SWO ตอนที่ 17 อ่อนแอเกินไป!
“ปะ เป็นไปได้ยังไง?”
“ในรัศมี 10,000 เมตรของเมืองจะมีแม่ทัพอสูรขั้นสูงอยู่ได้ยังไง!”
“พวกหน่วยข่าวกรองมันมัวทำอะไรกันอยู่!”
ผู้บัญชาการกองพันชูสบถซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม่ทัพอสูรขั้นสูงมีพลังมหาศาลระดับที่สามารถทำลายเมืองเล็ก ๆ ได้อย่างง่ายดาย
พลังทำลายล้างของพวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าระเบิดนิวเคลียร์ขนาดย่อม ๆ!
ต่อหน้ามันแม้แต่ตัวตนระดับปรมาจารย์ยังต้องหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง
มีเพียงปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธเท่านั้นที่สามารถสงบได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรดังกล่าว
เดิมผู้บัญชาการกองพันชูต้องการหลบหนีไปทันที แต่เขารู้ดีว่าเขาทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะถ้าเขาหนีไป เหล่านักเรียน และทีมชั่วคราวที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังจะต้องตกตายกระทั่งร่างก็อาจไม่เหลือ
“รีบพาพวกนักเรียนหนีไป ข้าะเป็นคนล่อหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินตัวนี้ไว้เอง!!” ผู้บัญชาการกองพันชูตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
ปัง.
สิ้นเสียงของเขา กรงเล็บของหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินก็ตบลงมาราวสายฟ้า
ผู้บัญชาการกองพันชูถูกส่งบินออกไปหลายร้อยเมตรทันทีก่อนที่เขาจะทันได้ตอบโต้ด้วยซ้ำ
โชคดีที่เขาสวมชุดเกราะระดับแม่ทัพไว้ทำให้การโจมตีของมันอ่อนลง ถึงกระนั้นเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส และหมดสติไปทันที
ชายร่างสูง และคนอื่น ๆ ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวตนระดับปรมาจารย์อย่างผู้บัญชาการกองพันชูจะถูกหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินโจมตีจนหมดสติในกระบวนท่าเดียวแบบนี้
“นี่คือพลังอันน่าสะพรึงกลัวของหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินงั้นรึ!”
ผู้ฝึกยุทธ ผู้คุ้มกัน ซูหลิง และนักเรียนคนอื่น ๆ ตกอยู่ในความสิ้นหวัง
แม้แต่ระดับปรมาจารย์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
เวลานี้ไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้อีกแล้ว พวกเขาทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น
“ฮือ ข้าไม่อยากตาย ข้ายังไม่ทันได้เป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวเลยด้วยซ้ำ!” นักเรียนหลายคนทรุดลง และเริ่มร้องไห้
ซูหลิงร้องไห้ เธอก็ไม่อยากตายเช่นกัน
ดวงตาสีแดงเลือดของหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินจับจ้องไปที่พวกเขาอย่างเย้ยหยันขณะที่มันค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้ทีละก้าว
ไม่มีใครสามารถสงบได้เมื่อต้องเผชิญกับความตายที่กำลังใกล้เข้ามา
ขณะที่พวกเขาคิดว่ากำลังจะตายในพื้นที่รกร้าง ร่างหนึ่งก็เคลื่อนไหว
เป็นโจวเฮา!
แก่นโลหิตภายในร่างทั้งหมดเสมือนไร้ก้นบึ้ง แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของแก่นโลหิตแผ่กระจายออกไปหลายพันเมตรราวกับภูเขาโดยมีมีศูนย์กลางเป็นตัวเขา
ทันใดนั้นวัชพืชที่ขึ้นหนาก็เริ่มโบกไปมาอย่างบ้าคลั่ง
แม้แต่ต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่านซึ่งสูงเกือบร้อยเมตรก็ยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เส้นลมปราณทั้ง 108 เส้นของโจวเฮาโคจรโดยอัตโนมัติ ขณะที่แก่นโลหิตของเขาค่อย ๆ เดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะรวบนิ้วทั้งห้าเป็นหมัด
จากนั้น…
บูม!
อากาศระเบิดปล่อยเสียงคำรามขนาดทำให้หูหนวกได้ออกมา
แรงอันน่าสะพรึงเปรียบดั่งดาวหางพุ่งชน ด้วยการสั่นสะเทือนเหนือเสียง ทันใดนั้นมันก็ข้ามผ่านไปถึงหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินซึ่งสูงหลายร้อยเมตรในทันที
แคร็ก!!!
ขนและกระดูกของหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินซึ่งสามารถทนต่อการทิ้งระเบิดขีปนาวุธได้อย่างง่ายดาย แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับเปลือกไข่ภายใต้หมัดนี้
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดฉีกผ่านท้องฟ้า แต่ไม่นานก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายใหญ่สูงหลายร้อยเมตรกระแทกกับพื้นอย่างแรง พัดฝุ่นจำนวนมากขึ้นมา
โจวเฮาถอนหมัดกลับ และมองไปยังร่างหมาป่ายักษ์สูงร้อยเมตรที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยความงุนงง
จบแค่นี้?
หมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินอ่อนแอมากจนทำให้โจวเฮาประหลาดใจ
เพราะหมัดเมื่อครู่เขาใช้แรงไปไม่ถึง 20% ด้วยซ้ำ
เดิมทีเขาคิดว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้ในการจบชีวิตหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงิน แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะจบด้วยเพียงหมัดเดียว!
“ดูเหมือนว่าแก่นโลหิตที่เพิ่มขึ้นจากเคล็ดวิชานาคคชสารปัญญาบารมี 108 ขั้นนั้นจะแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก!” โจวเฮาครุ่นคิด ถ้าการที่สามารถต่อสู้กับแม่ทัพอสูรขั้นสูงสามารถเทียบได้กับปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ งั้นเขาที่สามารถฆ่าหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงินได้ด้วยหมัดเดียวควรถึงระดับปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงแล้ว
ไม่สิ บางทีอาจจะเป็นปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูงสุดด้วยซ้ำ!
เวลานี้เองที่โจวเฮาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของตนเองได้อย่างชัดเจน
สิ่งนี้ทำให้เขาค่อนข้างตื่นเต้น
หนึ่งต้องรู้ว่าในเมืองใหญ่เช่นเมืองหัวตง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธขั้นสูง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา โจวเฮาสามารถดูแลเมืองใหญ่ได้แล้ว
อย่างไรก็ตามโจวเฮารู้ดีว่าเขายังไม่ได้ปรับแต่งและขัดเกลาความแข็งแกร่งของเขา ทั่วร่างกายยังอยู่ในระดับแก่นโลหิตเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงยังคงอยู่ในขอบเขตเดียวกับผู้ฝึกยุทธ ส่วนที่มาของพลังคงไม่ใช่ที่ไหนอื่นนอกจากเคล็ดวิชานาคคชสารปัญญาบารมีที่วิวัฒนาการขึ้นมา
“หลังจากพบเถาวัลย์เลือดสกาเล็ต และเขาแรดแล้ว ข้าต้องรีบหาเทคนิคบ่มเพาะระดับสูงมาใช้โดยเร็วที่สุด!” เนื่องจากแก่นโลหิตของเขาได้รับการปรับปรุงอย่างมาก โจวเฮาจึงรู้สึกตื่นเต้นและ ตั้งตารอดูว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใดเมื่อเขาก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธอย่างแท้จริง
โจวเฮาเหลือบมองหน้าจอเสมือนจนติดเป็นนิสัย
แต้มโชค: 29,722 (ระดับปัจจุบัน: โชคท่วมท้น)
หลังจากฆ่าแม่ทัพอสูรขั้นสูงไป แต้มโชคของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอีก 10,000 แต้ม
โจวเฮาดีใจมากในทันที อย่างที่คาดไว้ การฆ่าสัตว์อสูรระดับสูงจะเพิ่มแต้มโชคของเขาอย่างมาก
“แต้มโชคของข้าเวลานี้เกือบถึง 30,000 แต้มแล้ว แต่คำกำกับด้านหลังยังคงเป็น ‘โชคท่วมท้น’ อยู่ สงสัยเสียจริงว่าต้องใช้แต้มโชคอีกมากน้อยแค่ไหนจึงจะถึงระดับต่อไป?”
แม้ว่าเขาจะเปิดกล่องปริศนาไปเพียงครั้งเดียว แต่โจวเฮาก็สามารถเดาได้คร่าว ๆ ว่ายิ่งมีแต้มโชคสะสมมากเท่าไหร่ ระดับก็จะยิ่งสูงขึ้น และโอกาสในการเปิดไอเท็มระดับหายากก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
“ข้าเพิ่งมาถึงพื้นที่รกร้างแท้ ๆ แต่กลับสามารถสะสมแต้มโชคได้มากกว่าในเมืองทั้งวันรวมกันเสียอีก”
โจวห่าวครุ่นคิดอย่างลับ ๆ ดูเหมือนว่าการฆ่าสัตว์อสูรระดับสูง และเผ่าพันธุ์ภายนอกจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการสะสมแต้มโชค ในเมืองเขาทำได้เพียงตบแมลงเท่านั้น ดังนั้นการสะสมแต้มโชคของเขาจึงดำเนินไปช้ามาก
“ทะ… ท่านคือปรมาจารย์ผู้เยี่ยมยุทธ?”
ในตอนนั้นเองเสียงที่สั่นเทาก็ดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของโจวเฮา