SWO ตอนที่ 19 เงื่อนไขขึ้นอยู่กับเจ้า
“เจ้าคือปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ?”
ดวงตาของเหอเปียวเผยให้เห็นความสงสัยเช่นเดียวกับผู้บัญชาการกองพันชู
เหตุเพราะโจวเฮาที่สวมชุดเกราะมาตรฐานดูธรรมดาเกินไป
ท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์หรือปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนใดก็ย่อมมีเกราะระดับแม่ทัพเป็นอย่างน้อย
แม้ว่าพวกเขาต้องการเก็บงำตัวตนไว้ แต่ในแง่ของเกราะ พวกเขาจะไม่จงใจสวมชุดเกราะมาตรฐาน
เหตุเพราะเกราะถือเป็นชีวิตที่สองสำหรับผู้เชี่ยวชาญของมนุษย์ มันจึงไม่มีใครคิดประมาทในเรื่องนี้
โจวเฮายักไหล่ เขาเพิกเฉยต่อข้อสงสัยของเหอเปียว และผู้บัญชาการกองพันชู ก่อนจะเดินไปด้านข้างศพของหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงิน
เขาเอื้อมมือออกไปจับเขาของมันแล้วออกแรงที่แขน..
ศพหมาป่ายักษ์สูงกว่าร้อยเมตรพลิกกลับราวกับเป็นของเล่นในมือ
“ข้าขอยืมกระบี่เจ้าหน่อยได้รึไม่?” เขามองไปที่ชายร่างสูง
ชายร่างสูงอ้าปากค้างจนไม่ตอบสนองไปครู่หนึ่ง
ต้องรู้ก่อนว่าศพของแม่ทัพอสูรขั้นสูงนั้นมีน้ำหนักอย่างน้อยหลายสิบตัน กระทั่งเฮลิคอปเตอร์นับสิบลำที่บินด้วยความเร็วเต็มที่ยังแทบขยับมันไม่ได้
ม่านตาของเหอเปียวหดตัว เขาสามารถบอกได้ว่าโจวเฮาไม่ได้ใช้กำลังมากนัก และสำหรับโจวเฮาที่สามารถพลิกศพของหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินได้อย่างง่ายดายนั้นจะต้องเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะมีเพียงปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธเท่านั้นที่สามารถทำแบบเขาได้
“เอานี่ ใช้ของข้าสิ”
หลังจากยืนยันแล้วว่าโจวเฮาเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธที่ฆ่าหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินจริง เขาจึงโยนกระบี่ของเขาไปให้ทันที
กระบี่ทั้งเล่มของเขาตีขึ้นจากวัตถุดิบสัตว์อสูรระดับราชันรวมกับโลหะล้ำค่า น้ำหนักเพียงอย่างเดียวก็ปาเข้าไปหลายร้อยกิโลกรัม
กระนั้นโจวเฮากลับรับกระบี่มาถืออย่างสบาย ๆ ราวกับมันเป็นเพียงขนนก
ด้วยกระบี่ของเหอเปี่ยวในมือเขาจึงกล่าวตอบ “ขอบคุณ”
จากนั้นเขาจึงใช้มันฟันไปที่หัวของหมาป่ายักษ์ ตัดไปตรงที่เขาสีน้ำเงินที่มีลวดลายพิเศษ
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้บัญชาการกองพันชูก็ฟื้นจากอาการช็อก เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ท่านครับ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าไม่ควรสงสัยในความแข็งแกร่งของท่าน”
โจวเฮาโบกมือ "ข้าไม่ถือ"
จากนั้นเขาจึงเสริมว่า “ผู้บัญชาการกองพันชู ขน กระดูก และเลือดของหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินล้วนเป็นวัตถุดิบชั้นยอดทั้งสิ้น น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเอาทุกอย่างติดตัวกลับไปได้ ดังนั้นเอาแบบ…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เหอเปียวก็รีบตะโกนขึ้นทันที “สหาย สหพันธ์ศิลปะป้องกันตัวของเรายินดีซื้อวัตถุดิบจากหมาป่าตัวนี้ในราคา 7 ล้านหยวน”
7 ล้าน!!
หลังจากได้ยินราคาซูหลิง และนักเรียนอัจฉริยะที่เหลือก็ตกใจ!
แม้ภูมิหลังของครอบครัวพวกเขาจะดี แต่เจ็ดล้านก็ยังเป็นเงินจำนวนมหาศาล!
โจวเฮาก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
พวกเขาเสนอให้ 7 ล้าน!
จากเงินจำนวนนี้เขาสามารถซื้อวิลล่าของชุมชนหยางหยวนได้ถึงเจ็ดหลัง
ผู้บัญชาการกองพันชูตอบโต้ทันทีขณะตะโกนขึ้น “ท่านประธานเหอ นั่นไม่ถือว่าไม่ไว้หน้ากันไปหน่อยรึ ปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธท่านนี้ก็บอกอยู่ว่าต้องการส่งมอบวัตถุดิบพวกนี้ให้กับทางค่ายป้องกันสถานีทางใต้ของเรา”
เหอเปียวขดริมฝีปากอย่างเฉยเมย “ผู้บัญชาการกองพันชู หยุดพ่นเรื่องไร้สาระ และเสนอราคาของเจ้ามา”
“6.5 ล้านพร้อมตำแหน่งพลตรี!” ผู้บัญชาการกองพันชูตะโกน
“บ๊ะ ผู้บัญชาการกองพันชู ภายนอกเจ้าดูเป็นคนตรงไปตรงมาแท้ ๆ ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเจ้าเล่ห์เช่นนี้! นี่อะไร เจ้ากระทั่งต้องการเกณฑ์เขาเข้ากองทัพด้วยงั้นรึ!” ขณะกล่าว เหอเปียวก็เดินไปทางโจวเฮาอย่างกระตือรือร้น “สหาย ข้าว่าเจ้ามาเข้าร่วมกับสหพันธ์ศิลปะป้องกันตัวสาขาหัวตงของข้าดีกว่า เราจะให้เจ้าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคบ่มเพาะ อาวุธ เม็ดยา ไม่ว่าอะไรเราก็สามารถหามาให้ได้หากเจ้าต้องการ!”
“อย่าไปฟังเขาครับท่าน ข้าว่าท่านมาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพดีกว่า นอกจากเทคนิคบ่มเพาะ อาวุธ และเม็ดยาแล้ว เรายังสามารถให้สิทธิพิเศษเป็นยศทหารเพิ่มเติมได้อีกด้วย” ผู้บัญชาการกองพันชูตะโกนอย่างใจร้อน
ชายร่างสูง สมาชิกของทีมชั่วคราว ผู้คุ้มกัน ซูหลิง และนักเรียนอีกเจ็ดคนต่างตกตะลึง
พวกเขาเพิ่งแข่งขันกันเพื่อซื้อวัตถุดิบของหมาป่าโลหิตเมื่อครู่
มาตอนนี้ จู่ ๆ ผู้บัญชาการกองพันชู และประธานเหอกลับเริ่มแข่งกันเพื่อแย่งตัวปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธท่านนี้
กระทั่งโจวเฮายังสับสนเล็กน้อย
อันที่จริงหลังจากยืนยันแล้วว่าโจวเฮาเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ ประธานเหอและผู้บัญชาการกองพันชูก็รู้ได้ในทันทีว่าโจวเฮาจะต้องเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธหน้าใหม่อย่างแน่นอน มิฉะนั้นโจวเฮาคงมีชุดเกราะไม่ก็อาวุธติดตัว อย่างไรก็ตามเวลานี้น้อยคนนักที่จะคิดได้
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงใช้ข้อเสนอเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาก่อนแล้วจึงเริ่มพยายามผูกมัดเขาอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่พวกเขารีบร้อนเช่นนี้เป็นเพราะพวกเขากังวลว่าเมื่อข่าวแพร่กระจายไป กองกำลังต่าง ๆ ในเมืองหัวตงจะรีบเร่งมาร่วมแข่งเพื่อแย่งชิงตัวเขา
ท้ายที่สุดนี่คือปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธคนใหม่
การดำรงอยู่ดังกล่าวมีความสำคัญอย่างหาที่เปรียบมิได้
หากสามารถผูกมัดเขาไว้ได้ กองกำลังที่ได้เขาไปจะมีอำนาจขึ้นในทันที และมีสิทธิ์ต่อรองมากขึ้น
“ท่านประธานเหอ ทำไมท่านต้องแข่งขันกับกองทัพของเราด้วย? สหพันธ์ศิลปะป้องกันตัวของท่านทั้งแข็งแกร่ง และไม่เคยขาดปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ!” ผู้บัญชาการกองพันชูขึงตา แม้ว่าตัวเขาเองจะเป็นเพียงปรมาจารย์ แต่เขาก็ยังได้รับการสนับสนุนจากกองทัพทำให้ความกลัวต่อปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธไม่เคยอยู่ในหัวของเขา
หากเป็นสถานการณ์ปกติเขาคงไว้หน้าประท่านเหอ
แต่ตอนนี้มีปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธเป็นเดิมพันทำให้เขาไม่สามารถถอยได้
เหอเปียวเริ่มไม่สุภาพ “ผู้บัญชาการกองพันชู ใครบ้างเล่าจะไม่ชอบหากมีปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธมากเกินไป? กลับกัน ข้าคิดว่าแบบนี้ดีซะอีก กองทัพของเจ้าจะได้ประหยัดงบประมาณ!”
เมื่อเห็นว่าประธานเหอและผู้บัญชาการกองพันชูใกล้จะลงไม้ลงมือกันเต็มที โจวเฮาก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เขารีบกล่าวแทรกทันที “ท่านประธานเหอ ผู้บัญชาการกองพันชู ท่านทั้งสองช่วยหยุดก่อนสักครู่”
จากนั้นประธานเหอ และผู้บัญชาการกองพันชูก็หยุดตามที่เขากล่าว
พวกเขาทั้งสองมองไปที่โจวเฮา
................
TL: ขอโทษครับ คือตอนที่ 17 ผมแปลผิดจากเกราะระดับแม่ทัพ เป็นเกราะระดับทั่วไป ด้วยความมึนเนื่องจากแปลตอนดึก แน่นอนว่าผมย้อนไปแก้ให้เรียบร้อยแล้วครับ
ลงเลทเพราะไฟดับครับ