เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 205
ตอนที่ 205
ทุกสิ่งนั้นเกิดขึ้นในชั่วพริบตา และเมื่อสถานการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ ลู่สีหลีเกือบต้องสิ้นชื่อลง!
ในขณะเดียวกัน ฉิงหู่และเป่ยเฉินหลานก็ประหลาดใจไม่น้อย
มิใช่ว่าเด็กน้อยผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไปหรอกหรือ?
อย่างไรก็ตามฉิงหู่มิได้อยู่ในอารมณ์จะมาขบคิดในตอนนี้ นางเปล่งเสียงเบาๆ ออกมาคราหนึ่งและพุ่งลงไปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำ เป็นเพราะลู่สีหลีที่ร่วงหล่นลงไปทำลายแมลงบางส่วน นี่จึงนับว่าเป็นโอกาสอันดีในการจับราชาแมลงตัวนั้น!
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง หลินซวนก็ได้จู่โจมเข้ามาอย่างกะทันหัน เขาซัดพลังปราณเข้าใส่ฝูงแมลงจนพวกมันตกตายลงกลายเป็นช่องว่างที่มุ่งตรงไปยังราชาของพวกมัน!
ฝูงแมลงจำนวนมากมายถึงเพียงนี้อันที่จริงแล้วนับว่าเป็นเรื่องน่าสยดสยองนัก ต่อให้เป็นยอดอัจฉริยะก็ยังเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพวกมัน ทว่าหลินซวนกลับมิได้สนใจแม้แต่น้อย เพราะสำหรับเขาแล้วแมลงเหล่านี้มิอาจนับว่าเป็นศัตรูได้เสียด้วยซ้ำ
นี่ยังไม่กล่าวถึงอัจฉริยะทั้งสองที่ช่วยเขาดึงความสนใจจากพวกมันไปส่วนหนึ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น ฝูงแมลงก็มลายหายไป ไม่ว่ามันจะทรงพลังมากเพียงใด แต่พวกมันมิอาจต้านทานการโจมตีของอัจฉริยะทั้งสามได้!
“ตอนนี้ล่ะ!”
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยประกายแสงเจิดจ้า และเสียงอัสนีคำรามก็ดังขึ้น ในชั่วพริบตา หลินซวนปลดปล่อยสายฟ้าสีทองและปราณม่วงออกมาโดยใช้ทักษะของอสูรสายเลือดมังกรตนนั้นเป็นตัวกระตุ้นก่อนจะไปโผล่อยู่เบื้องหน้าของราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำในทันที!
เขายื่นมือออกไปคว้าจับมันไว้ ก่อนพลิกข้อมือและใช้นิ้วของตนสกัดจุดราชาแมลงจนสลบจากนั้นก็โยนมันเข้าไปไว้ในแหวนมิติฉับพลัน
เมื่อฉิงหู่และลู่สีหลีได้เห็นเหตุการณ์นั้น ทั้งคู่จึงทะยานร่างตามมาอย่างเร่งรีบ!
ในดวงตาของฉิงหู่แฝงแววไม่ยินยอมอยู่บ้าง หากแต่นางก็เลือกที่จะไม่โจมตีใส่หลินซวนแต่อย่างใด
บัดนี้นางรู้แล้วว่าเด็กน้อยตรงหน้าทรงพลังแค่ไหน แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงทารก แต่ความโหดเหี้ยมและพระกำลังที่มีกลับมิได้ด้อยไปว่าอัจฉริยะไร้เทียมทานทั้งหลายแม้แต่น้อย!
ต่อให้ราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำจะล้ำค่า แต่นางไม่ต้องการจะเอาชีวิตของตนไปเสี่ยงเพื่อให้ได้มันมา ดูจากสภาพน่าอนาถของลู่สีหลีก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ดีว่าหากต่อกรกับหลินซวนแล้วจะมีจุดจบเช่นไร
ในอีกด้านหนึ่ง ลู่สีหลีนั้นศีรษะของมันปกคลุมไปด้วยเลือด ผมเผ้าจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง ร่างกายอ่อนล้าเต็มทน ชีวิตมันเฉียดใกล้ความตายเพียงเส้นผมกั้น สีหน้าของมันจึงอัปลักษณ์ยิ่งนัก!
ยิ่งกว่านั้น ในยามที่มันถูกหลินซวนเหยียบลงใบหน้าในครั้งก่อน สันจมูกของมันก็หักลงทำให้โลหิตหลั่งออกมาท่วมใบหน้าที่บวมปูดเหมือนหัวหมู ช่างน่าเวทนา!
นั่นเป็นการโจมตีที่หยามเกียรติของมันอย่างถึงที่สุด บัดนี้ลู่สีหลีต้องการจะต้องสู้กับหลินซวนจนกว่าจะตกตายกันไปข้างหนึ่ง!
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของทารกน้อยยังคงสงบนิ่ง กระทั่งปรากฏรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าคิดให้ดีเสียก่อนจะกระทำสิ่งใด หรือเจ้ามิได้เข้าใจภาษามนุษย์?”
เมื่อลู่สีหลีได้ยินประโยคของหลินซวน โทสะในใจของมันสูงเสียดฟ้า มันแทบจะพุ่งใส่ทารกเบื้องหน้าและสังหารอีกฝ่ายให้สิ้นชื่อในทันที!
ทว่า มันจำต้องข่มความโกรธแค้นในใจลง เพราะรู้ตัวดีว่าสภาพร่างกายของตนนั้นย่ำแย่เกินไป ในตอนนี้มันกำลังอยู่ในวงล้อมของทะเลอัสนีและเหนื่อยล้าเต็มกลืน หากมันโจมตีอีกครั้ง มันย่อมต้องตกตายลงในไม่ช้าก็เร็ว
หลินซวนเองก็เลือกที่จะยืนอยู่เฉยๆ เป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงสายตาของผู้คนจำนวนหนึ่งที่กำลังมองมาด้านนี้
อัจฉริยะแห่งอาณาจักรศิลาคำรามขึ้นในยามที่เขากำลังต่อสู้กับสัตว์ปีศาจทั้งหลาย แม้ว่าหลินซวนจะมิได้เกรงกลัวคนจากอาณาจักรศิลาแต่อย่างใด แต่เขาก็มิต้องการให้ผู้อื่นได้รับผลประโยชน์ดีๆ ไปเพราะเขา
ทางด้านลู่สีหลีที่กำลังเกรี้ยวกราด มันยกมือขึ้นมาปาดโลหิตที่มุมปากของตนและจากไปโดยไม่เอ่ยคำใด
เป่ยเฉินหลานและฉิงหู่เองก็จากไปเช่นกัน พวกเขาไม่ต้องการจะอยู่ใกล้หลินซวนอีกต่อไป
ส่วนหนึ่งย่อมเป็นเพราะว่าที่ขอบฟ้านั้นมีโอกาสอันล้ำค่าเฝ้ารออยู่ แม้ราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำจะล้ำค่า ทว่าสมบัติที่อยู่ไกลออกไปทางด้านของว่าที่รัชทายาทแห่งอาณาจักรศิลานั้นน่าสนใจมากกว่า
พวกเขาย่อมไม่ต้องการจะเสียเนื้อก้อนโตไปกับเศษเนื้อชิ้นเล็กเช่นราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำตัวนั้น
“พวกเจ้าสังเกตมานานพอแล้ว สมควรรีบจากไปเสีย!” หลินซวนยังคงแย้มยิ้มอย่างร่าเริง
รุ่นเยาว์บางส่วนที่กำลังลอบสอดแนมอยู่หนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจ หลังจากจดจำใบหน้าของหลินซวนได้อย่างชัดเจน พวกเขาก็เลือกที่จะถอยออกไปอย่างเงียบงัน ไม่หลงเหลือความกล้าเข้ามาแย่งชิงราชาแมลงไปจากทารกผู้นั้นแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่ามีอัจฉริยะไร้เทียมทานอยู่ผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในแดนลึกลับแล้ว ทารกที่สามารถเผชิญหน้ากับอัจฉริยะชั้นยอดถึงสามคนได้พร้อมกันและไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อยในยามปะทะกับคนเหล่านั้น!
……………
“ช่วงที่ผ่านมานี้ เหล่าสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นมากมายราวกับเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ พวกเขาเข้ามาในแดนลึกลับอย่างต่อเนื่อง เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับทารกคนหนึ่งหรือไม่? ได้ข่าวมาว่าเขาทรงพลังยิ่งนัก”
“ข้าเองก็ได้ยินข่าวลือนั้นเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุเพียงสามถึงสี่หนาวเท่านั้น ระหว่างทางที่ผ่านมา ข้าข่าวมาอีกว่าเขาเข้าปะทะกับอัจฉริยะจากตระกูลหวังแห่งอาณาเขตเหนือคราม หวังเถิงเฟย!”
“มิใช่ว่าหวังเถิงเฟยคือหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาเขตเหนือครามหรอกหรือ? ข้าได้ยินคำเล่าลือว่าเขาเป็นหนึ่งในสามผู้ทรงพลังที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์ของอาณาเขตเหนือคราม และยังนับว่าเป็นอัจฉริยะชั้นยอดที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในแดนลึกลับแห่งนี้ แล้วผลลัพธ์ของการต่อสู้นั้นเป็นเช่นไร?”
“ไม่มีผู้ใดทราบ ข้ารู้มาว่าเหล่าผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดที่เฝ้าดูสองคนนั้นปะทะกับถูกบังคับให้ต้องล่าถอยเนื่องจากความรุนแรงของการต่อกรของทั้งมากเกินไป และพวกเขาต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงมรดกที่แสนล้ำค่าชิ้นหนึ่ง!”
“ช่างน่าหวั่นเกรงยิ่ง หากพวกเราได้พบเจอสมบัติใดก็ตามในอนาคต พวกเราย่อมต้องระมัดระวังให้ดี ทว่าเหล่าอัจฉริยะทั้งสองกลับเลือกพื้นที่ซึ่งมีมรดกล้ำค่าถูกทิ้งไว้เป็นสนามรบ พวกเขามิเกรงกลัวจะถูกค่ายกลที่วางไว้ทำอันตรายจนตายหรือไร!”
“เหล่าผู้มีพรสวรรค์ช่างน่าหวาดผวา เหตุใดช่องว่างของพวกเราจึงมากมายยิ่งนัก?”
ได้ยินประโยคเหล่านั้น หลินซวนอดไม่ได้จะหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะกลายเป็นประกายสายฟ้าและหายไปจากท้องนภาในชั่วพริบตา
“ดูเหมือนว่าเสี่ยวหวงจะไปพบเจอกับหวังเถิงเฟยเสียแล้ว!”
ในตอนนี้ หลินซวนวางแผนจะตามหาเสี่ยงหวง ทว่าเขากลับมีความรู้สึกได้ว่าเด็กน้อยผู้นั้นจะเป็นฝ่ายมาพบเจอเขาเอง
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง การเดินทางสำรวจแดนลึกลับคงจะน่าสนใจยิ่งนัก...”
หลินซวนยังคงเดินทางไปทั่วทุกพื้นที่ แต่เลือกกระทำอย่างระมัดระวังและสำรวจสภาพแวดล้อมรอบด้านอยู่เสมอ
ภายในผืนฟ้า เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวปะทุขึ้น จากนั้นเขาก็มองเห็นร่างของชายหนุ่มที่ปลดปล่อยปราณกระบี่นับไม่ถ้วนออกมาจากฝ่ามือ เขาคือหลิงเจี้ยนสี ทายาทผู้สืบทอดแห่งกองกำลังขนาดใหญ่ที่กำลังปะทะกับใครสักคนอยู่!
ความปั่นป่วนรุนแรงในชั้นบรรยากาศเกิดขึ้นบริเวณนั้น... เป็นพลังที่เกิดจากผู้บ่มเพาะในชนชั้นแดนปราณสร้างรากฐานอย่างไม่ต้องสงสัย ผู้คนถึงขั้นสามารถสัมผัสได้ว่าแก่นวิญญาณ ณ สถานที่แห่งนั้นกำลังเกิดความโกลาหลและแปรปรวนอย่างยิ่ง!