เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 202
ตอนที่ 202
บัดนี้ หลังจากที่แดนลึกลับโบราณได้เปิดขึ้น ไม่เพียงอัจฉริยะจากอาณาจักรศิลาผู้นั้นจะมายังอาณาเขตเหนือครามเพื่อเข้าไปยังแดนลึกลับ เขายังพาเหล่าชายหนุ่มหญิงสาวที่เป็นดั่งคนรับใช้ของตนตามมาอีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น มีข่าวลือมาว่าข้ารับใช้ของเขาสองคนมีพรสวรรค์สูงล้ำจนสามารถเข้าสำนักศึกษาเซียนอมตะได้ แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ทั้งสองเลือกที่จะมายังแดนลึกลับแห่งนี้เพื่อติดตามรับใช้นายเหนือของตนมากกว่าจะเข้าเป็นศิษย์สำนักศึกษานั้น
กล่าวได้ว่ากระทั่งคนรับใช้ของอัจฉริยะแห่งอาณาจักรศิลายังทรงพลังมากกว่าเหล่าผู้สืบทอดหรืออัจฉริยะทั้งหลายจากกองกำลังใหญ่โตอื่นๆ เสียด้วยซ้ำไป
ในแดนลึกลับแห่งนี้ ตัวตนของคนจากอาณาจักรศิลาเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรยั่วยุอย่างแท้จริง
“เป็นเพียงข้ารับใช้กลับกล้าจองหองต่อหน้าข้าถึงเพียงนี้?”
มุมปากของหลินซวนยกเป็นรอยยิ้มเย็นชา และเขาสามารถบอกได้อีกว่าชายตรงหน้าแข็งแกร่งทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในพลังของมันเพียงใด
อันที่จริงแล้ว หลินซวนมิได้มีอารมณ์ใดกับเหล่าผู้บ่มเพาะจากอาณาจักรศิลา เนื่องจากว่าพวกเขามิใช่เป้าหมายของหลินซวน
ทว่า ข้ารับใช้ผู้นี้กลับเต็มด้วยความเย่อหยิ่ง เพียงมันปรากฏตัวขึ้นก็โจมตีใส่เขาอย่างโหดเหี้ยม หวังปลิดชีพเขา เพราะเหตุนี้หลินซวนจึงไม่คิดจะพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างเกรงใจ มีเพียงความขุ่นเคืองที่เขาจะมอบกลับแก่มัน
ในเวลาเดียวกันนั้น แสงสว่างสีขาวที่แลดูศักดิ์สิทธิ์ก็เจิดจ้าขึ้นเบื้องบนท้องฟ้า มีร่างเงาของมนุษย์คนหนึ่งบินลงมา กลิ่นอายจากร่างนั้นเต็มไปด้วยความไม่ธรรมดาและดูอยู่เหนือความเป็นจริง ปรากฏเป็นหญิงที่ลักษณะคล้ายนางฟ้าที่ถูกสลักขึ้นมาจากหยกจักรพรรดิ
นางอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ดูไร้ตำหนิใด แต่หลินซวนก็ยังไม่สามารถรู้ได้ว่านางเป็นผู้ใด
แสงห้าสีสว่างขึ้นบนฟ้าอีกครั้ง ก่อนที่มันจะก่อร่างเป็นประตูแห่งแสง และมีชายหนุ่มท่าทางองอาจเดินออกมา
เขาอยู่ในชุดเกราะสีทองอร่าม สายตาเฉียบคม สีหน้ามั่นอกมั่นใจและสงบนิ่ง ดูเป็นชายที่เก่งกล้าสามารถผู้หนึ่ง!
ชายหนุ่มคนนั้นมีหยกห้อยเอวที่สลักคำว่า “เป่ยเฉิน” เอาไว้
เขาคือบุตรชายของผู้นำตระกูลเป่ยเฉินจากอาณาจักรชี่แห่งอาณาเขตเหนือคราม เป่ยเฉินจ้าน ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่าเป่ยเฉินหลาน!
มองไปยังผู้คนที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า หลินซวนอดจะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมามิได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่โชคดียิ่ง เป่ยเฉินหลานจึงได้มาพบกับเขาในทันทีที่อีกฝ่ายก้าวเข้ามายังแดนลึกลับ
ทางด้านหญิงสาวชุดขาว นางมีรูปร่างสูงเพรียวและผมดำเงางามสะท้อนประกายดุจกระจก ผิวขาวราวกับหิมะ คิ้วโก่งงอน ดวงตาระยิบระยับเช่นอัญมณี กลิ่นอายของนางเองก็มิใช่สามัญ
อย่างไรก็ตาม หลินซวนไม่ได้รู้สึกอันใด เขาเพียงกวาดตามองนางคราหนึ่งก่อนจะไม่สนใจอีก เขาพบเจอหญิงสาวที่งดงามมามากมาย และกล่าวตามตรง หากพูดถึงความงามแล้ว ซวนหยานหรานมิได้ด้อยไปกว่าหญิงสาวในชุดสีขาวผู้นั้น
ฉิงหู่มองไปยังทารกน้อยเบื้องหน้าตน ประกายสับสนปรากฏขึ้นเล็กน้อยในแววตาดวงนั้น
ทารก? เหตุใดทารกน้อยจึงได้มาปรากฏตัวในแดนลึกลับที่แสนอันตรายเช่นนี้? ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมเขายังคงดูผ่อนคลายได้อยู่? หรือเพราะความเยาว์วัยทำให้มิได้ตระหนักถึงอันตรายรอบด้าน?
อีกทั้ง ด้วยเหตุผลบางประการ นางไม่สามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารหรืออันตรายใดๆ จากเด็กน้อยผู้นั้น
นี่ต้องเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง เป็นเพราะเด็กน้อยคนนี้ต้านทานกองทัพแมลงสายฟ้าเกราะทองคำนับหมื่นเพียงลำพังแถมยังเกือบจะจับราชาของพวกมันได้แล้ว
ฉิงหู่ปลดปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนออกมาโดยฉับพลัน ด้วยต้องการจะทดสอบหลินซวน
ทว่าหลินซวนมิได้ใส่ใจนางแต่อย่างใดและยังปล่อยให้นางสังเกตเขาได้ตามใจ ทำให้นางรู้สึกได้ถึงแสงสว่างราวกับดวงจันทร์วันเพ็ญที่ปรากฏอยู่ตรงระหว่างคิ้วของเขา เป็นแสงที่เจิดจ้าและกระจ่างใสที่คล้ายกับมีตัวตนเป็นนิรันดร์เช่นกำเนิดมาจากหยินบริสุทธิ์!
“พี่สาว ข้ารู้ตัวว่าเป็นชายที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถและรูปลักษณ์อันไร้ที่ติ ตัวตนที่องอาจและไร้เทียมทานเช่นข้าสามารถทำให้หญิงสาวมากมายคุกเข่าร้องขอการหมั้นหมาย ท่านไม่จำเป็นต้องจ้องมองข้าเช่นนี้ มันทำให้ข้าเองรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง” หลินซวนเสแสร้งเป็นเขินอายและยกมือขึ้นมาปกปิดใบหน้าของตัวเอง
เมื่อฉิงหู่ได้ยินประโยคของหลินซวน ใบหน้าของนางก็กระตุกทันที
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใด ฉิงหู่นับว่าเป็นหญิงที่งดงามอย่างหาตัวจับได้ยาก ทั้งหน้าตา รูปร่าง และกิริยาท่าทาง นับเป็นหนึ่งในล้าน เพียงยืนอยู่ตรงนั้น เสน่ห์ล้นเหลือก็แพร่กระจายออกมา
ยิ่งกว่านั้น ด้วยอายุของนางที่มีวัยเพียงยี่สิบ นับได้ว่านางและหลินซวนมิได้มีวัยห่างกันมากนัก
ทว่าเจ้าหัวไชเท้าน้อยเบื้องหน้าของนางกำลังกล่าวสิ่งใด? เขาเรียกนางพี่สาว?
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ฉิงหู่อดจะแปลกใจมิได้เป็นเพราะนางค้นพบว่ากลิ่นอายที่ออกมาจากเจ้าหัวไชเท้าน้อยทรงพลังยิ่งนัก อายุของเขาเป็นของจริงแน่หรือ? ด้วยวัยเพียงหนึ่งหนาวเท่านี้...
หากว่าเป็นเช่นนั้นจริง เด็กน้อยเบื้องหน้าย่อมต้องเป็นตัวตนที่เอ่ยได้ว่าคือสัตว์ประหลาดตนหนึ่งที่มีคุณสมบัติมากพอจะช่วงชิงราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำกับนาง
จากนั้น ฉิงหู่จึงเอ่ยปากออกมา
“สหายน้อย อันที่จริงแล้วข้าบ่มเพาะทักษะลับบางประการที่จำเป็นต้องใช้ราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำตัวนี้ มอบมันให้ข้าได้หรือไม่? หากเจ้าตกลง ข้าจะแลกเปลี่ยนมันด้วยสิ่งของที่มีค่าทัดเทียมกัน”
“ไม่ล่ะ พี่สาวยังสามารถบ่มเพาะด้วยทักษะลับรูปแบบอื่นได้นี่นา” หลินซวนปฏิเสธทันควัน
นี่มันเรื่องตลกอันใดกัน? ราชาแมลงสายฟ้าเกราะทองคำเป็นสมบัติที่มีค่ากับเขายิ่ง แล้วเหตุใดเขาต้องยอมยกมันให้ผู้อื่นอย่างง่ายดาย?
ความว่างเปล่ากลางท้องฟ้าปรากฏความปั่นป่วนขึ้นอีกครา ชายหนุ่มชุดดำจากอาณาจักรศิลาลดสายตาของมันลง แขนเสื้อของมันพลิ้วไหว และจิตสังหารเปล่งประกายในแววตา จี้มังกรหยกม่วงปรากฏขึ้นในอุ้งมือของมัน
“ข้าต้องเตือนเจ้าก่อนว่า ก่อนจะทำสิ่งใดจงพิจารณาให้ดี” หลินซวนมิได้ใส่ใจจิตสังหารของชายหนุ่มในชุดดำแม้แต่น้อย
มันเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหล่า ดวงตาเปล่งประกายคล้ายหมู่ดาวและมีรูปร่างผอมบาง รูปลักษณ์ของมันงดงามและดูสูงสง่า แต่ในเวลาเดียวกันกลับมีกลิ่นอายที่ทรงอำนาจ
เปรียบเทียบกับอัจฉริยะชั้นยอดทั้งหลาย ข้ารับใช้แห่งอาณาจักรศิลาผู้ที่ย่อมมีความแข็งแกร่งมิได้ด้อยไปกว่าผู้ใด
ไม่ว่ามันจะไปยังแห่งหนไหน มันก็ยังคงเป็นตัวตนที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนตลอดเวลา ต่อให้เป็นกองกำลังขนาดใหญ่หรือตระกูลเก่าแก่ก็ยังต้องนอบน้อมแก่มัน
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงข้ารับใช้ แต่มันก็อยู่ภายใต้อิทธิพลของอาณาจักรศิลาที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม สถานะและเบื้องหลังของมันย่อมมิใช่สิ่งที่อัจฉริยะสามัญทั่วไปจะเปรียบเทียบได้ และสำหรับมันแล้ว ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่เป็นเพียงเศษขยะเท่านั้น
“เจ้ากำลังเอ่ยถึงข้า?” ลู่สีหลียิ้มพลางกล่าวออกมา รอยยิ้มที่ฉีกกว้างจนมองเห็นฟันขาวเรียงรายเต็มปากให้ความรู้สึกเย็นชายิ่งนัก น้ำเสียงของมันช่างจองหองและเฉยเมย
“ข้าจะคงต้องบอกว่า เจ้าจะต้องเสียใจในอนาคต”
จากนั้น ร่างของมันก็เริ่มปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจ้า แขนเสื้อสะบัดไหว และในเวลาเดียวกัน อักขระมากมายก็ปรากฏขึ้นล้อมรอบเอว จิตสังหารของมันปะทุขึ้น!
“สหายผู้บ่มเพาะ นี่จะมิไร้เหตุผลไปหน่อยหรือที่ท่านจะแย่งชิงสิ่งของจากผู้อื่นเช่นนี้?” ในตอนนั้นเอง เป่ยเฉินหลานก็กล่าวขึ้น... เขาสวมใส่เกราะทองคำ สีหน้ายังคงสุขุม ทว่าให้ความรู้สึกทระนงและไร้เทียมทาน