เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 203
ตอนที่ 203
แม้ว่าเป่ยเฉินหลานจะยังมิได้ใช้พลังปราณหรือทักษะใดๆ ออกมา แต่ร่างของเขาก็ยังคงมีแสงสีทองบางเบาลอยวนออกมา ท่าทางองอาจและสุขุมทำให้ผู้ที่ได้มองรู้สึกมั่นใจในตัวชายผู้นี้
“สหาย กล่าวตามตรง หากราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำตัวนั้นอยู่ในเมืองของท่าน มันย่อมนำมาซึ่งปัญหาไม่รู้จบ ข้ายินดีจะมอบสมบัติระดับแก่นทองคำจำนวนหกชิ้นเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน” เป่ยเฉินหลายเอ่ย เขามิได้ขู่เข็ญหลินซวนแม้แต่น้อยทั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นทารก
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของหลินซวนแต่อย่างใด
แม้ว่าเป่ยเฉินหลานที่เป็นบุตรชายของเป่ยเฉินจ้านจะได้ยินเกี่ยวกับหลินซวนมาบ้าง แต่เขาก็พำนักอยู่ในสำนักศึกษาเซียนอมตะของอาณาเขตกลาง และไม่เคยพบเจอหลินซวนมาก่อน
แม้ว่าเป่ยเฉินจ้านจะเคยให้ภาพวาดเลียนแบบหลินซวนแก่เขา แต่ในยามนั้นหน้าตาของทารกในรูปวาดช่างดูคล้ายคลึงกันไปหมด ใครเล่าจะสามารถระบุได้?
สีหน้าของหลินซวนตอนนี้สงบยิ่ง และเขาก็มิได้ตอบคำถามของเป่ยเฉินหลานออกมา
กล่าวตามตรง ราคาที่เป่ยเฉินหลานเสมอมานั้นยุติธรรม และมิได้ทำให้หลินซวนผิดหวังแม้แต่น้อย เป่ยเฉินหลานช่างเป็นชายที่ยอดเยี่ยม และลักษณะของเขาก็คล้ายคลึงกับเป่ยเฉินจ้านยิ่งนัก
“ต้องขออภัยด้วย ข้าจำเป็นต้องมีแมลงตัวนี้”
“ช่างน่าเสียดาย” เป่ยเฉินหลานเพียงก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะถูกปฏิเสธข้อเสนอแต่ก็มิได้รู้สึกอับอายแต่อย่างใด
หากวัดกันแล้ว เป่ยเฉินหลานนับว่าแข็งแกร่งกว่าเหล่าคนจากหอเทพอัคคีมากมายหลายเท่าตัว
ทว่าเขามิได้ต้องการจะต่อสู้ เขาจึงถอยออกมาและคอยเฝ้าดู
“หากมีผู้ใดต้องการราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำ ก็ก้าวเข้ามาแล้วชิงมันไปจากข้าเอง” หลินซวนกล่าว
สีหน้าสงบนิ่ง ร่างกายปลดปล่อยแสงสว่างจนคล้ายกับว่าสามารถมองทะลุเข้าไปถึงกระดูกของเขาได้ แม้จะดูคล้ายตุ๊กตาหยกตัวน้อย แต่กลิ่นอายที่อยู่บนร่างกลับทรงพลังกล้าแข็งทำให้ผู้คนรู้สึกอับอายจากความอ่อนแอกว่า
สิ่งนี้ทำให้ทั้งสามคนที่ล้อมรอบเขาอยู่ประหลาดใจยิ่งนัก และสัมผัสได้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าราวกับเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีชีวิตผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานจนมิอาจนับได้
ต้องรู้ก่อนว่าบุคคลทั้งสามที่ยืนอยู่รอบหลินซวนนั้นเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง หนึ่งเป็นข้ารับใช้ของว่าที่รัชทายาทแห่งอาณาจักรศิลา หนึ่งเป็นเซียนหญิงในตำนานแห่งนิกายตัดสวรรค์ และคนสุดท้ายเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังจากสำนักศึกษาเซียนอมตะในอาณาเขตกลาง
หากว่าเป็นเพียงอัจฉริยะธรรมดาและต้องถูกคนทั้งสามล้มรอบ พวกเขาย่อมตื่นตระหนกจนแทบสิ้นสติ อีกทั้งคงยอมส่งมอบสมบัติทุกอย่างในมือให้คนทั้งสามไปตั้งแต่พบหน้า ไม่มีทางกล้าหาญพอจะต่อล้อต่อเถียงด้วยเช่นนี้
หากแต่เด็กน้อยตรงหน้าของพวกเขาตอนนี้ช่างสุขุมและสงบนิ่ง ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าแม้แต่น้อย
หรือเขาจะเป็นอัจฉริยะไร้ผู้ต้าน? แต่มิใช่ว่าเขายังเยาว์วัยเกิดไปหรือ? ยิ่งกว่านั้น พวกเขามิเคยได้ยินเกี่ยวกับอัจฉริยะคนใดที่มีอายุเท่านี้มาก่อน
ในตอนนั้นเอง สายฟ้าคำรนดังสนั่นขึ้นตรงเส้นขอบฟ้า ตามมาด้วยเสียงระเบิด และปราณปีศาจที่ปกคลุมท้องฟ้า!
เปลวเพลิงและประกายแสงสาดกระจายไปทั่วทุกทิศ ประกอบกับกระบี่วิเศษที่ปรากฏขึ้นมากมาย ร่างเงาที่น่าหวาดหวั่นบังเกิดขึ้นบนผืนนภาอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ครั้งมโหฬารกำลังปะทุขึ้นตรงที่แห่งนั้น!
เงาของคนผู้หนึ่งพุ่งผ่านอากาศ รูปลักษณ์ของเขาไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน แต่สามารถรับรู้ได้ถึงอักขระแห่งเต๋านับไม่ถ้วนที่เต้นระบำอยู่ กระทั่งราชวังโบราณก็ปรากฏขึ้นตรงที่แห่งนั้นราวกับว่ามันต้องการจะสยบโลกทั้งใบ!
นั่นคือตัวตนที่น่าหวั่นเกรงแห่งอาณาจักรศิลา หนึ่งในผู้มีสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์แห่งจักรพรรดิ เขากุมกระบี่วิเศษเอาไว้ในมือและกำลังต่อสู้กับบางสิ่งที่มีจำนวนมากกว่า!
ผู้คนสามารถของเห็นเงาร่างของมังกรคำรามออกมา พฤกษาโบราณที่เปล่งประกายต้นหนึ่งพุ่งขึ้นอยู่ท้องนภา แสงจากทักษะและพลังศักดิ์สิทธิ์ทุกรูปแบบกระจัดกระจายในอากาศเป็นบริเวณกว้าง!
หลินซวนสัมผัสได้ในทันทีว่าราชวังแห่งนั้นย่อมต้องมิใช่สิ่งสามัญ
ราวกับว่ามีสมบัติมากมายถูกกลบฝังอยู่ภายใน ทั้งยังเต็มไปด้วยโอกาสและมรดกตกทอดอันล้ำค่า ดังนั้นมันจึงได้ดึงดูดเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายที่อยู่ในแดนลึกลับแห่งนี้เข้าหา!
ในตอนนั้นเอง ข้ารับใช้แห่งอาณาจักรศิลา ลู่สีหลีก็เอ่ยขึ้น
“ทิ้งราชาแมลงไว้แล้วไสหัวไปซะ!”
มันมิได้อดทนอีกต่อไป และก้าวออกมาพร้อมง้างคันธนูในมือ ทั่วร่างเปล่งประกายสีม่วงเข้ม!
“เจ้าต่างหากที่ต้องไสหัวไป!”
หลินซวนรู้สึกดูถูกและรังเกียจลู่สีหลียิ่งนัก
ครั้งนี้ เป่ยเฉินหลานมิได้ห้ามปรามลู่สีหลีแม้แต่น้อย ทางด้านฉิงหู่เองก็เพียงจับตามอง และใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของนางคอยสำรวจสนามรบที่ไกลออกไป
ต้องรู้ก่อนว่าการต่อสู้ที่แท้จริงนั้นมิได้อยู่ที่ตรงนี้
ลู่สีหลีโจมตีทันทีโดยไร้สัญญาณเตือน มันดึงธนูเต็มกำลังและยิงลูกศรออกมาอย่างรุนแรง!
ตัวมันเองเชื่อว่าความแข็งแกร่งที่มันมีไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้าแห่งนี้ นอกจากนายเหนือของมันแล้ว ย่อมไม่มีผู้สามารถสยบมันลงได้ มันคือหนึ่งในอัจฉริยะไร้เทียมทาน
เจ้าเด็กสวะเบื้องหน้าซึ่งไร้ที่มากลับหาญกล้าจะต่อกรกับมัน ต่อให้ทารกบัดซบผู้นั้นจะมีพรสวรรค์อยู่บ้างแล้วอย่างไร? ชะตาลิขิตให้เด็กชายต้องตกตายลงด้วยน้ำมือของมัน และราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำเองก็ต้องกลายเป็นของมันเช่นกัน!
หลินซวนถอนสายตาออกมาจากสมรภูมิที่อยู่ไกลออกไปแล้วกวาดมองมาที่ลู่สีหลี เขามิได้แสดงท่าทีว่าจะหลบหลีกแม้แต่น้อย
ธนูลูกนั้นรวดเร็วและทรงอำนาจ มันเปล่งประกายสีม่วงเจิดจ้าดูน่าหวาดผวา!
อย่างไรก็ตาม หลินซวนกลับสามารถคว้าจับลูกธนูเอาไว้ในฝ่ามือของเขาได้
ในตอนนั้นเอง ลู่สีหลีก็กระทำบางอย่าง
ในเวลาเดียวกันกับที่มันยิงลูกศรออกมา มันก็พุ่งเข้าใส่หลินซวนพร้อมใช้กระบวนท่าไม้ตายของตน ฝ่ามือเปล่งแสงเบาบางและฟาดฟันใส่เด็กน้อยต่างคมมีด!
ทันใดนั้น โดยไร้การกล่าวเตือน ฉิงหู่ก็จู่โจมออกมาและนางทะยานออกไปคว้าจับตัวราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำ!
การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วยิ่ง ราวกับเป็นเทพเซียนที่ทั้งสง่างามและทรงพลัง
ยิ่งกว่านั้น ในตอนที่นางคว้าจับราชาแมลง นางก็กำหมัดต่อยเข้าใส่หลินซวนไปพร้อมกัน แสงหลากสีเปล่งประกายออกมา นางงมิได้ยั้งมือไว้ไมตรีแม้แต่น้อยแม้ว่าหลินซวนจะเป็นเพียงทารกผู้หนึ่งก็ตามที!
“หืม? !”
หลินซวนเลือกซัดหมัดเข้าใส่ลู่สีหลีเป็นอันดับแรกทำให้มันต้องถอยออกไปหลายก้าว จากนั้นเขาก็หันหลังอย่างฉับพลันและพุ่งเข้าใส่ฉิงหู่
ราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งสำหรับเขา เขาต้องนำมันกลับไปยังตระกูลหลินและเพาะเลี้ยงมันให้ดี ไม่มีผู้ใดสามารถจะช่วงชิงมันไปจากเข้าได้!
หลินซวนออกหมัดอีกครา กำปั้นนี้เต็มไปด้วยสายฟ้าสีม่วงเข้มที่เปล่งประกายเจิดจ้าจนท้องนภายังสั่นสะท้าน!
ฉิงหู่หันศีรษะกลับมาโดยพลัน การเคลื่อนไหวของนางสง่างามและนุ่มนวล มือของนางก่อร่างอักขระไปพร้อมกับการเคลื่อนที่ จากนั้น แสงจันทร์ก็ส่องสว่างลงมาจากฟากฟ้า!
นางสะบัดมือราวกับว่าในอุ้งมือนั้นได้กอบกุมแสงจันทราเอาไว้ ก่อนที่นางจะกระแทกฝ่ามือปะทะเข้ากับหมัดของหลินซวน!
หลังจากที่ต้องถอยหลังออกมาหลายก้าว ลู่สีหลีเองก็ทะยานร่างตามไป แสงสีม่วงจากท้องนภาส่องลงมายังร่างของมัน ทำให้ใต้หล้าสั่นไหวและความว่างเปล่าถูกฉีกกระชาก!
เสียงดังลั่นระเบิดขึ้นอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่บ่งบอกว่าการปะทะกันในครั้งนี้ตึงเครียดเพียงใด!
โดยมีทั้งสามคนเป็นศูนย์กลาง บรรยากาศรอบด้านเกิดความปั่นป่วนโกลาหล... กระทั่งผืนป่าด้านล่างไกลออกไปยังถูกทำลาย และรอยแตกปรากฏขึ้นบนภูเขา!