บทที่ 77: อาวุธลับของไป๋ฮ่าวหยู, ศิลาเซียนอมตะวิญญาณสายฟ้ารูปร่างมนุษย์[ฟรี]
ว่ากันว่าคนธรรมดาจะดูการแสดง แต่ผู้เชี่ยวชาญจะเห็นกลอุบาย แม้ว่าอาวุธในเตาหลอมของอู๋เย่เฉินจะยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่ไป๋ฮ่าวหยูก็รู้สึกถึงภัยคุกคามที่อธิบายไม่ได้
“ไม่! ข้าต้องขัดเกลาก่อนที่เขาจะทำเสร็จ”
เขา ไป๋ฮ่าวหยูจะต้องเป็นคนแรกที่ประสบความสำเร็จในการขัดเกลาอาวุธ
ไม่ใช่แค่ต้องทำให้มันดูน่าประทับใจเท่านั้น ความสำคัญของมันคือทุกครั้งที่อาวุธทรงพลังได้รับการขัดเกลาสำเร็จแล้ว มันจะส่งผลต่อตัวอ่อนที่ยังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างอย่างแน่นอน
ไป๋ฮ่าวหยูสามารถเพิกเฉยต่อกู่ซีได้ แต่สำหรับอู๋เย่เฉินเป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งของเขา เพราะท้ายที่สุดอู๋เย่เฉินเป็นลูกหลานของอู๋เย่ซื่อ เขาถือเป็นภัยคุกคามก็ยิ่งใหญ่ที่สุด
ถ้าเขาสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อบดขยี้อู๋เย่เฉิน มันจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรือไม่ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถบดขยี้อู๋เย่เฉินได้ เขาก็ยังสามารถขัดขวางการขัดเกลาอาวุธของอู๋เย่เฉินได้ หลังจากนั้นเขาจะก็จะได้รับอันดับหนึ่งในด้านการขัดเกลาอาวุธอย่างแน่นอน
ไป๋ฮ่าวหยูอดไม่ได้ที่จะรีบเร่งขัดเกลาอาวุธของเขาให้เร็วขึ้น ตอนนี้ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดโดยอู๋เย่เฉิน จากนั้นสายตาของพวกเขาก็กลับมาที่ไป๋ฮ่าวหยู
แม้ว่าเตาหลอมของเขาไป๋ฮ่าวหยูจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับเตาหลอมสวรรค์และโลกของอู๋เย่เฉินได้ แต่มันก็ยังเป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์ที่หายากและล้ำค่ามาก มันเป็นสมบัติที่ตระกูลไป๋ใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อค้นหามัน
ตอนนี้ปรากฏลูกบอลแสงเคลื่อนที่ขึ้นลงจากนั้นมันค่อยๆ แข็งตัว เมื่อไป๋ฮ่าวหยูเห็นสิ่งนี้เขาก็โยนสมบัติล้ำค่าและหายากทั้งหมดลงไปราวกับว่าพวกมันเป็นอิสระ
“น้ำอสูรเก้าเยือกเย็น! ศิลาหิมะสีทองม่วง! ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เย็นสุดขั้ว!”
วัสดุที่หายากล้ำค่ามากมายถูกโยนลงไปในเตาหลอม บางคนที่เป็นได้แค่ผู้ชมพวกเขาอดไม่ได้ที่มีสีหน้าเจ็บปวด ตอนนี้พวกเขาได้แต่ถอนหายใจ
“มีเพียงตระกูลไป๋เท่านั้นแหละที่สามารถใช้วัสดุที่หายากล้ำค่าได้มากขนาดนั้น หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายเช่นนี้”
ส่วนที่น่าตกใจที่สุดคือไป๋ฮ่าวหยูดูเหมือนจะตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว เขาได้หยิบหินสีม่วงกำมือหนึ่งขึ้นมาหินนี้ได้ปล่อยสายฟ้าเล็กๆ ออกมารอบๆ ตัวของมัน ในตอนที่พวกมันถูกโยนเข้าไป ได้มีสียงแตกดังกึกก้องไปทั่ว
ทันใดนั้นเสียงฟ้าร้องที่ดังก้องอยู่บนท้องฟ้ามันมีเสียงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแถวนี้
แหละตอนนี้มีคนอุทานขึ้นด้วยความตกใจ “นั้นมันศิลาวิญญาณสายฟ้า!”
หินเหล่านี้ดูดซับแก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ และมันได้มีพลังแห่งสายฟ้าอันทรงพลังเกิดขึ้น ศิลาวิญญาณสายฟ้านี้หายากมากและยากที่จะกำเนิดขึ้นมาได้ มันเป็นหนึ่งในสิ่งของที่มีต่อให้ใช้หินวิญญาณจำนวนมากก็ไม่สามารถหาซื้อได้ แต่ทว่าไป๋ฮ่าวหยูสามารถหยิบมันออกมามากมายในคราวเดียว พวกมันถูกเอาออกมากองรวมกันเป็นภูเขาเล็กๆ
“สวรรค์นั้น… ศิลาวิญญาณสายฟ้ามากมายขนาดนี้ ไป๋ฮ่าวหยูพยายามจะทำอะไรกันแน่?”
ทั้งหมดนี้ไม่น่าแปลกใจเลย
จากนั้นไป๋ฮ่าวหยูหยิบศิลาวิญญาณสายฟ้าขนาดเท่ากำปั้นออกมา ซึ่งมันมีรูปร่างเหมือนเด็กทารก ตอนนี้ทุกคนต่างตกตะลึง พวกเขาพูดตะกุกตะกักว่า “ทำไม... เขามีศิลาเซียนอมตะวิญญาณสายฟ้านี้ได้อย่างไร...”
หินอมตะนี้นั้นหนาเพียงนิ้วโป้ง มันจะเติบโตขึ้นหลังจากผ่านไปร้อยปี กว่ามันจะเติบโตได้ขนาดนี้ มันจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามพันปี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหมื่นปี และยิ่งกว่านั้นมันได้กลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว!
“ข้าเกรงว่าศิลาเซียนอมตะวิญญาณสายฟ้านี้จะกลายเป็นมนุษย์แล้ว”
หากสามารถผ่านความทุกข์ทรมานจากสวรรค์ได้สำเร็จ หินก้อนนี้ก็จะสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะท้ายที่สุดแล้วมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับพืชและสัตว์ที่จะฝึกฝนได้ และน้อยนักที่สิ่งเหล่านี้จะมีสติสัมปชัญญะขึ้นมาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบางสิ่งที่ไม่มีชีวิตอย่างหิน
ใครๆ ก็สามารถจินตนาการได้ว่ามันเป็นเรื่องยากขนาดไหน พูดได้ว่ามีโอกาสเพียง 1 ใน 10,000 เท่านั้นดังนั้นศิลาเซียนอมตะวิญญาณสายฟ้าที่มีรูปร่างเหมือนทารกมนุษย์เป็นจึงเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง หากสามารถฝึกฝนให้เต็มศักยภาพ มันจะเป็นสิ่งของที่เกิดจากความโชคดีของสวรรค์และโลกอย่างแน่นอน
“ถ้าใช้ที่นี่มันจะไม่เสียเปล่าหรือ”
“แต่ในทางกลับกันพลังวิญญาณในนั้นมันสามารถพิ่มคุณภาพของอาวุธได้หลายระดับเลยนะ และนอกจากนี้แล้ว เนื่องจากหินก้อนนี้กำลังจะเกิดสติ หากโชคดีล่ะก็อาจมีวิญญาณในตอนที่อาวุธได้รับการขัดเกลาแล้ว”
“ข้าคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ไป๋ฮ่าวหยูเลือกที่จะใช้ศิลาเซียนอมตะวิญญาณสายฟ้าอันล้ำค่านี้”
นี่คืออาวุธลับของไป๋ฮ่าวหยู ซึ่งตอนนี้แม้แต่อู๋เย่เฉินก็เหลือบไปมอง
"ไป!"
ไป๋ฮ่าวหยูไม่ลังเลที่จะโยนศิลาเซียนอมตะวิญญาณสายฟ้าเข้าไปในเตาหลอม เสียงฟ้าร้องกึกก้องใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ราวกับว่ามันระเบิดอยู่ข้างหูของเขา และราวกับว่ามันเป็นเสียงร้องไห้ของทารกดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
เมฆมืดครึ้มมารวมกันบนท้องฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนสัมผัสได้ถึงออร่าที่ไม่สบายใจ เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ ไป๋ฮ่าวหยูสร้างขึ้นนั้นไม่ใช่ของที่ธรรมดา
ด้วยการเพิ่มศิลาเซียนอมตะวิญญาณสายฟ้าเข้าไป ลูกบอลแสงนั้นเริ่มสั่นไหวราวกับว่าในที่สุดมันก็เสถียร รูปร่างของมันไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไป แต่มันกลับเรียวยาวเหมือนมังกรว่ายอยู่ในอากาศ
“นี่มันอาวุธอะไร”
“ดูจากรูปร่างของมันแล้วมันควรจะเป็นอะไรอย่าง มีด หอก ดาบ มันควรจะเป็นพวกนี้ค่อนข้างสูง”
“นี่คือการแข่งขันด้านจิตวิญญาณของอาวุธ ไม่ว่ามันจะสามารถสะท้อนกับภูเขาดาบได้หรือไม่? ไม่ว่ามันจะเป็นอาวุธชนิดใด แต่มันต้องทำให้ภูเขาดาบตอบสนองอย่างแน่นอน”
“แต่ตามชื่อของภูเขาดาบบางทีมันอาจจะดีกว่าหรือไม่ถ้าขัดเกลาดาบ”
ทุกคนเดาว่าอาวุธชนิดใดที่ไป๋ฮ่าวหยูจะสร้างขึ้นมา
ครืนๆ! เปรี้ยง!
ทันใดสายฟ้าได้ฟาดลงมา ทำให้ทุกคนตกตะลึงเมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไม่รู้ว่าเมื่อฟ้าผ่าหนาทึบบนท้องฟ้า มันได้แยกเขี้ยวของมันและกวัดแกว่งกรงเล็บในขณะที่มันจ้องมองไปที่ทุกคน ทุกคนในที่นี้รู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก
สายฟ้ายาว 300 เมตรกลายเป็นสัตว์ร้ายกลืนกินสวรรค์ที่คำราม กรงเล็บขนาดมหึมาของมันแทงทะลุท้องฟ้า ทำให้เกิดหุบเหวลึกนับไม่ถ้วน ตอนนี้ท้องฟ้าดูเหมือนจะกลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน และเผยให้เห็นพลังอันทรงพลังที่กดขี่ทุกคนจนแทบหายใจไม่ออก
“กะ-เกิดอะไรขึ้น”
“ดูที่หัวสัตว์ร้ายนั่นสิ!”
บางคนคนตาแหลมสังเกตเห็นว่าหัวสัตว์ร้ายมันกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกับไป๋ฮ่าวหยู
สัตว์ร้ายที่กลืนกินสวรรค์นั้นแท้จริงแล้วก่อตัวขึ้นจากสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน ร่างกายของมันดูเหมือนจะเป็นทางผ่านในอีกมิติหนึ่ง และบางครั้งได้มีแสงลึกลับผ่านเข้ามา
แสงสีขาวดั้งเดิมมันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม แล้วก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม อันที่จริงมันค่อนข้างจะดูคล้ายกับสีของมังกรสายฟ้า หรืออาจกล่าวได้ว่ามันกำเนิดมาจากที่เดียวกัน