611 - ได้รับสมบัติภูเขา
1921 - ได้รับสมบัติภูเขา
เขตอาศัยเดิมของมังกรวารีมีทะเลสาบทุกแห่งที่เต็มไปด้วยระลอกคลื่นสีหยก
มีภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่ภายในทะเลสาบอันยิ่งใหญ่แก่นแท้ทางจิตวิญญาณหมุนวนไปมากระจายออกมาจากใจกลางทะเลสาบ
ชายชราร่างกายแห้งเหี่ยวเส้นผมหงอกขาวนั่งบนเสื่อสวดมนต์ขณะนี้กำลังสวดคัมภีร์บางอย่าง พลังโลหิตของเขาไม่แข็งแรงอีกต่อไปหลังจากมีชีวิตมาอย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาลืมตาขึ้นสัญลักษณ์เต๋าอันยิ่งใหญ่ก็ถูกปลดปล่อยออกมาน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก
นี่คือผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ขอบเขตขั้นสูงสุดของระดับเทพ
เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ของเขาพุ่งสูงขึ้นหากไม่ใช่เพราะอายุขัยของเขาใกล้จะถึงจุดจบเขาคงจะเข้าสู่อาณาจักรเทพที่แท้จริงไปอีกนาน
เขาคือนักบุญหงส์ผู้เชี่ยวชาญตระกูลวิหคที่อาศัยอยู่มาเป็นเวลาไม่สิ้นสุดอาจารย์ของนกกระจอกกลืนสวรรค์
มีข่าวลือไปทั่วโลกว่าเขาเสียชีวิตไปนานแล้วยิ่งกว่านั้นยังตายด้วยน้ำมือของศิษย์ตัวเอง ว่ากันว่าเขาถูกนกกระจอกกลืนสวรรค์กินลงท้องเป็นจุดจบที่น่าสังเวชอย่างยิ่ง
ใครจะคาดคิดว่าเขายังมีชีวิตอยู่ยิ่งกว่านั้นยังพยายามทำความเข้าใจในพระคัมภีร์ที่ไม่มีใครเทียบได้
น่าเสียดายที่สติปัญญาของเขาไม่ได้สูงส่งอย่างคำร่ำลือทุกสิ่งทุกอย่างจึงคืบหน้าไปอย่างช้าๆ
“เวลาของข้ากำลังจะหมดลงแล้ว นี่คือชะตากรรมข้าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” นักบุญหงส์ถอนหายใจ
“น่าสนใจจริงๆตระกูลของเจ้าตายไปจนหมดแล้ว แต่เจ้ากลับมีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปี” สือฮ่าวกล่าว
เขายืนอยู่บนภูเขานั้นตรวจสอบถ้ำโบราณตรงหน้า ดวงตาที่เฉียบคมของเขาจดจ้องไปยังนักบุญหงส์ไม่ให้คลาดสายตา
นักบุญหงส์อยู่ที่จุดสูงสุดของระดับเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์กำลังจะทะลวงเข้าสู่อาณาจักรเทพที่แท้จริง น่าเสียดายที่พลังโลหิตของเขาไม่เพียงพอทำให้ไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ระดับสูงขึ้น
ในอาณาจักรที่ต่ำกว่าการมีสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ยังคงเป็นสิ่งที่หายาก หลังจากทั้งแปดภูมิภาคประสบกับความหายนะครั้งใหญ่ขณะนี้มีบุคคลที่แข็งแกร่งเหลืออยู่ไม่มากนัก
“ศิลาน้อย?” นักบุญหงส์ดูไม่น่าตกใจเลยนอกจากนี้ยังจำสือฮ่าวได้ในทันที
“โอ้? เจ้าจำข้าได้หรือเจ้าคิดว่าข้าจะกลับมา?” สือฮ่าวถาม
จูเหยียนกระโดดขึ้นไปบนหน้าผาหินแล้วจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสในถ้ำโบราณพร้อมกับแยกเขี้ยวข่มขู่
ย้อนกลับไปตอนนั้นมันได้รับสมบัติภูเขาแล้ว แต่ในที่สุดก็สูญเสียมันไปอย่างเจ็บปวด
ตอนนี้มันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีชิ้นส่วนกระดูกรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสอยู่ในถ้ำโบราณนั้นบนโต๊ะหิน มันเป็นสีขาวเหมือนหยกปลดปล่อยประกายแวววาว
มันเป็นสมบัติภูเขาในอดีต!
“เฒ่าชราเจ้าช่างเจ้าเล่ห์จริงๆทุกคนในโลกต่างก็เชื่อว่าเจ้าถูกนกกระจอกกลืนสวรรค์กินไปแล้ว สุดท้ายลูกศิษย์ของเจ้าตายไปแต่เจ้ากลับเสวยสุขกับสมบัติที่เหลืออยู่ของเขา” จูเหยียนตะโกน
นักบุญหงส์เผยรอยยิ้มที่ขมขื่น ตอนนี้พลังโลหิตของเขาเกือบแห้งไปแล้วไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป
“ข้าอยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้วมีอะไรต้องให้พูดถึง?”
จูเหยียนไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ว่าสายตาของมันจ้องไปยังสมบัติภูเขาบนโต๊ะ
นักบุญหงส์ถอนหายใจและพูดว่า
“ตอนนั้นข้าเกือบตายจริงๆ เมื่อเชื้อเพลิงในตะเกียงถูกเผาจนเกือบหมดร่างของข้าก็แน่นิ่งไป เจ้าศิษย์อกตัญญูคนนั้นมันจึงคิดจะกลืนกินข้าลงท้องเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเอง”
เรื่องนี้ทำให้นักบุญหงส์โกรธแค้นเป็นอย่างมาก นั่นคือศิษย์ของเขา แต่มันกลับคิดจะใช้ประโยชน์โดยการลอบทำร้ายเขา
โชคดีที่เขาตื่นตัวทันเวลาจึงสามารถหลบหนีออกมาจากท้องของนกกระจอกคืนสวรรค์ได้
เมื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตเขาก็ถอนหายใจด้วยความรู้สึกเศร้าโศกอย่างมาก
“ในตอนนั้นข้าไม่สามารถควบคุมตัวเองจึงได้ทำร้ายมันจนบาดเจ็บ ไม่เช่นนั้นมีหรือที่พวกเจ้าจะสามารถสังหารมันได้”
ในตอนนี้แม้ว่าระดับบ่มเพาะเขาจะไม่ได้สูงส่งอะไร แต่การที่เขาได้ศึกษาคัมภีร์จากสมบัติภูเขามานานทำให้จิตใจของเขารู้แจ้งในเต๋าที่สูงส่ง
“ในความเป็นจริงเมื่อทั้งแปดดินแดนเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่การที่ลูกศิษย์ของข้าตายไปจึงทำให้ดินแดนแห่งนี้ไม่มีใครมาเยือน ในที่สุดข้าจึงรอดจากหายนะครั้งนั้นมาได้” นักบุญหงส์กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
เป็นเพราะเขาได้รู้ว่านกกระจอกกลืนสวรรค์ได้กลืนกินสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทำให้เกิดการเข่นฆ่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเต็มไปด้วยความกระหายเลือดและความชั่วร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ
ก่อนหน้านี้เปลวไฟแห่งชีวิตของนักบุญหงส์กำลังจะดับลงเขาไม่มีพลังพอที่จะล้างแค้นได้
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาระดับบ่มเพาะของเขากับทะลวงขึ้นสู่จุดสูงสุดของขั้นเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่มีปัญหาในการสังหารนกกระจอกเกินสวรรค์
“นกกระจอกกลืนสวรรค์ตัวนั้นเจ้าเล่ห์สุดๆ ในตอนที่เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่มันก็แกล้งตายไปนานแล้ว แต่เมื่อข้าฟื้นขึ้นมามันถึงได้ตายไปจริงๆ”
มิฉะนั้นนกกระจอกกลืนสวรรค์อาจมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
“ช่างน่าเสียดายข้ายังไม่เคยลิ้มรสชาติของนกกระจอกกลืนสวรรค์เลย” สือฮ่าวถอนหายใจ การไม่ได้โยนนกตัวนี้ลงหม้อทำให้เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย
คนผู้นี้มีนิสัยยังไงกันแน่? นักบุญหงส์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าทำไมข้าถึงมาที่นี่” สือฮ่าวถาม
“ข้ารู้มานานแล้ว ในสองสามวันนี้มีผู้คนสัญจรไปมาอยู่ที่ทะเลสาบแห่งนี้ข้าจึงรู้ว่าในไม่ช้าเจ้าจะมาถึง” นักบุญหงส์กล่าว
จากนั้นเขาชี้ไปที่โต๊ะหินและพูดว่า
“นั่นคือสมบัติภูเขา เดิมเป็นของจูเหยียนตอนนี้มันจะถูกส่งคืนให้กับเจ้าของที่ถูกต้อง”
ลูกขนไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวในตอนนี้มันเดินเข้าไปที่โต๊ะพร้อมกับคว้าเอาสมบัติแห่งภูเขากลับมา
“ชีวิตของข้าเหลือไม่มากแล้ว สติปัญญาของข้าก็ไม่ได้สูงส่งอะไรแม้ว่าจะมีโอกาสได้ศึกษาหลายปีก็ไม่สามารถที่จะรู้แจ้งแม้เพียงเล็กน้อย” นักบุญหงส์ถอนหายใจ
เขาไม่เต็มใจรู้สึกหดหู่และทำอะไรไม่ถูก
สือฮ่าวไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งต่างๆจะราบรื่นแบบนี้ มันทำให้เขาสะเทือนใจเล็กน้อย
เขานึกถึงอดีตเมื่อตอนที่เขายังเด็ก สมบัติภูเขาปรากฏขึ้นเหตุการณ์ในครั้งนั้นผ่านไปถึงยี่สิบปีไม่มีข่าวคราวใดๆ แต่ในที่สุดมันก็ตกมาอยู่ในมือของเขาจนได้
“มีบางอย่างที่แปลกประหลาด!” ชาวจูเหยียนตรวจสอบมันอย่างระมัดระวังและรู้สึกหวาดกลัว!
สือฮ่าวรับมันมาแล้วลูบชิ้นกระดูกสีขาวบริสุทธิ์นี้ ก่อนที่เขาจะศึกษาอย่างแท้จริงเขารู้แล้วว่านี่คือสมบัติล้ำค่าที่น่าสะพรึงกลัว!
หลังจากหลายปีผ่านไปสมบัติแห่งภูเขาก็อยู่ในมือของเขาในที่สุด ช่วงนี้ความรู้สึกของเขาซับซ้อนรู้สึกปรับสภาพไม่ค่อยทันจริงๆ
ดูเหมือนจะไม่ใช่วัตถุที่สร้างขึ้นมาจากกระดูก มันมีความเรียบเนียนของหยกที่อบอุ่นแข็งแรงไม่แตกหัก แม้ว่าสือฮ่าวจะออกแรงดีดแต่ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายกับมันได้
สือฮ่าวสัมผัสได้ถึงความพิเศษของมัน ตอนนี้เขายืนยันเพิ่มเติมแล้วว่ามันผิดปกติแน่นอน ทันใดนั้นกระดูกอีกชิ้นก็ปรากฏขึ้นในมือของเขานั่นคือแผนภาพหมื่นวิญญาณ
มันเป็นสีขาวสะอาดสะอ้านเหมือนหยกไม่มีตำหนิ คุณสมบัติของทั้งสองคล้ายกันเกินไปราวกับว่าถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุเดียวกันก็ไม่ปาน
แดง!
เมื่อกระดูกทั้งสองประสานกันก็เกิดเสียงที่ชัดเจนสดใสทำให้สือฮ่าวยิ้มออกมาด้วยความยินดี