งข้ามีโอกาสได้รับโอกาสเช่นนั้นด้วย...ถึงแม้บางทีข้าอาจจะไม่ก้าวขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้ แต่มันก็ยังดีกว่าข้าตอนนี้”

“เจ้าบอกว่ามันคือโอกาส ฉะนั้นเจ้าต้องรู้ด้วยว่ามันมันเป็นโชคชะตด้วยา ดังคำกล่าวที่ว่า คนเราพบพานโอกาสได้โดยบังเอิญเท่านั้น แต่จะแสวงหาไม่ได้ถ้าไม่ได้ลิขิต ข้ากลัวว่าถ้าวางไว้ตรงหน้าจะพลาดโอกาสไปด้วย”

เนื่องจากหวังต้าจูไม่ได้มาจากภูมิหลังที่สูง เขาจึงสามารถสะท้อนกับผู้ขัดเกลาทั่วไปหลายคนได้ แต่อย่างไรก็ตามคนอย่างไป๋ฮ่าวหยูและอู๋เย่เฉินพวกเขายังเป็นกลุ่มน้อยคนนักที่มีภูมิหลัง เพราะผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่ไม่ได้มีรากฐานและความมั่งคั่งที่ทรงพลังและมั่งคั่งเช่นนี้

“ใครบอกว่าผู้น้อยไม่สามารถยิ่งใหญ่ได้? และนี่คือตัวอย่าง ทายาทเทพเจ้าแห่งการตีเหล็กแล้วอย่างไร? ใช้วัสดุที่มีเจ้าคุณสูงหรือหายากแล้วอย่างไร? พวกเขาจะยังคงพ่ายแพ้ ตราบใดที่มีสามารถพอมันก็ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำได้”

ผู้ติดตามของไป๋ฮ่าวหยูและอู๋เย่เฉินต้องการลบล้างคำกล่าวนี้ แต่ข้อเท็จจริงอยู่ตรงหน้าพวกเขา พวกเขาไม่สามารถหักล้างมันได้ แม้แต่ผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญในการตีเหล็กก็สามารถบอกได้ได้ว่ามันเกิดจากการขัดเกลาอาวุธนี้

ทุกคนต่างประหลาดใจกับพลังของขวานศักดิ์สิทธิ์นี้ แต่ในทางกลับกัน ไป๋ฮ่าวหยูแล อู๋เย่เฉินมีการแสดงออกที่ซับซ้อนอย่างมากบนใบหน้าของพวกเขา

ไป๋ฮ่าวหยูพูดอย่างตรงไปตรงมา “ดูเหมือนว่าเราแพ้ ในที่สุดเขาก็ชนะ”

อู๋เย่เฉินไม่ได้พูดอะไร เขาเป็นทายาทของเทพเจ้าแห่งการตีเหล็ก จุดเริ่มต้นของเขานั้นสูงมากจนเขาทิ้งผู้คนมากมายไว้ข้างหลัง เดิมทีเขาคิดว่ารอบนี้เขาต้องชนะแน่ๆ เขาไม่ได้จินตนาการว่าด้วยซ้ำว่าตัวเองจะแพ้เช่นนี้ได้

แปะๆ แปะๆ

เสียงปรบมือดังมาจากรถม้า “ทุกท่านทำให้ข้าได้เปิดตาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นแส้ศักดิ์สิทธิ์ ดาบศักดิ์สิทธิ์ หรือขวานศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครทำให้ข้าต้องผิดหวังแม้แต่น้อย”

คำพูดกะทันหันของเจ้าหญิงบัวเขียวก็เป็นการยืนยันความสามารถของไป๋ฮ่าวหยู และคนอื่นๆ

แม้ว่าไป๋ฮ่าวหยูแล อู๋เย่เฉินจะแพ้ในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่แข็งแรงพอ

“ข้าจะประกาศว่าการแข่งขันสิ้นสุดที่นี่ ผู้ที่ไม่มีกำลังที่จะขัดเกลาสิ่งที่เหนือกว่าผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้ได้”

หลังจากที่หลายๆคนคิดว่าหวังต้าจูเป็นผู้ชนะ และผู้แพ้ได้รับการตัดสินแล้ว และจะไม่มีใครทำได้ดีกว่านี้ได้ปรากฏตัว เพราะท้ายที่สุดแล้วภายใต้อิทธิพลของออร่าที่ทรงพลังเช่นนี้ ไม่มีตัวอ่อนอาวุธใดสามารถก่อตัวขึ้นมาได้ แต่ถึงแม้ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาได้ มันก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง

“ทำไมยังมีคนอยู่ในสนามล่ะ...”

อย่างไรก็ตาม พวกเขายังสังเกตเห็นว่ากู่ซียังคงยืนอยู่ตรงนั้น หลายๆคนพูดไม่ออกเกี่ยวกับสิ่งนี้

“คนผู้นี้ไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้จริงๆงั้นหรือ? เฮ้อ! ความจริงอยู่ตรงหน้าเขาแล้วแท้ๆ ถึงเขาจะสามารถขัดเกลาอาวุธได้จริงๆ มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ปัจจุบันได้หรอกนะ”

"ถูกต้อง! อย่าเสียเวลาของเราเลยดีกว่า รีบมาประกาศผลแข่งขันเลย แล้วมาเริ่มการแข่งขันรอบต่อไปกันเถอะ”

หลายคนพูดประชดประชัน แต่ในขณะนั้นได้มีเสียงที่อ่อนโยนฟังดูเหมือนสายลมที่อ่อนโยนพัดมา ฝูงชนที่กำลังกระสับกระส่ายเงียบลงทันที

“การแข่งขันควรมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด แต่เมื่อมีผู้เข้าแข่งขันอีกคนที่ต้องการขัดเกลาอาวุธของเขา ก็ให้เขาขัดเกลามันเถอะ”

คนที่พูดคือเจ้าหญิงบัวเขียว ถึงเธอจะนั่งอยู่บนรถม้า แต่เธอสามารถเข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามราวกับว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ

“เด็กผู้นี้โชคดีเสียจริงๆ ที่เจ้าหญิงบัวเขียวได้พูดแทนเขา”

“นั่นเป็นเพราะองค์หญิงชิงเหลียนเป็นผุ้ที่สวยงาม ใจดี และมีเมตตาล่ะ และนั่นเป็นเหตุผลที่พระเจ้าให้พรแก่เธอ ข้าต้องการดูสิว่าเด็กผู้นี้จะสามารถขัดเกลาอะไรได้บ้าง”

มีเหตุผลว่าทำไมกู่ซียังไม่ได้เริ่มขัดเกลาอะไร เพราะว่าเขากำลังสังเกตว่าไป๋ฮ่าวหยู, อู๋เย่เฉิน, หวังต้าจูและคนอื่นๆ ว่าขัดเกลาอย่างไร

หนึ่งต้องรู้ว่าเขาไม่ได้มีประสบการณ์มากในการขัดเกลาอาวุธ และเขาไม่มีการเรียนรู้อะไรที่สำคัญแม้แต่น้อย เพราะระบบเขาทำได้แค่เลียนแบบคนอื่นเท่านั้น

เขาไม่ได้ร่ำรวยเหมือนไป๋ฮ่าวหยูและมีวัสดุล้ำค่า เขาไม่เหมือนกับอู๋เย่เฉินที่มีสายเลือดแห่งศิลปะการตีเหล็กมาหลายชั่วอายุคน เขาไม่เหมือนหวังต้าจู๋ที่มีโอกาสส่งมาจากสวรรค์

สิ่งที่เขามีคือระบบสกัดเท่านั้น ด้วยสิ่งนี้เพียงอย่างเดียว มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะดูถูกเหล่าวีรชนและเหยียบย่ำทุกคนให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา

สายตาของกู่ซีมองไปที่ภูเขาดาบที่ซึ่งอยู่ไม่ไกล อาจกล่าวได้ว่าในขณะนี้เขาไม่มีข้อได้เปรียบใดๆ แต่อย่างไรก็ตาม หากเขาไม่มีข้อได้เปรียบ เขาก็เพียงสร้างความได้เปรียบขึ้นมา

เมื่อเห็นว่ากู่ซียังไม่ได้เคลื่อนไหวและจ้องมองไปที่ภูเขาดาบด้วยความงุนงงแทน คนอื่นๆ ก็ค่อยๆ หมดความอดทน “เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาไม่รู้จักวิธีการขัดเกลาอาวุธ”