(ฟรี)บทที่ 599 ลูกชายหล่อขึ้น
เธอไม่คิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่ ซูจิ่วรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที
ไม่ได้เจอกันเป็นเวลาครึ่งปี ลูกของเธอหล่อขึ้นมากไม่เหลือความเป็นเด็กเลย แต่ก็ยังดูอ่อนเยาว์อยู่ ดูแล้วเหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อย น่าจะประมาณ 160 เซนติเมตรใช่ไหมนะ?
อายุเพียงแค่สิบสองปียังสูงขนาดนี้ ในอนาคตคงจะสูงมากกว่า 180 เซนติเมตรอย่างแน่นอน
อย่างที่ในนิยายได้เขียนเอาไว้ เจ้าพ่อวายร้ายสูง 188 เซนติเมตร มีสัดส่วนและความสูงที่สมบูรณ์แบบโดยเฉพาะขาเรียวยาวคู่นั้น เขาดูเหมือนกับรูปปั้นเดินได้!
ในใจของซูจิ่ว เธอเริ่มจินตนาการว่าเมื่อวายร้ายน้อยโตขึ้นเขาจะมีหน้าตาเป็นยังไง
แต่มันช่างยากเกินไป ในนิยายเขาถูกบรรยายไว้ว่ามีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาดั่งปีศาจจิ้งจอกหนุ่มพันปี เธอจินตนาการไม่ได้จริงๆ
มีผู้คนมากมายในซูเปอร์มาร์เก็ต ซูจิ่วและซูเชิ่งจิ่งสวมหน้ากากและหมวกเพื่อปกปิดหน้าตา ความสนใจทั้งหมดของหรงซื่ออยู่ที่สตรอเบอร์รี่ทำให้ไม่ได้สังเกตเห็นพวกเขา ไม่นานเขาก็ผลักรถเข็นช็อปปิ้งเดินต่อ และหันหลังกลับมาจ้องมองสตรอเบอร์รี่อีกครั้งก่อนจะเดินจากไป
เมื่อเห็นว่าเขากําลังจะจากไป ซูจิ่วรีบดึงมือของซูเชิ่งจิ่งทันที "ป๊ะป๋า หนูเห็นพี่ชายด้วย พวกเรารีบไปหาเขากันเถอะ!"
"หือ❓" ซูเชิ่งจิ่งหันไปมอง และแน่นอนว่าเขาเห็นหรงซื่อท่ามกลางผู้คนมากมายเหล่านั้น
คงต้องบอกว่าเจ้าหนุ่มน้อยนี่ดูดีมาก อาจเป็นเพราะเขามาจากครอบครัวที่มั่งคั่ง แม้ว่าเขาจะออกจากตระกูลหรงมาเป็นเวลานานแต่เขาก็ยังมีกลิ่นอายของความสูงส่ง เมื่อเทียบกับภูมิหลังและคนรอบข้างเขาแล้วคนพวกนั่นช่างดูน่าเกลียดและน่าหงุดหงิด...
ช่างโดดเด่นจากฝูงชนจริงๆ
เพราะแบบนั้นนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เห็นเขาแม้จะอยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมาย
ซูจิ่วผละออกจากซูเชิ่งจิ่งแล้วเดินไปหาหรงซื่ออย่างรวดเร็ว เข้าหาเขาอย่างเงียบ ๆ
เมื่อเดินมาถึงด้านหลังของเขา เธอเอื้อมมือออกไปปิดตาเขาทันทีและพูดด้วยน้ำเสียงที่กดลงต่ำว่า "ทายสิว่าฉันเป็นใคร~"
หรงซื่อพูดโดยไม่ลังเลว่า "เสี่ยวจิ่ว "
ซูจิ่ว "...??"
ไม่จริง เขาตอบโดยไม่คิดเลยหรอ?
เธอยังคงกดเสียงต่อไปและพูดว่า "ผิดแล้ว!"
หรงซื่อยังคงแน่วแน่ "เป็นไปไม่ได้"
“ไม่สงสัยเลยเหรอ แบบนี้ไม่สนุกเลย” ซูจิ่วลดมือลงอย่างเศร้าสร้อย
หรงซื่อหันหลังกลับมา ทันใดนั้นซูจิ่วก็ได้สบตากับดวงตาคู่หนึ่งที่ลึกล้ำและสวยงามราวกับจักรวาลที่มีดวงดาวนับพันดวง
ในชั่วพริบตานั้นเอง หัวใจของเธอดูเหมือนจะถูกบางสิ่งกระแทกเข้าอย่างแรง หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้นและหูของเธอก็อุ่นขึ้นเล็กน้อย
ความรู้สึกนี้คุ้นเคยมาก
เธอจำได้ นี่เป็นความรู้สึกที่น่าทึ่งมาก!
ถูกต้องมันน่าทึ่งมาก
เธอช่างไร้ยางอายเหลือเกิน กลับถูกเจ้าเด็กนี่ทำให้ประหลาดใจอีกแล้ว
ทันใดนั้นซูจิ่วก็คิดว่าหากวายร้ายน้อยเติบโตขึ้นมาดูดีตามที่บรรยายไว้ในนิยาย เธอคงจะกรีดร้องว่า “กรี๊ด พี่ชาย!” ทุกครั้งที่เห็นเขาแบบเดียวกับพวกแฟนคลับสาวๆ ตัวน้อยที่ชอบไล่ตามดารา
“พี่ชาย นายจำฉันได้ยังไง? ฉันไม่ได้บอกนายว่าฉันจะมาที่นี่วันนี้สักหน่อย และฉันก็ยังแอบเดินมาอย่างเงียบๆ ด้วย!” เขาคงไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำ
หรงซื่อเหลือบมองไปยังชั้นวางข้างๆ ซูจิ่วก็หันไปมองตามทันที
ชั้นวางเรียงรายไปด้วยกระจกบานเล็ก ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจทันทีว่าวายร้ายน้อยอาจจะเห็นเธอผ่านกระจกพวกนั้น แต่ยังไงก็ตามเธอทั้งสวมหมวกและหน้ากาก แถมยังแต่งตัวมิดชิดมาก เขาสามารถจดจําเธอได้ยังไง?
ใช่ไหมล่ะ?
ซูจิ่วอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง "พี่ชาย แต่งแบบนี้ก็ยังจำฉันได้เหรอ?"
พูดตามหลักเหตุผลน่าจะยาก เพราะทุกครั้งที่ป๊ะป๋าใส่หน้ากากและหมวกก็ไม่มีใครจำป๊ะป๋าได้เลย
หรงซื่อมองไปที่เธอและพยักหน้าอย่างจริงจัง "อือ""
แม้ว่าจะผ่านมาเป็นเทอมแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เห็นเธอ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นยังไง แต่เขาก็สามารถจดจำเธอได้ทันทีอย่างง่ายดาย
บทที่ 600 เมื่อโตขึ้นฉันจะแต่งงานกับเธอ
เขาแอบคาดหวังว่าเธอจะมา และจู่ๆ เธอก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา แม้ว่าเขาจะไม่ทันตั้งตัวแต่นี่ก็ทำให้เขามีความสุขมาก รู้สึกดีกว่าไปสอบในเมืองเสียอีก
ซูจิ่วดึงหน้ากากลง เธอยิ้มให้เขา "พี่ชาย นายจะเก่งเกินไปไหม?"
หากไม่คุ้นเคยกับใครคนนั้นมากพอ คาดว่าไม่มีทางที่จะจดจำอีกฝ่ายได้ด้วยเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีแน่นอน
ดูเหมือนว่าถึงแม้จะต้องแยกจากกัน แต่ลูกก็ยังจดจำเธอได้ ทันใดนั้นหัวใจของซูจิ่วก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
หรงซื่อจ้องมองไปที่รอยยิ้มอันแสนหวานของเธอเช่นเคย และดวงตาของเขาก็ลึกล้ำขึ้นเล็กน้อย
เด็กหญิงตัวเล็กในชุดเดรสสีขาว พร้อมกับกิ๊บติดผมสตรอเบอร์รี่ตรึงไว้กับผม ผิวขาวเนียนอ่อนโยน แก้มอมชมพูจางๆ ดูสุขภาพดี ดวงตากลมโตในตาสุกสกาว ขนตาหนางอนยาวราวกับตุ๊กตา
เธอยังคงน่ารักเหมือมเดิม
“พี่ชาย เพื่อเป็นรางวัลที่นายจดจำฉันได้ ฉันจะให้ของขวัญกับนาย!” หลังจากที่ซูจิ่วพูดจบ เธอก็ใส่หน้ากากกลับเหมือนเดิมและวิ่งออกไปท่ามกลางสายตาที่กำลังสงสัยของเขา
เธอกลับมาพร้อมกับสตรอเบอร์รี่สองกล่องในมือ "พี่ชาย นี่ให้นาย"
หรงซื่อกะพริบมองเธอ เธอให้สิ่งนี้แก่เขาเพราะเห็นว่าเขาหยุดดูสตรอเบอรี่เมื่อครู่นี้งั้นเหรอ?
"ขอบคุณนะ" หรงซื่อไม่ได้ปฏิเสธ เขาเอื้อมมือออกไปรับมันมา
ขณะนั้นเอง เขาก็เห็นซูเชิ่งจิ่งที่ตามมา และเห็นว่าเขากำลังมองมาที่ตัวเองด้วยใบหน้าที่ไม่มีความสุข ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ
## ขอยอดหน่อยน๊าา เสี่ยวจิ่วไม่มีเงินกินข้าวแล้ว
ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบตัวเองเท่าไหร่ และไม่ต้องคิดมากก็รู้ว่าเป็นเพราะเสี่ยวจิ่ว
ยังไงก็ตาม หรงซื่อไม่คิดที่จะถอย ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าใครจะคิดยังไงเขาก็ไม่สนใจใจ เขาไม่อยากเสียเพื่อนตัวน้อยอย่างเสี่ยวจิ่วไป
และเขาไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนกับเธอ
เมื่อเขาโตขึ้น ถ้าเธอต้องการ เขาจะแต่งงานกับเธออย่างแน่นอน
หรงซื่อมีสีหน้าปกติและพูดอย่างสุภาพว่า "สวัสดีครับคุณลุง"
“อืม” ซู่เซิงจิงตอบอย่างสบายๆ
แม้ว่าเด็กคนนี้จะเคยช่วยชีวิตเสี่ยวจิ่ว แต่เขาก็เป็นหนึ่งในไอ้สารเลวที่ต้องการลักพาตัวลูกสาวไปจากเขา ซูเชิ่งจิ่งไม่สามารถยอมรับได้
ตอนเด็กไม่จำเป็นต้องระวังอะไร แต่ตอนนี้เด็กนี่โตขึ้นแล้วต้องระวังเอาไว้
ซูจิ่วมองกลับไปที่ซูเชิ่งจิ่งด้วยสีหน้าบึ้งตึงแล้วพูดขึ้นว่า "ป๊ะป๋า ทำดีๆ กับพี่ชายสิ อย่าใจร้ายกับเขา"
ซูเชิ่งจิ่ง "...??"
เกิดอะไรขึ้น? เขาไปปฏิบัติต่อเด็กนั้นไม่ดีตอนไหน?
ไม่ชอบที่เขาเพิกเฉยต่อเด็กนั้นอย่างงั้นเหรอ?
ซูเชิ่งจิ่งรู้สึกชอกช้ำ หัวใจของคนเป็นพ่อแตกสลาย เขาทํางานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกสาว แต่ดันกลายเป็นถูกหันศอกใส่*งั้นเหรอ?
( *往外拐 แปลว่าหันศอกใส่ หมายถึง การเห็นคนอื่นดีกว่า )
ซูเชิ่งจิ่งไม่อยากจะเชื่อ เขาแอบมองไปยังที่หรงซื่ออย่างลับๆ
หรงซื่อแสร้งทำเป็นไม่เห็น แต่พูดด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะอยู่รอดว่า “ลุงปฏิบัติต่อฉันอย่างดีมาก เขาไม่เคยทำไม่ดีกับฉันเลย”
เขาเคยเจอคนในออนไลน์พูดว่า ถ้าคุณเจอผู้หญิงที่คุณชอบและอยากแต่งงานกับเธอ คุณต้องไม่เพียงทำให้ผู้หญิงชอบตัวเองเท่านั้น แต่ยังต้องทำให้ครอบครัวของเธอชอบคุณด้วยโดยเฉพาะพ่อแม่ของเธอ
เขาไม่รู้วิธีทำให้คนอื่นพอใจ และเขาก็ไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องทำ แต่ยังไงก็ตามเขาต้องการให้พ่อของน้องสาวเสี่ยวจิ่วเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขา และไม่ต้องการให้เขาเกลียดตัวเอง
ซูเชิ่งจิ่งเลิกคิ้วขึ้น เด็กนี่เป็นคนดีแถมยังฉลาดมากด้วย นับว่าน่าสนใจดี
ซูจิ่วหันกลับมามองเขาอีกครั้ง เธอยิ้มให้หรงซื่อและพูดว่า "พี่ชายฉันขอไปบ้านของนายได้ไหม? ฉันคิดถึงอาหารฝีมือของป้าซ่งมากๆ เลย"
หรงซื่อมองไปที่เธอ พยักหน้าและพูดว่า "แน่นอนได้สิ ถ้าหากว่า… เธอไม่รังเกียจ"
ขณะที่พูดเขาก้มหน้าลงราวกับเขินอาย
เมื่อเทียบกับบ้านของเธอ สภาพครอบครัวเขาอาจกล่าวได้ว่ายากจนมาก