บทที่ 104 โจมตีเมืองหลัก
บทที่ 104 โจมตีเมืองหลัก
กุนไท่ออกจากตำหนักก่อนจะไปหาบิดาของตนที่ห้องโถง แต่ก็พบว่าไม่ใช่มีแค่กุนจวินเท่านั้น ยังมีเหล่าผู้อาวุโสของสำนักลิขิตสวรรค์และเหล่าผู้อาวุโสจากราชวงศ์หย่งอีกด้วย
จากเสียงที่พวกเขากำลังพูดคุยกันนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าบิดาของตนนั้นจะไปบุกเมืองหลักของอีกฝ่ายแล้ว! ตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงกำลังได้เปรียบ
เหล่าผู้อาวุโสหยุดพูดคุยกันทันที เพราะสัมผัสได้ถึงตัวตนของกุนไท่ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มอย่างพร้อมเพรียงกัน!
“ขออภัยที่รบกวนพวกท่าน!”
กุนไท่รู้สึกว่าตนเสียมารยาทเลยเอ่ยขออภัยไปพลางโค้งตัวคำนับ
“นายน้อยท่านไม่ใช่คนอื่นคนไกล พวกเราเห็นว่าท่านกำลังปิดตัวบ่มเพาะ เลยไม่ได้เชิญท่านมาหารือด้วย!”
“โอ้! ไม่น่าเชื่อ! ท่านทะลวงได้อีกแล้ว!”
มีผู้อาวุโสคนหนึ่งตรวจสอบระดับบ่มเพาะของกุนไท่ได้ ก่อนจะอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ คนอื่นก็ตกใจไปตามๆกันเพราะการบ่มเพาะที่รวดเร็วเช่นนี้ พวกเขาพึ่งจะเคยพบเคยเห็น!
กุนจวินยิ้มออกมาอย่างดีใจ ยิ่งบุตรชายของตนแข็งแกร่งมากขึ้น เขาก็ยิ่งสบายใจมากขึ้นเพราะหากกุนไท่สามารถดูแลตนเองได้แล้ว เขาก็จะวางใจที่จะสามารถฝากฝั่งทุกสิ่งทุกอย่างได้!
“ท่านพ่อ! ข้าได้ยินหมดเราจะไปเมืองหลักของอีกฝ่ายเมื่อไหร่!?”
“ตอนแรกข้าคิดว่าจะรอให้เจ้าออกจากการบ่มเพาะก่อนแล้วค่อยไป แต่ในเมื่อเจ้าออกมาแล้วเราจะไปกันตอนนี้เลย!”
ครึ่งชั่งยามต่อมา คนที่อยู่ระดับผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างน้อยนั้นจะต้องไปเมืองหลักของทวีปทรายทมิฬกันทุกคน ส่วนคนที่เหลือนั้นจะต้องอยู่ปกป้องเมืองนี้เอาไว้
ส่วนคนที่ระดับบ่มเพาะถึงมาตรฐานนั้นจะต้องขึ้นเรือเพื่อออกเดินทาง จำนวนคนที่ไปนั้นมีถึงห้าแสนคน! แต่หากเทียบกับศัตรูนั้นก็ยังมิอาจทราบได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีจำนวนมากแค่ไหน
ด้วยความเร็วของเรือรบลำนี้นั้น สามารถไปถึงเมืองหลักของอีกฝ่ายนั้นภายใน 10 วัน! ระหว่างการเดินทางกุนไท่ก็ใช้เวลาที่เหลือบ่มเพาะ จนในที่สุดก็ได้มาถึงเมืองหลักของทวีปทรายทมิฬ
เรือรบค่อยๆลงจอดที่พื้น ทุกคนใช้เวลาที่เหลือในการวางแผน ก่อนจะเริ่มต้นแผนการของพวกเขาทันที
เมืองหลักนั้นเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด และถือเป็นรากฐานของทวีปเลยก็ว่าได้ ผู้ปกครองทวีปและบุคคลชั้นสูงของทวีปนั้นต่างอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้! นี่เป็นศึกสุดท้ายของสงครามในครั้งนี้! ทวีปใดจะอยู่รอดก็ขึ้นอยู่กับชัยชนะในครั้งนี้
สงครามในครั้งนี้กุนไท่ตัดสินใจจะให้กุนหยูออกมา เพราะการออกมาในครั้งนี้ไม่ได้นานมากนัก คาดว่าสงครามคงใช้เวลาตัดสินไม่เกิน 10 วัน ด้วยระดับบ่มเพาะที่สูงมากขึ้นของกุนไท่นั้น ยิ่งทำให้กุนหยูแข็งแกร่งมากขึ้น! ด้วยพลังของกุนหยูในตอนนี้สามารถจัดการกับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ ขั้นสูงสุดได้แม้จะยากลำบากก็ตาม แต่หากใช้พลังของสมบัติสวรรค์ก็สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ไม่ยากนัก!
เมืองหลักนั้นถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงทรายสีดำที่สวยงาม ตรงกลางของเมืองนั้นมีสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่โตมโหฬารน่าเกรงขาม! มันคือคฤหาสน์ของผู้ปกครองทวีปทรายทมิฬแห่งนี้
ภายในนั้นมีแสงสว่างไสวจากคบเพลิงขนาดใหญ่ที่ติดตามฝาผนัง บนสุดของคฤหาสน์มีชายชรารูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าประทับไปด้วยความเย็นชาและเหี่ยวย่น แม้จะดูชรามากแล้วแต่ท่าทางนั้นดูราวกับคนหนุ่มสาวที่ยังอายุน้อย ร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นบ่งบอกถึงกำลังวังชาที่มากมายมหาศาล ชายชราผู้นี้คือผู้ปกครองทวีปทรายทมิฬ!
ด้านหลังของเขานั้นปรากฏทหารคนหนึ่งสวมใส่ชุดเกราะ มันโค้งตัวลงพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความเคารพและหวาดกลัวว่า
“ท่านราชัน! ในตอนนี้เราได้รับแจ้งมาแล้วว่า กุนจวินได้นำทัพมาถึงเมืองของเราแล้ว! รวมถึงกำลังจะบุกมาที่เมืองนี้แล้วด้วย!”
ดวงตาของชายชราเปล่งประกายแห่งความโหดเหี้ยม ก่อนจะตอบกลับไปโดยไม่หันกลับไปมองว่า
“ทำตามแผน! ข้าอยากจะรู้นักว่า สาเหตุที่มันชนะสงครามมาได้ในแต่ละครั้ง มันเป็นเพราะแผนของข้าทั้งหมด รวมถึงสามขุนพลมหาอำนาจตัวปลอมที่ข้าส่งไปอีกด้วย! ฮา ฮ่าๆๆๆ! กุนจวินเจ้าไม่รอดแน่!”
“ด้วยความปราดเปรื่องของท่าน! ใครเล่าจะสามารถต่อต้านท่านได้ ด้วยสติปัญญาที่สูงส่งและลึกล้ำของท่าน การที่จัดการกับทวีปขนาดกลางเพียงแค่นี้! เหตุใดเราจะต้องกลัวในเมื่อเรามีผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้!”
นักรบคนนั้นกล่าวคำสรรเสริญแก่อีกฝ่ายยกใหญ่ เพื่อประจบประแจงและหวังว่าราชันผู้นี้จะตบรางวัลให้มัน
“เลิกพูดยกย่องข้าได้แล้ว! รีบไปจัดการตามแผนอย่าให้เสียแผนเด็ดขาด!”
ราชันทรายทมิฬตอบกลับไปด้วยความเย็นชา โดยไม่ได้สนใจคำสรรเสริญของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย!
นักรบคนนั้นอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว การพูดคุยของทั้งสองนั้นกุนจวินไม่มีทางรับรู้ได้อย่างแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ทวีปอรุณเบิกฟ้ามาถึง ก็ได้ถูกรับรู้โดยอีกฝ่ายไว้หมดแล้ว!
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์อันอบอุ่นนั้นสาดส่องลงมา ทำให้กุนไท่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่สาดลงมา ความสบายและความสงบเกิดขึ้นในใจของชายหนุ่ม
กุนหยูได้ควบคุมร่างของกุนไท่เรียบร้อยแล้ว! เขาเผยรอยยิ้มที่หล่อเหลาออกมา ก่อนจะเหาะไปที่สนามรบด้วยความตื่นเต้น!
สงครามนั้นได้เริ่มไปแล้ว การโจมตีเริ่มตั้งแต่ยามค่ำคืนที่เงียบสงันนั้น ถือว่าทำให้อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว แต่อีกฝ่ายนั้นเหมือนกับว่ารู้การเคลื่อนไหวอยู่ก่อนแล้ว มีทหารจำนวนมากกำลังดักซุ่มอยู่แถวป่าและฉวยโอกาสทีเผลอโจมตีทหารจากทวีปอรุณเบิกฟ้าตกตายไปหลายสิบคน!
กุนจวินเริ่มรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น เขาเริ่มคาดเดาได้แล้วว่าภายในสำนักของตนนั้นจะต้องมีหนอนบ่อนไส้อย่างแน่นอน ด้วยความรอบคอบของตน รวมถึงการเดินทางที่รวดเร็ว มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะรู้ได้แน่ชัดว่า ฝ่ายตนจะบุกมาตอนไหน รวมถึงตำแหน่งของพวกเขาที่อีกฝ่ายล่วงรู้ ถึงกลับวางแผนดักซุ่มโจมตีได้!
กุนหยูนำทัพทหารพันคนตามไปที่สนามรบ เขาเป็นทัพเสริมที่คอยเติมทัพหน้าไม่ให้ขาด กลิ่นเลือดและซากศพของผู้ที่พึ่งตกตายไปนั้น มันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสดชื่นราวกับอยู่ในทุ่งดอกไม้ก็มิปาน!