(ฟรี) Dual Cultivation บทที่ 869 ยอดเขาบรรพบุรุษ
เมื่อเขากลับไปที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ซูหยางก็ไปที่ตำหนักโอสถเพื่อค้นหาซูลี่ชิง
"คารวะ ซูหยาง" เหล่าศิษย์กล่าวทักทายเขาอย่างมีความสุข
หลังจากใช้เวลาสองสามนาทีพูดคุยกับเหล่าศิษย์แล้ว ซูหยางก็ขึ้นไปที่ชั้นบนแล้วเคาะประตู
"เข้ามา" เสียงของซูลี่ชิงดังขึ้น
ซูหยางเปิดประตูและเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่เงียบสงบของนาง
"เจ้าพร้อมที่จะไปหรือยัง" ซูหยางถามนาง
"ข้าพร้อมแล้ว" ซูลี่ชิงพยักหน้าขณะที่นางยืนขึ้น
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าพวกเขากำลังจะไปที่ไหนสักแห่ง ซูหยางก็ไม่แน่ใจว่าจะไปที่ไหน ในเมื่อเพราะซูลี่ชิงเป็นผู้ที่เข้ามาหาเขาและกำหนดเวลานัดหมายนี้ไว้ตั้งแต่แรก
ทั้งสองเดินลงไปชั้นล่าง และเมื่อออกไปข้างนอก ซูลี่ชิงก็เป็นผู้นำพาซูหยางไปยังพื้นที่ห่างไกลภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่เขาไม่เคยไปมาก่อน
บริเวณนั้นเป็นเนินเขาเล็กๆ ที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้ และบนยอดเขาก็มีป้ายหน้าหลุมฝังศพสองใบตั้งตระหง่านอยู่
"นี่คือยอดเขาบรรพบุรุษ ที่เราฝังเจ้าสำนักรุ่นก่อนหน้าของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย" ซูลี่ชิงพูดกับเขาขณะที่นางเดินไปที่หลุมศพ
"นี่คือที่ฝังเจ้าสำนักรุ่นก่อน พวกเขารับข้าไว้ตอนที่พ่อแม่ของข้าตาย และปฏิบัติกับข้าเหมือนว่าข้าเป็นลูกของตัวเอง และข้าก็ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนพ่อแม่ที่แท้จริง ข้าแค่อยากจะบอกลาพวกเขา ก่อนที่จะจากพิภพนี้ไปกับเจ้า" ซูลี่ชิงกล่าว
"ใช้เวลาตามสบาย" ซูหยางกล่าว
"ท่านพ่อ ท่านแม่ นานแล้ว วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อแนะนำท่านให้รู้จักเจ้าสำนักของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยคนปัจจุบันและคู่ร่วมฝึกของข้า ซูหยาง"
"นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกลายเป็นสถานที่พลุกพล่าน และถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา มันเป็นสถานที่ซึ่งแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงนับตั้งแต่ซูหยางกลายเป็นเจ้าสำนัก ศิษย์ทุกคนมีความสุข นิกายที่ไร้ชื่อกลับมีชื่อโด่งดังและเป็นบวก และตัวนิกายเองก็กลายเป็นหนึ่งในนิกายชั้นนำในยุทธภพ ไม่น่าเชื่อใช่หรือไม่ ข้าหวังว่าท่านทั้งสองคนที่นี่จะได้เป็นสักขีพยาน แต่น่าเสียดาย..."
หลังจากพูดถึงนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยสักพักแล้ว ซูลี่ชิงก็เริ่มพูดถึงการจากไปของนาง
"เร็วๆ นี้ ข้าจะออกจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและพิภพนี้ไปกับซูหยาง สถานที่นั้นมีชื่อว่าสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ข้ารู้สึกตื่นเต้นมากจริงๆ ข้าไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้ว มันคล้ายกับความตื่นเต้นที่เด็กๆ รู้สึกเมื่อจะได้ไปที่สนามเด็กเล่นแห่งใหม่ ข้าไม่สามารถอดใจรอดูว่าสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นอย่างไร"
"แม้ว่าสถานที่นั้นจะอันตรายกว่าที่นี่ ข้าเชื่อมั่นในซูหยางอย่างเต็มที่ว่าเขาจะสามารถปกป้องข้า พวกเราทั้งหมดได้"
"ฉะนั้น นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้มาที่นี่"
หลังจากบอกลาแล้ว ซูลี่ชิงก็ยืนขึ้นและหันไปมองซูหยาง
"ข้าพร้อมที่จะไปแล้ว"
ซูหยางพยักหน้า และทั้งสองก็ออกจากยอดเขาบรรพบุรุษ กลับไปที่ตำหนักโอสถหลังจากนั้นไม่นาน
"ข้าคงจะคิดถึงนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเมื่อเราจากไป" ซูลี่ชิงถอนหายใจหลังจากที่พวกเขากลับไปที่ห้องของนาง
"ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้อยู่ที่นี่นานมากเท่าไหร่นัก หรือมิได้มีความผูกพันกับสถานที่นี้เท่าไหร่ ข้าก็คงจะคิดถึงนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเช่นกัน ที่แห่งนี้มีบางอย่างที่ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน" ซูหยางกล่าว
"แต่มิต้องกังวล ไม่ถึงกับว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลับมายังพิภพนี้ ไม่ว่าอย่างไร ตราบใดที่พิภพนี้ยังคงอยู่ในฟากฟ้าดาราพราว ในที่สุดเราก็จะพบเจอมันและกลับมาหามันอีกครั้ง"
"เจ้าคิดว่าเจ้าจะใช้เวลานานเท่าใดในการค้นหาทั่วฟากฟ้าดาราพราว ดูเหมือนจะใช้เวลานาน"
ซูหยางหัวเราะแล้วพูดว่า "มิถึงขนาดนั้น มีสมบัติอยู่ข้างนอกนั่นที่สามารถช่วยเราค้นหาสถานที่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตราบเท่าที่เราเคยไปที่นั่นมาก่อน และเมื่อพลังการฝึกปรือของเจ้าก้าวไปถึงระดับหนึ่ง ก็จะสามารถข้ามฟากฟ้าดาราพราวด้วยสองเท้าของเจ้าเองได้ และเพียงก้าวเดียวก็จะสามารถพาเจ้าเดินทางไปไกลนับล้านกิโลเมตรได้อย่างง่ายดาย"
"น่าเสียดาย นั่นเกินความเข้าใจในปัจจุบันของข้า ข้าเลยนึกไม่ออก" ซูลี่ชิงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มหวานปนขื่นขม
เวลาต่อมาหลังจากนั้น ซูหยางก็ออกจากตำหนักโอสถและไปหาพี่น้องตระกูลฟาง
"แน่ใจนะว่าเจ้ามิต้องการบอกลาตระกูลของเจ้า" ซูหยางถามพวกนาง
ฟางซีหลานพยักหน้าและพูดว่า "ข้าไม่เคยถือว่าพวกเขาเป็นตระกูลของข้า ใช่ว่าพวกเขาจะสนใจว่าพวกเราจะจากไปหรือไม่ ข้าชอบใช้เวลาที่เหลือเพียงเล็กน้อยกับเซี่ยวไป่"
"ข้าเห็นด้วยกับพี่สาวของข้า ข้าอยู่กับพวกเขามานานที่สุด ข้าจึงรู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร" ฟางเซี่ยวหรูกล่าว
"ข้าเข้าใจ ถ้านั่นคือการตัดสินใจของเจ้า ข้าจะไม่พูดอะไรอีก" ซูหยางพยักหน้า
หลังจากออกจากที่พัก ของพี่น้องตระกูลฟางแล้ว ซูหยางก็ไปยังที่พักของซูหยิน
"เจ้าพร้อมที่จะไปพบกับตระกูลซูเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะจากไปหรือยัง" ซูหยางถามนาง
"ใช่ ข้าพร้อมแล้ว เราไปกันเถอะ" ซูหยินพยักหน้า
จากนั้นซูหยางก็นำสมบัติบินของเขาออกมาและนำซูหยินไปที่ตระกูลซูในภาคเหนือ
"ไม่ได้เห็นทิวทัศน์นี้มาระยะหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปมากนับตั้งแต่นั้น" ซูหยินพึมพำหลังจากที่พวกเขามาถึงบ้านของตระกูลซู แต่สถานที่กลับดูมีสีสันน้อยลงกว่าที่นางจำได้
##ให้กำลังใจผู้แปลที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com ด้วยนะคะ
รูปลักษณ์ของสถานที่นั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่บรรยากาศกลับมืดมนและเงียบเหงาผิดปกติ ราวกับว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
"สถานที่อาจจะดูแตกต่างไปเพราะข้าโตแล้ว และข้าก็ไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว" ซูหยินพึมพำก่อนจะก้าวเท้าไปยังสถานที่แห่งนั้น
"เราไปกันเถอะ พี่ชาย" ซูหยินจับมือเขาแล้วดึงเขาไปข้างหน้าเบาๆ