Ep.148 - กำไรของศึกนี้
3/3
Ep.148 - กำไรของศึกนี้
ลั่วหยวนเจิ้งและซูหยุนปิงยืนอยู่แนวหน้าสุดเพื่อชมการต่อสู้
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป แต่ผลลัพธ์โดยรวมได้ถูกตัดสินแล้ว
กองทัพมดส่วนใหญ่กระจัดกระจาย มีเพียงมดยักษ์ที่อยู่แถวหน้าเท่านั้นที่ยังคงสู้ แต่สู้แบบแตกขบวน
ส่วนมดยักษ์แถวกลางไม่มีความคิดที่จะสู้อีกต่อไป พวกมันเดินสะเปะสะปะไปทั่ว
และมดยักษ์ที่อยู่แถวหลัง เวลานี้พวกมันล่าถอยกลับไปแล้ว
มดยักษ์เดิมเป็นมอนสเตอณ์ที่ไม่แข็งแกร่งอะไร จุดที่อันตรายจริงๆของพวกมันคือปริมาณและมีคนคอยสั่งการ
เมื่อสูญเสียข้อได้เปรียบเหล่านี้ พวกมันก็แทบไม่เป็นอันตรายใดๆอีก
มอนสเตอร์มดยักษ์คือขุมกำลังหลักของกองทัพนี้ เมื่อพวกมันหมดฤทธิ์ อาศัยเพียงมอนสเตอร์หินไม่กี่ร้อยตัว และมอนสเตอร์ผีเลเวลต่ำที่มีพลังโจมตีทางกายภาพอ่อนแอ ไม่อาจสั่นคลอนแนวรับได้อีก
ชะตาของพวกมันถูกลิขิตให้ถูกพาดลงบนเขียงเพื่อรอรับความตาย!
ฮังอวี่เตร่ไปทั่วแนวหน้า
แห่งหนใดที่เขาปรากฏตัว ผู้คนในแห่งหนนั้นตกตะลึง
ซูหยุนปิงเฝ้ามองฮังอวี่ด้วยความประหลาดใจ เอ่ยถามว่า “ทำไมตัวนายถึงได้ดูเฉิดฉายนัก?”
ลั่วหยวนเจิ้งลองสังเกตตาม และพบว่าขณะนี้ทั่วทั้งร่างของเจ้าหนุ่มฮังถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแสง เป็นรัศมีสีเทาที่ค่อยๆลอยเข้ามาจากทุกทิศทางทีละเล็ก ทีละน้อย
อันที่จริงเจ้าสิ่งนี้คือพลังงานจากโลกวิญญาณ
ในสถานการณ์ปกติ ดอกบัววิญญาณจะรวบรวมพลังงานวิญญาณและค่อยๆเปลี่ยนแปลงมันเป็นแต้มวิญญาณ
ทว่าขีดความสามารถของดอกบัวมีจำกัด หากรวบรวมพลังงานวิญญาณมากเกินไปในคราวเดียว จะปรากฏสถานการณ์เฉกเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้
พลังงานวิญญาณก่อตัวกันหนาเกินไปจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
แต่ไม่มีทางเลือกอื่น ฮังอวี่ทำได้แค่รอให้ดอกบัวย่อยพลังงานอย่างช้าๆเท่านั้น
และกระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณหนึ่งหรือสองชั่วโมง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นช่างน่าเสียดายที่เขาไม่สามารถสะสมแต้มวิญญาณทั้งหมดได้
สาเหตุแรกก็เพราะตอนนี้ดอกบัวรวมวิญญาณอยู่ในสถานะพลังงานล้น มันจึงไม่สามารถรวบรวมพลังงานวิญญาณได้มากไปกว่านี้
สาเหตุที่สอง เป็นเรื่องจริงที่ดอกบัวรวมวิญญาณสามารถดึงพลังงานจากศพมอนสเตอร์ แต่มันดึงได้เฉพาะมอนสเตอร์ที่พึ่งถูกฆ่าเท่านั้น เนื่องจากนั่นคือช่วงเวลาที่พลังงานวิญญาณเล็ดลอดออกมามากที่สุด
แต่หากปล่อยทิ้งไว้ซักพัก พลังงานวิญญาณจะค่อยๆถูกกักเก็บลงในเลือดเนื้อศพ และการดึงมันออกมามีแต่ต้องใช้เทคนิครวบรวมวัตถุดิบเท่านั้น
ฮังอวี่ไม่ได้อธิบายเหตุผลจริงๆแก่ซูหยุนปิงว่าทำไมตัวเขาถึงเป็นแบบนี้ เพียงหัวเราะ เหอ เหอ “นั่นก็เพราะพระเจ้ากำลังอวยพรคนหล่อยังไงล่ะ อาจารย์ซูเองก็อยากให้พระเจ้าอวยพร เปล่งประกายแบบนี้เหมือนกันหรือครับ?”
ซูหยุนปิงเหม่อมองฮังอวี่ด้วยสายตาว่างเปล่า แต่ลึกๆเธอพอจะคาดเดาได้
เพราะทุกวันนี้มันเต็มไปด้วยสกิลอันแปลกประหลาดและไอเท็มวิเศษ ที่ร่างฮังอวี่เฉิดฉายเช่นนี้ บางทีอาจเพราะอย่างใดอย่างหนึ่งที่กล่าวมา
ฮังอวี่เอ่ยต่อ “เอาล่ะ แนวป้องกันน่าจะกลับมามั่นคงแล้ว พวกมอนสเตอร์ไม่น่าก่อให้เกิดอันตรายอีกต่อไป ... คงได้เวลาที่ผมต้องถอนตัว เร้นกายซ่อนชื่อเสียงของตัวเอง”
“รอก่อน!”
ลั่วหยวนเจิ้งเรียกเขา
ฮังอวี่ “หัวหน้ากองลั่วมีเรื่องอะไรหรือ?”
“น้องชายไม่ควรเป็นสมาชิกของสมาคมโลกวิญญาณ อยู่ที่นั่นนายจะไม่สามารถแสดงศักยภาพได้เต็มที่” ลั่วหยวนเจิ้งกล่าว “ด้วยทักษะและความสามารถของนาย ถ้าเข้าร่วมกับพวกเราสกายเน็ต อนาคตย่อมสดใสกว่าแน่นอน!”
ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้ ฮังอวี่พอได้ยินจึงเฉลยว่า “อันที่จริงผมไม่ใช่สมาชิกของสมาคมโลกวิญญาณ แต่ในตอนนี้ผมก็ยังไม่สนใจที่จะเข้าร่วมกับทางสกายเน็ตเหมือนกัน ถึงการพัฒนาภายในระบบจะค่อนข้างเสถียร แต่ผมไม่ชอบถูกใครชี้นิ้วสั่งทั้งวัน เพราะฉะนั้นสกายเน็ตคงไม่เหมาะกับผม”
“จะไม่ลองกลับไปคิดดูอีกทีหรือ?”
“คงไม่ล่ะ ผมไม่ต้องการให้ตัวเองตกอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ใดๆ มันยังไม่เหมาะที่จะดึงดูดความสนใจจากทุกคน” ฮังอวี่เหลือบมองลั่วหยวนเจิ้งกับซูหยุนปิง “ถ้าพวกคุณอยากขอบคุณผมจริงๆ โปรดช่วยเก็บเรื่องผมเป็นความลับด้วย”
ฮังอวี่รู้ดี เนื่องจากเขาเป็นคนของเมืองเจียงเฉิง ดังนั้นไม่มีทางหลีกเลี่ยงสกายเน็ตกับสมาคมโลกวิญญาณไปได้
ทั้งสองฝ่ายจะเข้ามาติดต่อเขาเมื่อไหร่ มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ทั้งหมดที่เขาทำได้คือทำตัวให้ติดดินที่สุด และรักษาความสัมพันธ์อันดีกับระดับสูงของฝ่ายนั้นๆซักคนหรือสองคนเอาไว้
แน่นอนการได้รับความเลื่อมใสจากผู้คนมันเป็นอะไรที่ช่างฉูดฉาดและชวนให้จิตใจฮึกเหิม
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่ฮังอวี่ต้องการในตอนนี้
“ในเมื่อนายไม่อยากเข้าร่วมกับทางสกายเน็ต ถ้าอย่างงั้นฉันคงบังคับนายไม่ได้ แต่ถ้าเปลี่ยนใจ จำไว้ว่าทางเรายินดีต้อนรับเสมอ”
“ขอบคุณหัวหน้ากองลั่ว”
“ทิ้งข้อมูลติดต่อของตัวเองเอาไว้ด้วย”
ฮังอวี่ได้ยินประโยคนี้ เขารู้สึกกังวลขึ้นมาทันที “ทำไม?”
“ท่าทีแบบนั้นมันอะไรกัน เจ้าเด็กตัวเหม็น นายจะไม่เอาแต้มบุญรึไง?” หัวหน้ากองลั่วอธิบาย “นายควรจะรู้นี่ ว่าทางรัฐบาลเมืองเจียงเฉิงกับสกายเน็ตได้สร้างระบบแต้มบุญขึ้นเพื่อประชาชน”
ถ้าเป็นเรื่องนี้ก็แล้วไป แต่ยังไงก็ช่วยบอกกันก่อนซี่!
บอกว่าแค่ขอข้อมูลการลงทะเบียน!
ฮังอวี่ส่งข้อมูลติดต่อของเขา
เมื่อไม่เหลืออะไรทำ เขาเอ่ยลาอาจารย์ซู และจากไปพร้อมกับโล้นซ่าและเฟิงกังทันที
หลังจากนั้นไม่นาน
คนมากกว่า 200 คนที่มีสกิลรวบรวมวัตถุดิบได้เข้าไปเก็บกวาดสนามรบ
ผู้เสียชีวิตในศึกนี้ยังมีจำนวนไม่แน่ชัด แต่ที่แน่ๆระหว่างสู้ศึกสิ้นเปลืองโพชั่นไปเยอะมาก ดังนั้นต้องนำสินสงครามเหล่านี้มาเติมเต็มในส่วนที่เสีย และวิธีการที่รวดเร็วที่สุดคือเทคนิครวบรวมวัตถุดิบ
ศพมอนสเตอร์หลายพันตัว!
วัตถุดิบที่พร้อมกอบโกยย่อมไม่เล็กน้อย!
ทว่าไม่นาน เหล่าสหายจากสหายเน็ตที่คอยรวบรวมวัตถุดิบก็ต้องงุนงง
เพราะในบรรดาศพมอนสเตอร์เหล่านี้ มีมากกว่าครึ่งที่ไม่สามารถรวบรวมวัตถุดิบได้ได้ และต่อให้รวบรวมได้ คุณภาพของมันก็แย่มาก
เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?
ไหงจู่ๆสินสงครามกลายเป็นขยะเช่นนี้!?
...
หลังจากฮังอวี่กลับมาถึงบ้าน เขาเปิดข้อมูลคุณสมบัติของตัวเอง และพบว่าตอนนี้คือ
นักรบเลเวล 5 พลังชีวิต 40 , พลังจิต 23 , พละกำลังเพิ่มขึ้นถาวร +1 , ว่องไวเพิ่มขึ้นถาวร +3 , ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นถาวร +0.5 , อัตราฟื้นฟูพลังชีวิตเพิ่มขึ้น +0.1 , แต้มวิญญาณ 773/1200
เป็นผลกำไรอันน่าตื่นตะลึง!
ไม่เพียงได้รับการฟื้นฟูพลังชีวิต 0.1 แต่ขณะเดียวกันยังได้รับแต้มวิญญาณจากดอกบัวรวมวิญญาณเพิ่มมามากถึง 700 แต้ม!
ปริมาณแต้มวิญญาณที่เพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ เกรงว่ากระทั่งในศึกค่ายมนุษย์หมูป่าที่กำลังจะมาถึงยังเทียบไม่ได้
แล้วอีกอย่าง อย่าลืมสิว่าที่นี่ไม่ใช่โลกวิญญาณ!
แต่มันคือโลกจริง!
ณ สถานที่แห่งนี้ หากไม่นับคนที่บังเอิญพบโชคหล่นทับเช่นฮังอวี่ วิธีเดียวที่เขาสามารถได้รับแต้มวิญญาณคือการกิน
แต่ต้องกินมากมายขนาดไหนถึงจะได้รับแต้มวิญญาณเท่าฮังอวี่?
ต่อให้เป็นวัตถุดิบเลเวล 4 หรือ 5 อย่างมากเพิ่มแต้มวิญญาณให้ครั้งละไม่เกิน 20 กว่าแต้มเท่านั้น อีกทั้งอาหารวิญญาณยังมีรอบการย่อยของมัน มากสุดกินได้แค่วันละ 2 ครั้ง
ต่อให้คุณเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวย ซื้อผลไม้วิญญาณมากินระหว่างรอรอบอาหารย่อย แต่ก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่แพงมหาศาล และนั่นช่วยเพิ่มแต้มวิญญาณในวันได้ไม่กี่สิบแต้มเท่านั้น
แล้วฮังอวี่เล่า?
เขาใช้เวลาเพียงครึ่งวันในโลกจริง ก็สามารถสะสมได้เป็น 700 แต้มวิญญาณ!
และที่ได้เท่านี้ก็เนื่องจากระดับของดอกบัวรวมวิญญาณยังไม่สูงพอ หากฮังอวี่สามารถพบวิธีอัพเกรดมันให้คุณภาพสูงกว่านี้ได้ ก็มีโอกาสสะสมแต้มวิญญาณได้เยอะกว่าในวันนี้เป็นสองเท่า
ฮังอวี่ตรวจสอบเครื่องรางอัญเชิญ และพบว่าไอวิญญาณที่รวบรวมได้คือ 1572/3000
แม้ความเร็วในการรวบรวมจะค่อนข้างเร็วมากแล้ว แต่ฮังอวี่ก็ยังไม่สามารถสะสมมันจนเต็ม
เงื่อนไขในการอัญเชิญอัศวินอันเดธจากเครื่องรางขั้นต่ำคือ 300 แต้ม ขณะที่สูงสุดคือ 3000 แต้ม
ยิ่งไอวิญญาณมากเท่าไหร่ อัศวินอันเดธก็ยิ่งทรงพลังขึ้นเท่านั้น
ปัจจุบันฮังอวี่สามารถอัญเชิญมันออกมาได้แล้ว และอัศวินอันเดธที่อัญเชิญมาได้ คาดว่าน่าจะเป็นชั้นยอดขั้นโกลด์เลเวล 5
ในการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ฮังอวี่มั่นใจว่าไม่มียอดฝีมือคนไหนในเจียงเฉิงสามารถต่อกรกับมันได้ กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถโค่นมันลง!
และด้วยความช่วยเหลือของอัศวินอันเดธ โอกาสที่จะเอาชนะค่ายมนุษย์หมูป่าก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฮังอวี่ยังไม่ค่อยพอใจนัก เขารู้สึกว่าควรรวบรวมไอวิญญาณให้มากกว่านี้
ยิ่งอัศวินอันเดธเลเวลสูงเท่าไหร่ พลังรบก็จะยิ่งแก่กล้าขึ้นเท่านั้น
อืม
ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งวัน บางทีเขาอาจลองไปเสี่ยงโชคในพื้นที่ที่เกิดกองทัพมอนสเตอร์แห่งอื่น หรือไม่ก็ท่องไปตามพื้นที่ล่าไก่ฟ้าหรือกวางป่าในเมือง ปล่อยให้คนอื่นๆล่ามัน แล้วเขานั่งสะสมไอวิญญาณ
หวังว่าก่อนที่โลกวิญญาณจะเปิดขึ้นอีกครั้ง เขาจะรวบรวมไอวิญญาณได้มากกว่านี้
โดยรวมแล้ว ศึกนี้ฟันกำไรคุ้มค่ามากจริงๆ
และสิ่งต่อไปที่ฮังอวี่ต้องทำ คือการนำแต้มวิญญาณที่ได้รับไปใช้งาน