612 - ตำหนักสูงสุด
1922 - ตำหนักสูงสุด
สือฮ่าวตรวจสอบอย่างรอบคอบครั้งแล้วครั้งเล่ารู้สึกว่าของทั้งสองคล้ายกันมากเกินไป เมื่อสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเขาได้บดขยี้แผนภาพหมื่นวิญญาณที่อยู่ในมือ
ท้ายที่สุดมันก็ยังไม่แตก ด้วยความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบันของสือฮ่าวยังไม่สามารถทำลายมันได้
“มันคล้ายกันมาก!”
สือฮ่าวสงสัยว่าชิ้นส่วนกระดูกนี้อาจเป็นวัสดุเดียวกันกับแผนภาพหมื่นวิญญาณ
หากความสงสัยของเขาถูกต้องกระดูกชิ้นนี้เพียงอย่างเดียวก็มีค่าอย่างไม่สิ้นสุดสามารถขัดเกลาให้เป็นสมบัติล้ำค่าได้!
หากไม่ใช่เพราะกระดูกชิ้นนี้มีขนาดเล็กมากเกินไปมันจะมีลักษณะเดียวกันกับแผนภาพหมื่นวิญญาณอย่างไม่ผิดเพี้ยน
สือฮ่าวมั่นใจมากว่าของทั้งสองชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากคนคนเดียวกัน
“น่าเสียดาย!” สือฮ่าวลูบไล้กระดูกชิ้นนี้
เขาหันไปรอบๆพร้อมกับแสดงญาณวิเศษอันล้ำค่าของราชาราชาอมตะหกสังสารวัฏ
ทันใดนั้นกระดูกชิ้นเล็กๆก็เปล่งประกายออกมาทันทีกลายเป็นพราวพร่างด้วยแสงเจิดจ้า
“ยี่?”
จูเหยียนตกใจและกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น ในตอนนั้นที่มันได้ครอบครองของวิเศษชิ้นนี้มันก็ไม่สามารถค้นหาอะไรได้ แต่ตอนนี้ในมือของสือฮ่าวมันแสดงการเปลี่ยนแปลงออกมาได้จริงๆ
“ข้าเห็นว่ามันมีหกด้านจึงได้ลองดูไม่คิดว่าจะประสบผลสำเร็จจริงๆ” สือฮ่าวกล่าว
จริงๆแล้วเขาแค่ขี้เกียจอธิบายเท่านั้น ความจริงก็คือของชิ้นนี้มันมีพลังบางอย่างที่กระตุ้นญาณวิเศษหกสังสารวัฏของเขา
ชิ้นส่วนกระดูกสีขาวบริสุทธิ์ทั้งหกด้านเปล่งเสียงที่ชัดเจนจากนั้นก็เปิดออกด้านหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นฝาครอบ มันหลุดออกจากชิ้นกระดูกเผยให้เห็นฉากภายใน
นักบุญหงส์ถอนหายใจและพูดว่า “สมบัติชิ้นนี้มีผลกรรมกับตัวเจ้ามาโดยตลอด แม้ว่าข้าจะศึกษามาเป็นเวลานานก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่เมื่ออยู่ในมือของเจ้ากลับสามารถค้นหาความลับของมันได้ทันที”
แสงหลากสีริบหรี่อยู่ภายใน นี่เป็นสิ่งเก็บของเชิงพื้นที่ชนิดหนึ่ง? มันดูเล็ก แต่ข้างในให้ความรู้สึกกว้างขวางราวกับว่าเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ข้างในมีหนังสัตว์ร้ายอยู่สองสามแผ่นซึ่งเก่าแก่และเต็มไปด้วยคราบเลือด ไม่ทราบว่าผ่านระยะเวลามานานมากเท่าไหร่แล้ว
ในช่วงเวลานี้ความรู้สึกบางอย่างภายในร่างกายของสือฮ่าวก็ยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้น เขาไม่สามารถสงบลงได้ความกระวนกระวายใจเข้ากลุ่มจิตใจของเขา
“มันคืออะไรกันแน่!”
สือฮ่าวรู้สึกหวั่นไหวอย่างไม่น่าเชื่อในขณะที่ศึกษาหนังสัตว์ร้ายพวกนั้นก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความยินดี
“ฮ่าๆๆ ในที่สุดข้าก็พบมัน”
ในอดีตเขาค้นหาอย่างขมขื่น แต่ก็ไม่พบอะไรเลย แต่ตอนนี้มันปรากฏออกมาแล้ว
นี่คือมรดกของตำหนักสูงสุด!
ในขณะเดียวกันภายในนั้นมีการบันทึกวิชาลับประจำสำนักไว้อย่างชัดเจน!
นี่เป็นคัมภีร์โบราณ นอกเหนือจากวิชาหกสังสารวัฏแล้วยังมีญาณวิเศษล้ำค่าอีกหลายอย่างเช่นตระกูลเฮ่า ตระกูลนกหลวน ตระกูลไป๋เฟิง
ในจำนวนนี้ญาณวิเศษหกสังสารวัฏถือได้ว่าล้ำค่ามากที่สุด!
“ในที่สุดข้าก็พบศิลปะสวรรค์ดั้งเดิม!”
สือฮ่าวเคยได้รับคัมภีร์ประเภทนี้จากเหมืองโบราณต้นกำเนิด แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวิธีการประสานอินเท่านั้นไม่ได้มีแผนผังการเคลื่อนย้ายพลังที่สมบูรณ์
อย่างไรก็ตามวิธีการประสานอินทั้งหกนั้นก็ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อมันสามารถช่วยชีวิตเขามานักต่อนักแล้ว
นั่นคือเหตุผลที่สือฮ่าวสามารถแสดงพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อใช้มัน
อย่างไรก็ตามมันเป็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์และในขั้นตอนสุดท้ายมักจะไม่สามารถสังหารศัตรูได้ทันเวลา
ในอดีตเขาเคยใช้ญาณวิเศษชนิดนี้ต่อสู้กับศิลปะโบราณชนิดอื่นโดยไม่ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ นั่นย่อมแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของมันแล้ว!
หากเขาเผชิญหน้ากับศัตรูจากอดีตอีกครั้งเมื่อแสดงญาณวิเศษชนิดนี้
เขาจะต้องครอบงำพวกมันสังหารเทพประหารพุทธะอย่างแน่นอน ใครก็ตามที่กล้าท้าทายเขาจะต้องถูกปราบและสังหารอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!
สือฮ่าวยืนอยู่ในถ้ำโบราณพร้อมกับประสานอินอย่างต่อเนื่อง สัญญาณมือหกประเภทถูกแสดงออกมาอย่างรวดเร็วและเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันคล้ายกับการจุติของเต๋าอันยิ่งใหญ่ที่สามารถดูดกลืนทุกอย่างเข้าไปในหลุมดำ
ในที่สุดเศษเสี้ยวแห่งกาลเวลาก็ปรากฏออกมานับเป็นภาพที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง
ฉากแปลกประหลาดทุกประเภทปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่คือการกลับชาติมาเกิดของหกเต๋าอมตะอย่างแม่นยำ พลังของมันถูกรวมอยู่ภายใน
ในท้ายที่สุดการแสดงออกของสือฮ่าวก็ดูเคร่งขรึมและดึงตราประทับของพลังศักดิ์สิทธิ์กลับคืนเข้าสู่ร่างกาย
นี่เป็นญาณวิเศษประเภทสนับสนุนที่ล้ำค่า มันผสมผสานญาณวิเศษล้ำค่าหลายประเภทซ้อนทับกันก่อให้เกิดความแข็งแกร่งที่น่ากลัวยิ่งขึ้น
หากพลังประเภทนี้ถูกปลดปล่อยออกมาก็ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้!
ในวันต่อมาสือฮ่าวได้ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับญาณวิเศษหกสังสารวัฏอย่างเต็มที่
นี่คือญาณวิเศษที่ไม่มีใครเทียบสำหรับสือฮ่าวนี่ถือว่าเป็นวิชาล้ำค่ามากที่สุดสามอันดับแรกของเขาเลย
ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันวิชาโบราณที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถตกทอดมาถึงปัจจุบันนี้เหลือน้อยมาก ตอนนี้สือฮ่าวได้รับวิชาโบราณที่ไม่มีใครเทียบได้มาครอบครองแล้ว!
ไม่ต้องกล่าวถึงญาณวิเศษชนิดอื่น ต่อให้เป็นมรดกโบราณของผู้คนจากอาณาจักรเซียน สือฮ่าวก็มั่นใจว่าอยากจะมีคนที่ทัดเทียมกับเขาได้
แม้ว่านักบุญหงส์จะเคยได้ยินชื่อเสียงของสือฮ่าวมาก่อน แต่เมื่อเห็นด้วยตาของตัวเองเขาจึงรู้ว่าศิลาน้อยคนนี้แข็งแกร่งมากแค่ไหน
พรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชาของเขานั้นล้ำเลิศยากจะหาคนทัดเทียม แม้แต่วิชาโบราณที่ยากจะเข้าใจถึงขนาดนี้เขาก็สามารถฝึกฝนมันได้ในเวลาเพียงแค่วันเดียว
“ชีวิตของข้าเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน การที่ได้มองเห็นความสำเร็จของเจ้าก็ถือว่าเกิดมาคุ้มค่าแล้ว” นักบุญหงส์กล่าว
“เหตุผลที่ข้าศึกษาทำความเข้าใจวิชาเหล่านี้ได้ง่ายก็เพราะว่าตอนนี้ข้าอยู่ในระดับปลดปล่อยตนเอง ความรอบรู้เกี่ยวกับเต๋าอันยิ่งใหญ่ของข้านั้นมีมากกว่าพวกท่านอย่าได้น้อยใจไปเลย” สือฮ่าวแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนที่หาได้ยาก
“หุบปากไปเลย!” จูเหยียนรู้สึกรำคาญ
นักบุญหงส์ก็ตกตะลึงเช่นกันเพราะศิลาน้อยอายุเท่าไหร่? เขาอายุเพียงยี่สิบกว่าปี แต่กลับกล่าวถึงเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้แล้ว
นี่เป็นความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือเป็นความหลงตัวเอง?
สือฮ่าวสลักญาณวิเศษชนิดนี้เข้าสู่จิตใจ หลังจากนั้นเมื่อมีเวลาเขาจะสามารถลับคมของมันให้ทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เขาต้องการมีเพียงเวลาเท่านั้น
หลังจากมีเวลาเขาได้ศึกษาญาณวิเศษชนิดอื่นๆ สิ่งเหล่านี้คือมรดกของตำหนักสูงสุด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีค่าควรเมือง
อย่างไรก็ตามสือฮ่าวที่ได้รับญาณวิเศษของจักรพรรดิสายฟ้า คุนเผิง เทพหลิว และหงส์เพลิงที่แท้จริงเขาก็ไม่สามารถปลุกปลอบใจตัวเองให้ฝึกฝนวิชาเหล่านี้ได้?
หลังจากพลิกดูหนังสัตว์ชิ้นสุดท้ายสือฮ่าวก็รู้สึกหวั่นไหวเป็นอย่างมาก มันได้รับความเสียหายมากเกินไปตัวอักษรที่เขียนไว้ในแผ่นหนังก็เลือนลางอยากจะอ่านออก
สือฮ่าวรู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ ญาณวิเศษชนิดนี้ไม่น่าจะใช่สิ่งของธรรมดา ยิ่งการที่มันถูกบันทึกไว้ในหน้าสุดท้ายยิ่งแสดงให้เห็นถึงความล้ำค่าของมัน!
หรือบางทีมันอาจจะไม่ใช่ญาณวิเศษล้ำค่าแต่เป็นความลับอะไรบางอย่าง?
สือฮ่าวปลดปล่อยประสาทสัมผัสอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อศึกษาอย่างรอบคอบ
ทันใดนั้นการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมากเขารีบดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาพร้อมกับตบจูเหยียนและนักบุญหงส์ออกไปด้านข้างเพื่อปกป้องพวกเขา
ไค!
ปราณกระบี่สีเงินพุ่งออกมาจากหนังสัตว์ฟันเข้าใส่ถ้ำโบราณจนถล่มลงมา แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่หยุดปราณกระบี่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าตัดเฉือนจักรวาลออกเป็นสองส่วน
ไม่ต้องกล่าวถึงนักบุญหงส์และจูเหยียนว่าจะมีความหวาดกลัวมากแค่ไหนแม้กระทั่งสือฮ่าวก็ยังมีใบหน้าซีดขาวตื่นตระหนกจนเขาแทบทรุด
ปราณกระบี่นี้ดุร้ายเกินไปต่อให้เป็นผู้อมตะที่แท้จริงก็อาจจะถูกมันสังหารได้อย่างง่ายๆ
ในเวลานี้หนังสัตว์แผ่นสุดท้ายนั้นก็กลายเป็นขี้เถ้าโดยทิ้งโลหะสีเงินไว้แผ่นหนึ่งมันบันทึกญาณวิเศษล้ำค่าชนิดนี้ไว้
แม้กระทั่งตอนนี้มันก็ยังปลดปล่อยพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมา!
มันเป็นเพียงแผ่นโลหะ แต่มันสามารถปลดปล่อยปราณกระบี่ที่น่าแตกตื่นสะท้านโลก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่ามันคือตำราโบราณที่บันทึกญาณวิเศษของวิชากระบี่ที่ล้ำเลิศที่สุดไว้
“วิชากระบี่ที่ไม่มีอะไรเทียบได้!” จูเหยียนกระโดดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
สือฮ่าวพูดกับตัวเอง “เมื่อตำหนักสูงสุดยิ่งใหญ่มากถึงขนาดนั้นมันจะไม่มีญาณวิเศษล้ำค่าซ่อนอยู่ได้อย่างไร!”
มันเป็นเพียงแผ่นโลหะธรรมดาๆแต่กลับสามารถปลดปล่อยเสียงที่สั่นสะเทือนจิตใจของทุกคนให้รู้สึกหวาดหวั่นออกมาไม่หยุด
หลังจากนั้นไม่นานมันก็สงบลงหยุดเคลื่อนไหว มีเพียงแสงสีเงินที่ไหลผ่านมันเหมือนสายน้ำสีเงิน อักขระโบราณมากมายปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของมัน
มันไม่ได้ตกลงที่พื้นแต่ลอยอย่างสงบนิ่งอยู่บนอากาศ