SWO ตอนที่ 23 สัตว์อสูรระดับราชันอ่อนแอเกินไป
ณ ป่าพรุแดงทางตะวันออก
โจวเฮาที่กำลังจะจากไปหลังจากพบเถาวัลย์เลือดสกาเล็ต จู่ ๆ น้ำโดยรอบก็เริ่มผันผวนอย่างรุนแรง
ตามมาด้วยเสียงคำรามที่ฟังดูเขย่าขวัญ
จระเข้ยักษ์ที่ปกคลุมไปด้วยหนามลำคัวยาวสามถึงสี่ร้อยเมตรพุ่งออกมาจากน้ำเหมือนเกาะเล็ก ๆ
ดวงตาที่เย็นชา และไม่แยแสของมันจับจ้องไปที่ตำแหน่งของโจวเฮาทันที
อันที่จริงมันรับรู้ถึงการปรากฏตัวของโจวเฮาอยู่แล้วหลังจากที่จระเข้ฟันเหล็กตัวอื่น ๆ ถูกโจมตี
แต่เพราะเขาฆ่าแค่ระดับแม่ทัพจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กจึงไม่คิดใส่ใจ อย่างไรก็ตามมันไม่คิดเลยว่าจะมีตัวตนระดับปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธมากกว่าสิบคนจะมาถึงชายป่า
ดังนั้นมันจึงตื่นตระหนกกับการปรากฏตัวของพวกเขาในทันที..
“พวกเจ้าต้องการจัดการข้าเรอะ? ฮึ่ม งั้นข้าจะกินมนุษย์รุ่นน้องของเจ้าก่อน!” ด้วยความคิดนี้ จระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กจึงพุ่งเข้าหาโจวเฮา
จระเข้เขี้ยวเหล็กพุ่งข้ามผ่านพันเมตร และมาถึงหน้าโจวเฮาทันที
ปากเปื้อนเลือดของมันเปิดกว้าง ความกว้างของมันสูงกว่าอาคารสามชั้นด้วยซ้ำ
โจวเฮายืนนิ่งอยู่กับที่
เมื่อเห็นดังนั้นจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กจึงคิดว่าโจวเฮาจะต้องกำลังหวาดกลัวมากเป็นแน่
“เจ้ามดต่ำต้อย” ดวงตาที่เย็นชาของจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กเต็มไปด้วยความดูถูก หากเป็นครั้งอื่นมันคงไม่คิดกินผู้ฝึกยุทธขยะแบบนี้
ขณะที่ปากเปื้อนเลือดกำลังจะตกลงมา…
โจวเฮาก็เริ่มขยับ!
เขายกกำปั้นขึ้นขณะที่แก่นโลหิตของเขาเดือดพล่าน
ร่างช้างมังกรโบราณก่อตัวขึ้นบาง ๆ ด้านหลังเขาพร้อมเปล่งเสียงคำรามอึกทึก
บูม
หมัดของเขาสวนเข้าไปในปากเปื้อนเลือดของสัตว์อสูรระดับราชัน
พลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้แผ่ออกไปทุกทิศทุกทาง
คลื่นอากาศโดยรอบก่อตัวเป็นเมฆรูปเห็ดกระจายออกไปอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันนั้นกระแสน้ำวนเป็นชั้น ๆ ได้กระจายออกมาจากน้ำใต้ฝ่าเท้าของเขา ก่อนกวาดไปทุกทิศทุกทางด้วยความเร็วสูง
ความกลัวปรากฏขึ้นในดวงตาที่เย็นชาของจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กทันที
มันรู้สึกราวกับสิ่งที่มันกินไม่ใช่แค่ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่ง แต่เป็นช้างมังกรโบราณที่น่ากลัวยิ่งกว่าตัวมัน!
ปัง
อย่างไรก็ตามเวลานี้สายเกินไปแล้วที่จะหยุด
จระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่กระจายไปทั่วร่างกายในทันที อวัยวะ และกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนในร่างถูกลดทอนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“นะ นี่ข้าไปยั่วยุตัวตนแบบไหนเข้ากัน!” เมื่อความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจ ดวงตาที่เย็นชาของมันก็ค่อย ๆ ดับแสงลง
บูม!
จระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กซึ่งยาวกว่า 300 เมตรตกลงมากระแทกพื้น
เมื่อเห็นดังนั้นโจวเฮาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขายังค่อนข้างประหม่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับราชัน
ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงใช้พลังไปถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์
โชคดีที่ในตอนท้ายจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กตายอย่างที่เขาคาดไว้
“ข้าไม่นึกเลยว่าสัตว์อสูรระดับราชันจะอ่อนแอถึงเพียงนี้!” เขาส่ายหัว ถอนหายใจ และเก็บศพของจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กลงในกระเป๋ามิติของเขา
ด้วยชุดเต่าดำมันทำให้เขาสะดวกขึ้นมากในการรวบรวมวัตถุดิบจากสัตว์อสูร
ห่างออกไปหนึ่งหมื่นเมตร
คลื่นลมรุนแรงพัดเข้าหาพวกเขา ขณะที่กระแสน้ำวนก่อตัวเป็นคลื่นสูงสามเมตรตามมาอย่างใกล้ชิด
สีหน้าของผู้บัญชาการจ้าว และกลุ่มปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธเปลี่ยนไปทันที
“เป็นกลิ่นอายที่ทรงพลังเสียจริง!”
“สงสัยนักว่าการต่อสู้เป็นอย่างไรบ้าง!”
“มันต้องรุนแรงมากเป็นแน่!”
พวกเขามองหน้ากัน และหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเพิ่มความเร็วอีกครั้ง
ในระยะ 10,000 เมตร หากเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธสามารถไปถึงจุดหมายได้ภายในพริบตา
อย่างไรก็ตามที่แห่งนี้คือป่าพรุแดง ภูมิประเทศของมันมีความสลับซับซ้อน ขณะที่ในน้ำไม่น่าไว้ใจ ดังนั้น ผู้บัญชาการจ้าว และคนที่เหลือจึงใช้เวลาเกือบ 10 วินาทีในการไปถึงจุดต่อสู้
"เขาอยู่ที่ไหน?"
“จระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กล่ะอยู่ไหน?”
หลังจากมาถึง พวกเขาก็ตระหนักว่าทั้งจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็ก และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงคนใหม่ได้หายไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยราวกับถูกระเบิดลง
“ทุกคนกวาดสายตาไปให้ทั่ว” ผู้บัญชาการจ้าวตะโกน
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น ๆ พยักหน้า ทุกคนค้นหาอย่างกระตือรือร้น แต่ไม่ว่าจะดำลงไปในน้ำ หรือเดินตามรอยพื้นที่ถูกทำลาย น่าเสียดายที่พวกเขาไม่พบแม้แต่เงา
เวลานี้เหอเปียวได้เปิดใช้งานอุปกรณ์ตรวจจับของเกราะ ภายใต้สถานการณ์ปกติ คนระดับปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธไม่ค่อยได้เปิดใช้งานมันเท่าไหร่นัก เพราะพวกเขามักจะอาศัยประสาทสัมผัสของตนเองเพื่อค้นหาสัตว์อสูรมากกว่า
“ผู้บัญชาการจ้าว ข้าไม่พบสัญญาณความร้อนเลย” เมื่อเห็นผู้บัญชาการจ้าวมองมาที่เขา เหอเปียวก็ส่ายหัว
“ผู้บัญชาการจ้าว ข้าพบซากของชุดเกราะมาตรฐาน!” ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนหนึ่งหยิบชิ้นส่วนเกราะขึ้นมาแล้วรีบวิ่งมาทางเขา
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนอื่น ๆ ที่หาอะไรไม่พบก็กลับมาเช่นกัน
สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันทีเมื่อเห็นซากชุดเกราะ
ผู้บัญชาการจ้าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “นี่เป็นเพียงชุดเกราะมาตรฐาน พลังป้องกันของมันนั้นต่ำมาก เพียงแรงกดดันจากการโจมตีที่ปล่อยออกมาจากจระเข้มังกรเขี้ยวเหล็กอย่างเดียวก็สามารถฉีกมันออกเป็นชิ้น ๆ ได้ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถใช้ตัดสินอะไรได้”
“หรือทั้งสองจะพินาศไปด้วยกัน?” ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนหนึ่งคาดเดา
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าจะอธิบายเรื่องที่ไม่มีแม้แต่ศพอย่างไร?” ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธอีกคนส่ายหัว
ผู้บัญชาการจ้าวกวาดสายตาไปยังร่องรอยที่หลงเหลือและยิ้มในทันใด “หากไม่มีศพ งั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว!”
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
ปรมาจารย์ที่เหลือต่างมองมาที่เขาเป็นตาเดียว