Ep.137 - แท้จริงแล้วฉันคือประธานบริษัท
1/4
Ep.137 - แท้จริงแล้วฉันคือประธานบริษัท
ซูหยุนปิงพาเฉารุ่ยและหลินหลานเข้ามาในชุมชนมังกรฟ้า
สภาพถนนที่นี่แย่มาก บ้านเรือนตั้งสะเปะสะปะทำให้ซอยวกไปวนมา พืชต่างๆเติบโตสูงใหญ่จนผิดปกติ ราวกับไม่ใช่สถานที่ๆผู้คนจะสามารถอยู่อาศัยได้ ให้ความรู้สึกเหมือนป่าทึบ
มันทำให้เฉารุ่ยผู้คลั่งไคล้ความสะอาดรู้สึกขยะแขยง
“อาจารย์ทำไมพวกเราต้องมาที่นี่ด้วย?”
ซูหยุนปิงไม่สะทกสะท้าน “เพราะฉันต้องการพบใครบางคน”
หลินหลานเอ่ยถาม “คนที่ว่าคือฮังอวี่ถูกไหมคะ?”
“อืม ที่นี่เป็นสถานที่ที่พวกเราพบกันครั้งแรก โรงชาของผังต้าไห่เองก็ตั้งอยู่ใกล้ๆกับแถวนี้เหมือนกัน เพราะงั้นฉันคิดว่ามีโอกาส 9 ใน 10 ส่วนที่เด็กนั่นน่าจะอยู่ที่นี่”
“สมองของฮังอวี่มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” เฉารุ่ยรู้สึกหดหู่เล็กน้อย “มีสถานที่ดีๆตั้งมากมายในเมืองเจียงเฉิงให้อยู่อาศัย แต่เขากลับเลือกหมกตัวอยู่ในที่บ้าๆนี่ มองไปทางไหนก็น่าจะเจองู หรือยุงอยู่ทุกที่”
“ใช่แล้วล่ะ เขามีเหตุผลแน่นอนถึงได้มาอยู่ที่นี่”
ดวงตาของซูหยุนปิงเปล่งประกายสดใส
ธุรกิจร้านอาหารของผังต้าไห่ในชุมชนมังกรฟ้ากำลังเฟื่องฟู
แถมเมื่อเร็วๆนี้ ได้ยินมาว่าผังต้าไห่เตรียมตัวที่จะลงทุนเปิดร้านค้าประเภทอื่นๆ แว่วมาว่ากำลังวางแผนที่จะเปิดร้านขายอุปกรณ์ ร้านขายโพชั่น รวมไปถึงร้านขายของชำ โดยมีคนคนหนึ่งร่วมลงทุนกับเขา
สำนักงานพี่อ้วนจะร่วมทุนกับใคร? คำถามนี้ยังต้องคิดอีกหรือ
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังผังต้าไห่ จะเป็นใครอื่นไปได้อีกถ้าไม่ใช่ฮังอวี่!
แค่สังเกตกรงเล็บก็เห็นหัวสิงโต แม้ฮังอวี่จะทำตัวติดดินมาก กระนั้นดูจากมุมมองและการกระทำของฮังอวี่แล้ว เหมือนว่าเขาตั้งใจจะใช้ชุมชนมังกรฟ้าเป็นศูนย์กลาง นี่แสดงให้เห็นว่าชุมชนมังกรฟ้าต้องมีอะไรไม่ธรรมดา
น่าเสียดาย!
ช่างน่าเสียดายจริงๆ!
กว่าจะสังเกตเห็นก็สายไปแล้ว ทำไมฉันถึงไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้!
ซูหยุนปิงทำการตรวจสอบผ่านหน่วยข่าวกรองของเธอแล้ว และได้รู้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับอาณาเขตวิญญาณ เธอคิดว่าชุมชนมังกรฟ้ามีหลายข้อที่เข้าเงื่อนไข เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าฮังอวี่จะทำให้มันมีรูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหน
“มีคนจำนวนมากกำลังรวมตัวกันอยู่ข้างหน้า”
“จริงหรอ? ลองไปดูกัน”
ซูหยุนปิงเดินไป และพบกับอาคารทรงท่อหลังหนึ่ง มันคล้ายกับอาคารที่นางเอกในภาพยนตร์เรื่องมู่หลานเคยอาศัยตอนเด็ก
อย่างไรก็ตาม สถานที่แห่งนี้ทรุดโทรมมาก อีกทั้งลานพื้นตรงกลางตึกยังเต็มไปด้วยพืชพรรณรกทึบ ขณะนี้มีหลายคนกำลังเก็บกวาดพวกมันอยู่ นอกจากนี้ยังเริ่มสร้างรั้วกั้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเขาวางแผนจะทำอะไร
เบื้องหน้าอาคารทรงท่อ จะสามารถมองเห็นคฤหาสน์ใหญ่หลังเก่า และมันน่าจะเป็นบ้านที่เก่าแก่ที่สุดในชุมชนมังกรฟ้า
เวลานี้มีชาวบ้านมากมายมายืนรอต่อแถวหน้าทางเข้าคฤหาสน์
ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอด้วยสายตาดูมีความหวัง ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่
ซูหยุนปิงส่งสายตา เฉารุ่ยก้าวออกไปทันที เดินเข้าไปหาป้าคนนึงที่ยืนต่อแถวแล้วถามว่า “คุณป่า ทำไมพวกคุณถึงมาต่ออยู่กันที่นี่ หรือว่าข้างในมีบริการแจกของฟรี?”
ได้ยินคำถามของเฉารุ่ย คุณป้าในแถวรู้สึกไม่พอใจมาก
“ป้า? นี่ฉันแก่ขนาดนั้นเลยหรอ เปิ่นกงยังไม่ได้แต่งงานด้วยซ้ำ!”
ให้ตายเถอะ! รูปร่างแบบนี้ น้ำหนักขนาดนี้ อายุปูนนี้แต่พูดว่ายังไม่ได้แต่งงาน? น่ากลัวว่าแม้แต่ผัวป้าก็ยังหาไม่ได้มากกว่า!
เฉารุ่ยลอบด่าในใจ แต่ภายนอกกล่าวว่า “พี่สาว ขอโทษจริงๆ เป็นตาของฉันเองที่ไม่ดี ข้างในเขามีอะไรกันงั้นหรอ”
พี่สาว(ป้า)กวาดสายตามองเฉารุ่ยขึ้นๆลงๆอยู่ 2-3 รอบ
หือ? เจ้าหนุ่มคนนี้ ดูไปดูมาก็มีมารยาท สะอาดสะอ้าน หล่อเหลาดีเหมือนกันนี่นา
เมื่อเห็นหน้าเฉารุ่ย อารมณ์ของเธอก็ผ่อนคลายลงทันที บอกจุดประสงค์ที่มาที่นี่แก่เขา
“พ่อรูปหล่อมีแฟนสาวหรือยัง?”
“อ๋อ ผมยังไม่มีแฟนสาว”
คำพูดของเฉารุ่ยทำให้ดวงตาของคุณป้าเป็นประกาย เธอกำลังจะขอให้เขาเพิ่ม Wechat แต่ใครจะรู้ ว่าในตอนนั้นเองเฉารุ่ยจะกล่าวเสริมว่า “เพราะผมชอบผู้ชาย”
คุณป้าแข็งเป็นหินทันที
อืมมมม ก็ว่าทำไมช่วงนี้ถึงหาแฟนหนุ่มไม่เจอสักที ก็หลงนึกว่าพวกสาวๆสวยๆจะคาบพวกเขาไปกินหมดแล้ว แต่นี่กระทั่งผู้ชายยังกินกันเอง ไม่ยุติธรรมเลย แล้วเมื่อไหร่ฉันจะหาแฟนได้ซักที!
เฉารุ่นบอกซูหยุนปิงถึงสิ่งที่เขาได้รู้มา
ปรากฎว่าลานคฤหาสน์เก่าเป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นในชุมชนมังกรฟ้า ตอนนี้กำลังรับสมัครคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นคนฝ่ายผลิต ฝ่ายต่อสู้ หรือฝ่ายสนับสนุน
และกลุ่ๆนี้ไม่ใช่แค่จ่ายเงินค่าจ้างอย่างงาม แต่ยังมีพื้นที่สำหรับให้สมาชิกพัฒนาฝีมือและความสามารถอีกด้วย
ได้ยินมาว่ามีชาวบ้านในชุมชนมังกรฟ้าหลายสิบคนเข้าร่วมกับพวกเขาแล้ว
นอกจากนี้ทางกลุ่มยังเปิดโครงการขอความร่วมมือกับชาวบ้านในพื้นที่ โดยการทำสัญญาและมอบผลประโยชน์แบบจ่ายล่วงหน้า แจกจ่ายเมล็ดพันธุ์วิญญาณที่มีคุณภาพสูงจำนวนหนึ่ง มอบให้แก่เพื่อนบ้านที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะร่วมมือกัน เพื่อนำกลับไปเพาะปลูก
ชาวชุมชนมังกรฟ้าไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าบนพื้นดินในบ้านของตัวเอง จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้
เพื่อนบ้านได้ร่วมมือกับกลุ่มมังกรฟ้า พวกเขาให้สัญญาว่าจะไม่ขายบ้านให้กับคนนอก
พวกเขาสามารถใช้พื้นที่ในบ้านทุกส่วนให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นลานบ้าน ชั้นใต้ดิน ระเบียงทางเดิน หรือแม้กระทั่งห้องนั่งเล่นและห้องนอน สามารถปลูกพืชได้ทั้งนั้น!
และเมื่อพวกมันงอกงามแล้ว หากนำกลับมา พวกเขาจะได้รับรางวัลส่วนแบ่ง
เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่เป็นคนในชุมชน ดังนั้นชาวบ้านจึงให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เป็นผลให้งานคืบหน้าอย่างรวดเร็ว
หลินหลานกับเฉารุ่ยดูสับสน
นี่มันกลุ่มบ้าอะไรกัน? มองยังไงก็ไม่เข้าใจสักนิด!
ตรงกันข้ามกับซูหยุนปิง เธอถอนหายใจ
ฮังอวี่เจ้าเด็กตัวเหม็นคนนี้วางรากฐานได้มั่นคงแล้ว
ตอนนี้ต่อให้มีกองกำลังภายนอกบังคับให้พวกเขาออกไป น่ากลัวว่าจะต้องเผชิญกับแรงต่อต้านมากมาย
ซูหยุนปิงมั่นใจว่าฮังอวี่ต้องอาศัยอยู่ในชุมชนมังกรฟ้าแน่ๆ เธอจึงเดินไปหาคนกลุ่มหนึ่งที่สวมใส่เกราะหนังจระเข้ มือข้างหนึ่งถือค้อนของมนุษย์ปลา ส่วนอีกข้างถือโล่กระดองเต่า มองก็รู้ว่าเป็นคนของกลุ่มมังกรฟ้า
เมื่อคนกลุ่มนั้นรับทราบว่าซูหยุนปิงคือคนรู้จักของเจ้านาย จึงนำทางทั้ง 3 เข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ของสำนักงาน
ซูหยุนปิงมองซ้ายมองขวา สังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ
เธอพบว่าทุกส่วนของอาคารล้วนมีคนอยู่ และคนเหล่านี้ดูเหมือนจะมีส่วนร่วมในงานด้านการผลิต
ส่วนที่ดินกลางลานและด้านหลัง หน้าดินได้ถูกเคลียร์จนโล่งแล้ว
ที่ตรงนั้นมีชายคนหนึ่งผอมแห้งเหมือนลิง และคนอีก 5-6 คนกำลังใช้สกิลของเกษตรกรวิญญาณ เร่งการเติบโตของเมล็ดพืชที่พึ่งหว่านลงไป
พวกเขาทำงานอย่างขะมักเขม้น
มันยากสำหรับซูหยุนปิงที่จะจินตนาการว่าฮังอวี่ทําได้อย่างไร
เมืองเจียงเฉิง ไม่ว่าจะเป็นองค์ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการอย่างสกายเน็ต หรือกระทั่งกองกำลังอย่างสมาคมโลกวิญญาณ ตอนนี้ยังอยู่ในระยะสำรวจพื้นที่อยู่เลย ทุกคนระมัดระวังตัวแจ ตรวจสอบที่ดินอย่างรอบคอบเพราะกลัวว่าจะไปผิดทาง
เพราะงั้นเธอเลยคาดไม่ถึง ว่าในพื้นที่รกร้างแห่งนี้ จะมีกลุ่มเล็กๆปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ
ไม่ว่าจะเป็นพลรบที่สวมอุปกรณ์ครบครัน หรือคนที่ตั้งรกรากอยู่ในสถานที่แห่งนี้เริ่มทำการเพาะปลูก โดยที่ไม่มีคนภายนอกล่วงรู้
สามารถพูดได้เลยว่าพวกเขาทำกันอย่างเงียบเชียบ ทว่ากลับดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก
ฮังอวี่สามารถทำแบบนี้ได้ยังไง?
เขาเริ่มวางแผนตั้งแต่เมื่อไหร่?
พลรบของกลุ่มมังกรฟ้าเดินเข้าไปในห้องก่อนเพื่อรายงาน จากนั้นเขาก็ออกมาหาคนสามคนและพูดว่า “ผู้จัดการของพวกเราอยู่ข้างใน เชิญเข้าไปได้”
ซูหยุนปิงเดินเข้าไปในห้อง
เห็นได้ชัดว่าห้องทำงานของผู้จัดการพึ่งได้รับการทำความสะอาด การจัดเรียงยังดูลวกๆ มีกระทั่งเศษฝุ่นลอยในอากาศ
และด้านหลังโต๊ะ มีเก้าอี้หมุนที่มีพนักพิงกำลังหันหลังให้กับทั้งสาม
ซูหยุนปิงเอ่ยเข้าประเด็น “นักศึกษาฮัง ไม่คิดเลยว่าคนเงียบๆอย่างนาย จริงๆแล้วจะลอบทำเรื่องใหญ่โตแบบนี้ สารภาพตามตรงว่าฉันรู้สึกประทับใ--”
เธอยังพูดไม่ทันจบ เก้าอี้ก็หมุนหันกลับมา และสิ่งที่อยู่บนเก้าอี้นั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นหมา!
เป็นหมาที่กำลังนั่งโพสต์ท่าที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าแท้จริงแล้วฉันเป็นประธานบริษัท กิริยาท่าทางดูขึงขังจริงจัง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ขัดกับทุกอย่าง นั่นคือดวงตาที่ดูตลกขบขัน
“ฮ่ง! เปิ่นหวังขอเดา ว่าพวกคุณคงหาเจ้านาย”
หมา!
นี่มันหมานี่หว่า!
เป็นหมาไปได้ยังไง!
คราวนี้ไม่ต้องพูดถึงเฉารุ่ยหรือหลินหลาน กระทั่งซูหยุนปิงยังอ้าปากกรามค้างเหมือนกับว่ามีใครมาเหยียบตีนเธอ
“ฮ่ง เป็นอะไรกัน? นี่มันน่าแปลกใจมากหรอ?” สุนัขประธานบริษัทเอนหลังพิงเบาะด้วยท่าทางวางอำนาจ “จงเชื่อในสิ่งที่เห็น ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ เปิ่นหวังคือประธานผู้จัดการ และ CEO ของมังกรฟ้ากรุ๊ป”