(ฟรี) บทที่ 44 เธอมันป่าเถื่อน!
ในสถานีตํารวจ
เฉียวเนี่ยนและเย่วั่งชวนถูกแยกออกเป็นสองห้องสอบสวน เพื่อเก็บข้อมูลในคดีนี้
เฉียวเว่ยหมินรีบจอดรถอย่างรีบร้อนเมื่อมาถึงจุดหมาย ใบหน้าของเขาแสดงถึงความโกรธจัด เขารีบเดินเข้าไปในสถานีตํารวจ แล้วคว้าตัวตํารวจคนหนึ่งไว้ทันที “คุณตำรวจ”
“มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ?” เจ้าหน้าที่ตํารวจหันไปมองชายตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ด้วยทัศนคติที่หยิ่งผยอง
ทัศนคติแบบนี้คืออะไร!
บริษัทของเฉียวเว่ยหมินประสบความสําเร็จในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเขาถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่น่านับถือที่สุดในวงแหวนรอบนอก ซึ่งเขาไม่เคยถูกปฏิบัติด้วยท่าทางแบบนี้มาก่อน สุดท้าย ก็เป็นเพราะเฉียวเนี่ยนที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาจึงบังคับตัวเองให้ฝืนยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มใจ แล้วพูดว่า “ผมขอถามอะไรคุณสักหน่อยครับ”
“คุณจับผู้หญิงที่ทะเลาะกันกลับมาด้วยใช่ไหม? ชื่อของเธอคือเฉียวเนี่ยน”
“เฉียวเนี่ยน? ดูเหมือนว่าจะมีคนชื่อนั้นกลับมาด้วย…”
“เธออยู่ที่ไหน?”
ในขณะที่เฉียวเว่ยหมินกําลังพูดอยู่ เขาก็เหลือบมองไปยังกลุ่มคนที่เดินอยู่ในทางเดินด้วยหางตา
เขาก็เห็นหญิงสาวอายุเพียงสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี เธอมีลักษณะที่โดดเด่นมาก เอวของเธอบาง ขายาว และมีผิวที่ขาว ซึ่งสามารถมองเห็นในฝูงชนได้อย่างรวดเร็ว!
เมื่อเห็นตัวต้นเหตุ เส้นเอ็นสีเขียวบนขมับของเฉียวเว่ยหมินก็เต้นอย่างดุเดือด เขาเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว และตะโกนออกไปในทันที
“เฉียวเนี่ยน!”
เฉียวเนี่ยนเพิ่งมาถึงสถานีตํารวจได้ไม่นาน และได้เข้าห้องสอบสวนเพื่อบันทึกข้อมูลในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวเธอกำลังจะไปเก็บสัมภาระ และเตรียมตัวที่จะจากไป
ทันใดนั้น เธอกลับได้ยินเสียงของเฉียวเว่ยหมิน และเมื่อเธอหันหลังกลับ ชายที่กำลังโกรธจัดก็ก้าวมาอยู่ด้านหน้าของเธอแล้ว เฉียวเว่ยหมินยังไม่พูดอะไรสักคํา แต่บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคําถาม
“เธอไปทะเลาะกับใครมา?! ช่วยหยุดทะเลาะกับใครสักคน และอย่าได้สร้างปัญหาให้กับฉันได้ไหม! แทนที่ทุกวันนี้ฉันจะได้ทำงาน แต่ต้องตามมาแก้ปัญหาให้กับเธอ!”
ดวงตาสีดำสนิทของเฉียวเนี่ยนเต็มไปด้วยความโกรธ เธอระงับอารมณ์แล้วถามชายตรงหน้าว่า “ใครเป็นคนบอกคุณ?”
เฉียวเว่ยหมินโกรธจัด ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินและสีขาวสลับกัน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยู่ข้างนอก เขาคงจะไม่ไว้หน้าเฉียวเนี่ยนอย่างแน่นอน “อยากจะรู้งั้นเหรอ? ว่าฉันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
“จะเป็นใครอีกนอกจากป้าเฉิน! ป้าเฉินโทรหาฉันเมื่อกี้ และขอร้องให้ฉันมารับเธอ”
คนๆ นั้นคือป้าเฉิน เฉียวเนี่ยนเม้มริมฝีปากของตัวเองจนแน่น
ใบหน้าของเฉียวเว่ยหมินดูน่าเกลียดมาก และไม่อยากที่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำ เขาถามขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “ทําไมวันนี้เธอถึงไปทะเลาะกับคนอื่น แล้วคนที่ทะเลาะกับเธอล่ะ ทําไมฉันถึงไม่เห็นเลย?”
## ???
ดวงตาของเฉียวเนี่ยนเต็มไปด้วยความเย็นชา และเธอก็พูดขึ้นว่า “ทะเลาะก็คือทะเลาะ คุณยังต้องดูปฏิทินเพื่อเลือกวันด้วยเหรอ?”
คําพูดพวกนี้คืออะไร!
เฉียวเว่ยหมินไม่สามารถระงับความโกรธที่กำลังปะทุในอกได้ เขาจึงพูดขึ้นทันที “ทุกวันนี้เธอเรียนได้ไม่ดีเท่าไรนัก และฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในปักกิ่งอย่างเชินเชิน อย่างน้อย เธอก็อย่าสร้างปัญหาให้ฉัน ด้วยการไปทะเลาะกับคนอื่นแบบนี้!”
เฉียวเนี่ยนมองเฉียวเว่ยหมินด้วยสายตาดูถูก ดวงตาของเธอมืดมิด หยิ่งผยองและดุร้าย แล้วพูดกับอีกฝ่ายว่า “เรื่องของเฉียวเชิน ไม่ใช่เพราะคุณหรอกเหรอ? ที่เป็นคนมองหาความสัมพันธ์ด้วยการเชิญคนๆ นั้นไปทานอาหารเย็น ก่อนที่จะฝากลูกสาวของตัวเองให้ไปเรียนที่นั่น?”
ยังมีเวลาอีกหนึ่งปีก่อนที่จะมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่เฉียวเชินกลับสามารถหาช่องทางเพื่อให้ตัวเองได้เข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว! ซึ่งมันเป็นเพียงการทดสอบความสัมพันธ์ทางประตูหลัง และบีบโอกาสที่เป็นของผู้อื่นเท่านั้น
“นี่เธอ…” เฉียวเว่ยหมินแทบหายใจไม่ออกเมื่อได้ยินประโยคนั้น ที่นี่คือสถานีตํารวจ อีกทั้งยังมีผู้คนอยู่มากมาย แต่เธอกลับพูดเรื่องแบบนั้นออกมาตรงๆ ได้ยังไง!
เขารู้สึกโกรธจนอกแทบระเบิด “นั่นเป็นเพราะเชินเชินมักมีผลการเรียนดี และเธอคิดว่าใครจะสามารถรับประกันเรื่องแบบนี้ได้งั้นเหรอ? แต่ถ้าหากเป็นเธอ ฉันจะมองหาความสัมพันธ์ให้เอง เธอสนใจไหม?”
คะแนนของเฉียวเนี่ยนอยู่ในระดับทั่วไปของโรงเรียนวงแหวนรอบนอก เธอเพียงสอบได้แค่โรงเรียนมัธยมต้น และในโรงเรียนมัธยมต้นของเธอก็อยู่ปลายแถวอีกต่างหาก
ในอนาคต เธออาจจะสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยไม่ได้ และยังไม่รู้อีกว่าจะลงเอ่ยแบบไหน!
มันสิ้นหวังมาก!
เขากลัวว่าเฉียวเนี่ยนจะพูดอะไรที่ไม่สมควรพูดขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตาม การแนะนำเฉียวเชินเพื่อฝากให้เธอได้เข้าเรียนที่นั่น ก็ค่อนข้างน่าอับอายจริงๆ เฉียวเว่ยหมินจึงระงับความโกรธ และหันไปสร้างความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ตํารวจข้างๆ เขาแทน “สวัสดีครับ ผมเป็น…”
แต่เมื่อเขาคิดถึงสิ่งที่เฉียวเนี่ยนก่อขึ้น สีหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวจนน่าตลก และเขาก็ไม่ต้องการยอมรับว่าตัวเองมีความสัมพันธ์กับเฉียวเนี่ยน “ผมเป็นพ่อของเธอ”