SWO ตอนที่ 20 ระดมพลจากทุกฝ่าย
“ท่านสุภาพบุรุษ ข้าว่าเรามาคุยเรื่องศพของหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องจะเข้าร่วมฝ่ายใดนั้น ข้ายังไม่มีแผนในตอนนี้” โจวเฮากล่าวช้า ๆ
เมื่อโจวเฮาเข้าร่วมฝ่ายใด ตัวตนของเขาจะรั่วไหลอย่างแน่นอน
เมื่อถึงตอนนั้น สายลับจากเผ่าพันธุ์ภายนอกก็จะรับรู้ถึงตัวตนของเขาด้วย
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมากมายตลอดช่วงร้อยปีที่ผ่านมาของดาวเคราะห์โลก
ดังนั้นโจวเฮาจึงระมัดระวังอย่างมาก
เมื่อได้ยินสิ่งที่โจวเฮากล่าว เหอเปียว และผู้บัญชาการกองพันชูก็อดผิดหวังไม่ได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้คะยั้นคะยอ ท้ายที่สุดโจวเฮาก็เป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนหนึ่ง ยังมีคนแบบเขาอีกมากที่ไม่เต็มใจจะถูกจำกัด และชอบอยู่คนเดียวหลังจากกลายเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ
สรุปแล้วในตอนท้าย หมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินได้ถูกซื้อไปโดยเหอเปียวในราคา 7 ล้าน..
แท้จริงแล้วโจวเฮารู้ว่าประธานเหอกำลังช่วยเขา สิ่งที่มีค่าที่สุดของหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินคือเขาของมัน ถ้าเขาตัดมันออก และขายส่วนที่เหลือให้พวกพ่อค้าเขาจะได้รับอย่างมากสุดแค่ประมาณ 4 ล้านเท่านั้น
เขาหยิบการ์ดคริสตัลออกมา และนำไปแตะกับการ์ดคริสตัลของเหอเปียว จากนั้นเงิน 7 ล้านก็ถูกโอนเข้ามา
โจวเฮารู้สึกตื่นเต้น เขามองไปที่เหอเปียว ก่อนคืนกระบี่ให้กับเขาขณะกล่าวว่า “ขอบคุณประธานเหอ!”
เหอเปียวยิ้ม "ด้วยความยินดี เอาล่ะอย่าลืมมาที่อาคารสหพันธ์ศิลปะป้องกันตัวของข้าเมื่อเจ้ามีเวลา ข้าอยากเป็นเจ้าภาพที่ดีเลี้ยงเจ้าสักครั้ง”
"แน่นอน!" โจวเฮาอารมณ์ดีขณะที่เขาตอบ จากนั้นเขาจึงถาม “ประธานเหอ ผู้บัญชาการกองพันชู ข้าต้องการหาเถาวัลย์เลือดสกาเล็ตและเขาแรด พวกท่านรู้หรือไม่ว่ามันอยู่พื้นที่ใดบ้าง”
ผู้บัญชาการกองพันชูรีบตอบ “แอเรีย 178 คือที่ที่แรดเขาเดียวอาศัยอยู่ ส่วนเถาวัลย์เลือดสกาเล็ตนั้นลำบากเล็กน้อย ท่านจะต้องไปที่แอเรีย 192 มันเติบโตอยู่ในหนองน้ำแดง ดังนั้นท่านจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการค้นหา”
โจวเฮาเปิดหน้าจอที่อยู่บนแขนของชุดเกราะมาตรฐานทันที
เขาป้อนแอเรีย 178 และแอเรีย 192 ลงไป
สวู๊ช.
หน้าจอเรดาร์แสดงเส้นทางของทั้งสองแอเรียให้เขาเห็นทันที
โจวเฮามองดู และพบว่ามันอยู่ไม่ไกลเกินไปนัก
“ขอบคุณผู้บัญชาการกองพันชู ตอนนี้ภารกิจสิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นข้าขอตัวไปก่อนเพราะยังมีธุระที่ต้องทำ ประธานเหอ ข้าจะไปเยี่ยมสหพันธ์ศิลปะป้องกันตัวของท่านทันทีที่ข้ามีเวลา” พูดจบโจวเฮาก็เก็บเขาสีน้ำเงินในกระเป๋าแบบพกพาของชุดเกราะมาตรฐาน จากนั้นจึงพุ่งออกไป และหายไปทันที
เหตุผลที่เขายอมรับภารกิจคุ้มกันในครั้งนี้ก็เพราะเขาต้องการทำความคุ้นเคยกับพื้นที่รกร้างเป็นหลัก ประการที่สองคือเพื่อประเมิณความแข็งแกร่งของตนเอง
มาตอนนี้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเขามาถึงระดับปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดอีกที่จะทำภารกิจต่อไป ด้วยเหตุนี้โจวเฮาจึงจากไปโดยไม่ลังเล
“ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธท่านนี้คิดเร็วทำเร็วจริง ๆ!” ผู้บัญชาการกองพันชูถอนหายใจ จากนั้นเขาจึงมองไปทางชายร่างสูง ผู้ฝึกยุทธ และนักเรียนคนอื่น ๆ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “พวกเจ้าทุกคนเห็นตอนปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธท่านนี้ฆ่าหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินกับตาของตัวเองใช่รึไม่?”
ชายร่างสูง และคนอื่น ๆ พยักหน้า
ซูหลิงกล่าวด้วยความชื่นชม “ใช่ ข้าเห็นมันด้วยตาของข้าเอง ท่านปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธแข็งแกร่งมากจนสามารถฆ่าแม่ทัพอสูรขั้นสูงได้ด้วยหมัดเดียว!”
ผู้บัญชาการกองพันชูยิ้มและกล่าว “ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธย่อมแข็งแกร่งเช่นนั้นเป็นธรรมดา… ช้าก่อน เมื่อครู่เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
ประธานเหอเองก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งขณะที่เขาจ้องไปที่ซูหลิง
“แค่หมัดเดียว???”
ซูหลิงที่ถูกจ้องจากทั้งปรมาจารย์ และปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธรู้สึกประหม่ามาก
อย่างไรก็ตาม เธอยังคงกัดฟัน และกล่าวว่า “ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธท่านนั้นใช้เพียงหมัดเดียวเท่านั้นจริง ๆ”
ผู้บัญชาการกองพันชู และประธานเหอเบิกตากว้างก่อนจะถามชายร่างสูง และคนอื่น ๆ ด้วยคำถามเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากยืนยันได้จนมั่นใจแล้วว่าโจวเฮาใช้หมัดเดียวจริง…
“ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูง เขาต้องเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย!!” ประธานเหอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และดูเสียใจจนออกทางสีหน้า “หากข้ารู้ ข้าคงพยายามดึงตัวเขาให้มากกว่านี้!”
ผู้บัญชาการกองพันชูไม่ลังเลอีกต่อไป และส่งข้อความถึงผู้บัญชาการจ้าวทันที
ตัวตนระดับดังกล่าวหากดึงเข้ามาเป็นพวกได้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ก็คุ้ม
ขณะเดียวกันเหล่านักเรียน และบอดี้การ์ดต่างก็ส่งข้อความถึงครอบครัวของพวกเขาอย่างลับ ๆ เช่นกัน
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงเป็นตัวตนที่เทียบได้กับผู้บัญชาการจ้าว ผู้ซึ่งดูแลเมืองใหญ่!
เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้น…
ชูส! ชูส! ชูส!
คลื่นอากาศแหวกก่อเสียงโซนิคบูมดังก้อง
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธทั้งในที่ลับ และที่แจ้งของเมืองหัวตงทั้งหมดมารวมตัวกันที่นี่
แค่กลิ่นอายที่ปล่อยออกมาก็ทรงพลังจนน่าหวาดหวั่น
สัตว์กลายพันธุ์ สัตว์อสูร แมลง และเผ่าพันธุ์ภายนอกทั้งหมดภายในรัศมี 10,000 เมตร ต่างหวาดกลัวกลิ่นอายของพวกเขาจนไม่กล้าขยับ
โชคดีที่ซูหลิง และนักเรียนคนอื่น ๆ ถูกบอดี้การ์ดพาตัวไปแล้ว ขณะที่ชายร่างสูง และคนที่เหลือไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป
มิฉะนั้นกระทั่งหายใจยังยาก
บูม
เสียงระเบิดดังขึ้น
ชายวัยกลางคนสวมชุดเกราะสีดำสูงกว่าสองเมตรร่อนลงมาจากท้องฟ้า
“ผู้บัญชาการจ้าว!”
“เฒ่าจ้าว เจ้าก็มาด้วยรึ?”
“ข้ากะแล้วว่าเจ้าคงนั่งเฉย ๆ ไม่ได้แน่”
ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธกล่าวทักทายกัน
ผู้บัญชาการจ้าวเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูง และยังเป็นเทพเจ้าสงครามที่ดูแลเมืองหัวตงอีกด้วย
“ดูเหมือนพวกเจ้าทุกคนจะอยู่ที่นี่!” ผู้บัญชาการจ้าวผู้ซึ่งมีบรรยากาศที่สงบใช้สายตาที่เฉียบคมกวาดไปทีหนึ่ง และยิ้ม “ฮ่าฮา งั้นข้าคิดว่าที่เหลือคงขึ้นอยู่กับความสามารถของเราแล้วล่ะ”
กล่าวจบ เขาจึงมองไปทางผู้บัญชาการกองพันชู “เสี่ยวชู คนผู้นั้นที่เจ้าว่าอยู่ที่ไหนเล่า?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธมากมาย แม้แต่ผู้บัญชาการกองพันชูที่มักจะดูไร้กังวลอยู่เสมอ ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ราวกับเป็นเด็ก ขณะกล่าวตอบอย่างตะกุกตะกัก “ท่านผู้บัญชาการ ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธท่านนั้นไม่อยู่แล้ว!”
"อะไรนะ? เขาไปแล้ว?"
“เขาไปไหน? ทำไมเจ้าถึงไม่รั้งเขาไว้”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าเขาเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธจริง ๆ?”
ก่อนที่ผู้บัญชาการชูจะทันได้ตอบ เหล่าปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธก็ขัดจังหวะอย่างหมดความอดทน