เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 208
ตอนที่ 208
เป็นเพราะหลินซวนมีความเข้าใจในศาสตร์แห่งการปรุงยาเป็นอย่างดี ทำให้เขารู้ซึ้งถึงความทรงอำนาจของเหล่าโอสถทั้งหลายอย่างยิ่งยวด
ทว่าในยามก่อนหน้าที่เขาจำเป็นต้องก่อร่างค่ายกลจากภาพเขียนห้าเมล็ดพันธุ์ดาราจักรเพื่อใช้มันในการปกป้องตระกูล ทำให้คลังสมบัติของสกุลหลินว่างเปล่า เขาจึงไม่เหลือทรัพยากรใดให้ใช้ทดลองปรุงยา
อีกทั้ง ด้วยระดับความเร็วในการบ่มเพาะของเขาที่สูงส่งมากเกิดไป ในเวลาเพียงครึ่งปีเขาสามารถตัดผ่านชั้นลมปราณได้ไม่น้อย จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการทำให้พลังปราณในการของตนเสถียรเพื่อให้มีรากฐานที่แข็งแกร่ง
ต่อให้กายเซียนแห่งเต๋าจะทรงพลังมากเพียงใด แต่เขาก็มิควรที่จะฝืนขีดจำกัดมากเกินไป
จากนั้น หลินซวนก็นำเอาทรัพยากรทั้งหลายที่เขาเก็บได้ออกมาจากแหวนมิติทีละชิ้น ก่อนจะจัดการมันให้พร้อมสำหรับใช้เป็นส่วนประกอบในน้ำแกงโอสถที่กำลังจะต้มเพื่อชำระล้างกายและทำให้ระดับการบ่มเพาะมั่นคงขึ้น
ในถ้ำซึ่งหลินซวนเจาะลงไปใต้ค่ายกลป้องกันจากแท่นบูชาห้าสี หม้อสำริดในหนึ่งเปล่งประกาย ในหม้อใบนั้นเต็มไปด้วยน้ำจากน้ำพุวิญญาณที่กำลังเดือดพล่านจะส่งไอน้ำที่แฝงไว้ด้วยปราณวิญญาณออกมา
หม้อใบนี้เป็นสมบัติที่ไม่สามัญยิ่ง และหลินซวนชิงมันมาจากคนของหอเทพอัคคี กล่าวได้ว่ามันเป็นสมบัติวิเศษที่มีระดับของปราณสร้างรากฐานขั้นสูงสุด
แม้จะมิใช่สมบัติที่ทรงอำนาจนัก แต่ความแข็งแกร่งของมันก็มากเพียงพอในการทนความร้อนที่ใช้ต้มสมุนไพรโอสถในการชำระล้างของเขา
เหนือศีรษะของหลินซวนปลดปล่อยแสงเจิดจ้าและกลิ่นหอมอันเข้มข้น เป็นการบ่งบอกว่าโอสถภายในหม้อนั้นเริ่มทำปฏิกิริยากันแล้ว
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว” หลินซวนกำลังพลิกตำราโอสถในมือไปพลางนั่งเฝ้าหม้อปรุงยาของเขา เขากำลังร่ำเรียนวิชาไปพร้อมกับการหลอมโอสถ
การตามตรง หากมีแพทย์โอสถคนใดมาเห็นสิ่งที่หลินซวนกำลังกระทำ พวกเขาต้องเกรี้ยวกราดจนกระอักเลือด!
จะมีผู้ใดในใต้หล้านี้สามารถหลอมโอสถได้อย่างทารกน้อย? นี่เขากำลังชำระโอสถหรือต้มน้ำแกงกันแน่? เขามิได้ทำให้เหล่าวัตถุดิบบริสุทธิ์เสียก่อนจะใส่มันลงไปในหม้อเสียด้วยซ้ำ และเขาจะสามารถหลอมโอสถที่ดีได้อย่างไร? นี่มันเท่ากับเป็นการสูญเสียทรัพยากรอันล้ำค่าโดยเปล่าประโยชน์ชัดๆ !
อย่างไรก็ดี หลินซวนกลับไม่ได้ใส่ใจสิ่งเหล่านั้น หากว่าสมุนไพรทั้งหลายมิได้บริสุทธิ์หรือเข้มข้นมากพอจนทำให้สรรพคุณของมันลดลง เขาก็ทำเพียงแค่ยัดพวกมันลงไปในหม้อมากขึ้นเท่านั้น
ต่อให้จะบอกว่าการใส่สมุนไพรลงไปเพิ่มเติมเท่ากับเป็นการทิ้งขว้างอย่างไรค่า เขาก็มิได้สนใจ อย่างไรเสีย เขาก็มีพวกมันมากมายเกินพอ
“หญ้าปมเหลืองทมิฬมีสรรพคุณที่อ่อนโยนที่สุด เป็นตัวประสานยาที่เป็นที่นิยมในการหลอมโอสถ และช่วยในการเร่งความเร็วกระบวนการชำระล้างของสมุนไพรล้ำค่าทั้งหลายในหม้อหลอม...”
มองขั้นตอนอันซับซ้อนทั้งหลายในตำรา หลินซวนเพียงสะบัดมือคราหนึ่งก่อนจะดึงเอาสมุนไพรอีกนับสิบอย่างออกมาจากกองทรัพยากรของเขา
สีของหญ้าปมเหลืองทมิฬนั้นเป็นสีทองเจือจางและเปล่งประกายแสงสีดำเบาบาง แต่ละต้นมีขนาดราวหนึ่งฉื่อ หากมีใครสักคนผ่าต้นหญ้านั้นดู จะได้พบเห็นของเหลวสีทองอร่ามไหลวนอยู่ภายใน กลิ่นของมันเข้มข้น ทำให้ผู้คนรู้สึกเบาสบาย
อย่างไรก็ตาม หลินซวนกลับมิได้สนใจมากนัก เขาโยนพวกมันรวมกับสมุนไพรอย่างอื่นลงหม้อไปพร้อมกัน
หากคนจากหอเทพอัคคีมาเห็นการกระทำของเขา พวกมันต้องโกรธจนกระอักโลหิต เป็นเพราะว่าการได้มาซึ่งสมุนไพรล้ำค่าเหล่านั้นเป็นพวกมันเองที่ต้องค้นหาอย่างลำบากยากเข็ญ
กล่าวตามตรงที่ การหลอมโอสถในครั้งนี้นับว่าเป็นคราแรกที่เขาทดลองหลอมมันขึ้นมา และโอสถที่เขากำลังปรุงขึ้นนับว่าเป็นหนึ่งในโอสถล้ำค่าชั้นยอด
สมุนไพรที่เขาใส่ลงไปในหม้อไปนั้นมีมูลค่ามหาศาล ตัวอย่างเช่น กล้วยไม้สวรรค์ขนนกทมิฬ หัวใจต้นบงกชสายฟ้า กิ่งไม้อัสนีสวรรค์.... เหล่านี้ล้วนถูกเขาจับโยนลงในหม้อปรุงยาราวกับว่ามันเป็นเพียงสิ่งของไร้ราคา
น้ำในหม้อยังคงเดือดปุดๆ หลินซวนนำเอาปราณม่วงในกายของตนออกมาก้อนหนึ่งก่อนจะโยนมันลงไปในกองไฟด้านล่างเพื่อให้อุณหภูมิของหม้อปรุงยาเพิ่มสูงขึ้น ไม่นานหลังจากนั้น น้ำแกงโอสถก็เปล่งประกายที่ทองเจิดจ้า พร้อมกับกลิ่นอันหอมหวน
จากนั้น หลินซวนก็โยนสมุนไพรที่เหลือลงไป ทำให้ของเหลวในหม้อนั้นยิ่งปลดปล่อยประกายแสงมากขึ้นไปอีกระดับ
อันที่จริง ขั้นตอนทุกอย่างที่หลินซวนทำนั้นมิได้ผิดพลาด หลังจากที่เขาอ่านตำราและจดจำจุดสำคัญทั้งหมดของมันได้แล้ว เขาก็ใส่สมุนไพรทั้งหลายลงไปอย่างถูกต้องตามลำดับ
เปลวไฟสีม่วงยังคงลุกไหม้ สมุนไพรทั้งหลายหลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เพียงแค่กลิ่นของมันก็เข้มข้นยิ่งนัก
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยให้มากความก็สามารถบอกได้ว่าในหม้อใบนั้นย่อมเป็นโอสถชั้นเลิศ สมุนไพรที่ถูกใส่ลงไปเต็มไปด้วยสรรพคุณที่น่าตกตะลึง และพวกมันบางส่วนยังสูญพันธุ์ไปแล้วในโลกภายนอกเสียด้วยซ้ำ
ต่อให้เป็นกองกำลังขนาดใหญ่บางส่วนก็ยังมิกล้าใช้สมุนไพรเหล่านี้ในการเติมเต็มรากฐานให้เหล่าอัจฉริยะของพวกเขา เป็นเพราะว่ามูลค่าของมันนั้นเหนือกว่าที่จะจินตนาการได้ และยังคงมีประโยชน์ในการใช้รูปแบบอื่นมากมาย
มีเพียงหลินซวนเท่านั้นที่ได้ครอบครองทรัพยากรจำนวนมากเหล่านี้และเต็มใจจะใช้มันปรุงโอสถเพื่อตนเองโดยมิได้สนใจมูลค่าใดๆ ทั้งสิ้น
อันที่จริง เป็นเพราะว่าศาสตร์ในการหลอมโอสถของหลินซวนยังมิได้ล้ำลึกมากมายนัก เขาไม่ได้ระมัดระวังในการปรุงยามากเท่าที่เหล่าแพทย์โอสถทั้งหลายกระทำ ยิ่งกว่านั้น จำนวนของพวกมันยังมีมากมายจนเขาไม่ได้สนใจใดๆ นัก
อีกทั้ง เขาไม่ได้สนใจว่าสรรพคุณของมันจะสามารถถูกขับเน้นออกมาจนถึงขีดสุดหรือไม่ เพราะต่อให้เขากินพวกมันโดยที่มิผ่านการชำระล้างหรือหลอมเป็นโอสถใดๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ยังคงทำให้ร่างกายของเขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดดอยู่ดี
จากนั้น หลินซวนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นเพื่อไปทดสอบอุณหภูมิของเหลวในหม้อ ก่อนจะนำร่างของตนลงในนั่งท่ามกลางของเหลวเหล่านั้น และปิดฝาหม้อขังตนเองไว้ภายใน
กล่าวตามตรง พฤติกรรมเช่นนี้นับได้ว่าเย่อหยิ่งและไร้ความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ยิ่งกว่านั้น หากมีผู้เชี่ยวชาญคนใดผ่านมากเห็น ย่อมต้องหัวเราะจนฟันหลุดร่วง
การกระทำของหลินซวนเป็นไปเพื่อดูดซับแก่นสรรพคุณทั้งหมดของสมุนไพรทั้งหลาย แต่มันก็ตามมาด้วยความเสี่ยงเช่นกัน มันเทียบเท่ากับการใช้ร่างกายของตนเพื่อทดสอบโอสถเหล่านั้นโดยตรง
นอกจากผู้ที่มีความแข็งแกร่งทางร่างกายอย่างถึงที่สุดแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าหาญพอจะกระทำเช่นนี้
ในเวลาเดียวกัน ข้างในหม้อใบนั้น เกิดเหตุการณ์ที่น่าตื่นตระหนกขึ้น หลินซวนตัวน้อยนั่งขัดสมาธิอยู่กลางของเหลว เส้นลมปราณของเขาเปล่งประกายแสงราวกับไร้จุดสิ้นสุด และของเหลวในหม้อก็คล้ายกับเป็นน้ำอมฤตที่แข่งกันส่องแสงเจิดจ้า!
สมุนไพรมากมายล่องลอยอยู่ในหม้อ ไม่ว่าจะเป็นหญ้าปมสีทองแก่ ขิงที่หน้าตาราวกับมังกร กล้วยไม้งดงามพร้อมด้วยกิ่งก้านของมัน กระทั่งกิ่งไม้ที่ปลดปล่อยประกายสายฟ้าออกมา...
แม้ว่าพวกมันจะล้ำค่าถึงขีดสุด แต่ก็นับว่าเป็นความเสียเปล่าอย่างสุดแสนเช่นกัน ต่อให้เป็นผู้นำของกองกำลังขนาดยักษ์ทั้งหลายมาเห็นสมุนไพรเหล่านี้ พวกมันย่อมต้องตื่นตะลึงจนไร้คำจะเอ่ย
สมบัติล้ำค่าจากธรรมชาติมากมาย ต่อให้ใช้เวลาเก็บสะสมนับหมื่นปี ก็มีโอกาสพบเจอมันในโลกภายนอกเพียงหนึ่งหรือสองชิ้นเท่านั้น และสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็คือพวกเขาย่อมต้องยกให้เพียงอัจฉริยะที่โดดเด่นและเป็นความหวังอย่างยิ่งยวดเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้ใช้งานทรัพยากรสูงค่าเหล่านี้
ในตอนนี้เอง หลินซวนที่กำลังนั่งอยู่ใจกลางหม้อโอสถ ทุกคราที่เขาหายใจ ปราณม่วงจะล่องลอยออกมา มันคือปราณม่วงจากทางตะวันออกที่เล่าขานกันมา และพร้อมกันนั้น เขาก็ใช้พลังกลืนกินของตน พลังกลืนกินดารา.. วังวนแห่งการดูดกลืนปรากฏขึ้นรอบกายและค่อยๆ ดูดซับแก่นโอสถทั้งหมดอย่างช้าๆ