CD บทที่ 201 มีอีกคน
ข้อดีของการมีเหมี่ยวอิงเป็นคู่หูคือจ้าวหยู่ไม่จำเป็นต้องขับรถเอง เหมี่ยวอิงจะหารือเกี่ยวกับคดีนี้กับจ้าวหยู่ขณะที่พวกเขาขับรถซึ่งทำให้เขาสบายมากขึ้นเมื่อเทียบกับการสืบสวนด้วยตัวเอง
“ฉันได้ยินมาว่า...” เหมี่ยวอิงพูดกับจ้าวหยู่ “แผนกคนหายได้พบคนสองสามคนที่คล้ายกับเหลียงซือซือใช่มั้ย?”
"ใช่" จ้าวหยู่พยักหน้า “แต่ไม่มีใครมี DNA ตรงกันสักคน!”
"เฮ้อ!" เหมี่ยวอิงถอนหายใจ “มันเหมือนกับการหาเข็มในมหาสมุทรจริง ๆ แม้ว่าเราหวังว่าเหลียงซือซือจะยังมีชีวิตอยู่แต่ความเป็นไปได้ก็ต่ำมาก คุณคิดมั้นว่าบางทีมันอาจจะเป็นการเล่นของเด็ก ๆ แต่ผลสุดท้าย เรื่องมันบานปลายจนไม่อาจควบคุมได้”
"ไม่เอาน่า!" จ้าวหยู่ส่ายหัว “อาจเป็นไปได้ถ้าเรากำลังพูดถึงเด็กสมัยนี้แต่เด็กสมัยนั้นคงไม่เล่นกันแบบนี้แน่นอน นอกจากนี้ คุณคิดว่าเด็ก ๆ สามารถเรียกค่าไถ่ ซ่อนตัวในเหมืองและใช้ไดนาไมต์ได้หรือไง?”
“นั่นก็จริง” เหมี่ยวอิงพยักหน้าและพูดถึงสมมติฐานที่แปลกประหลาดของเธอต่อ
จ้าวหยู่สามารถบอกได้ว่าเหมี่ยวอิงสนใจคดีลักพาตัวเมียนหลิงจนถึงขั้นหมกมุ่นเลยก็ว่าได้
ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ จู่ ๆ เหมี่ยวอิงก็พูดถึงหัวหน้าจินขึ้นมา
“ฉันได้ยินจากหัวหน้าเหลียงจากสถานีรุ่ยหยางว่า เขาอยู่ทีมเดียวกับหัวหน้าจินในสมัยก่อน เขาเล่าให้ฟังว่าหัวหน้าจินเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของตำรวจ ในตอนที่เขายังหนุ่ม ๆ เขาได้ไขคดีสำคัญ ๆ หลายคดีและจับกุมอาชญากรที่ชั่วร้ายหลายคนได้!”
“ใช่ เขาเป็นคนที่โดดเด่นจริง ๆ แล้วค่อนข้างดื้อรั้นด้วย!” จ้าวหยู่อารมณ์เสียเมื่อนึกถึงหัวหน้าจิน
“หัวหน้าเหลียงบอกว่าหัวหน้าจินสามารถเป็นหัวหน้าสถานีก็ยังได้ถ้าเขาเต็มใจ!” เหมี่ยวอิงกล่าวต่อ "แต่น่าเสียดายที่เขาชอบที่จะเป็นแนวหน้าเพื่อไขคดีและจับอาชญากรและไม่สนใจที่จะเป็นหัวหน้าสถานีเลย!"
จ้าวหยู่คิด ‘หัวหน้าจินเป็นเหมือนกับคุณเลย คุณยอมถูกลดตำแหน่งลงเพียงเพื่อจัดการกับคดีลักพาตัวเมียนหลิง’
เขากลัวว่าเขาจะถูกทุบตี ถ้าหากพูดออกไป ดังนั้น เขาจึงเงียบปาก
“อารมณ์ของชายชราคนนี้น่าจะค่อนข้างคาดเดายาก” เหมี่ยวอิงดูเหมือนจะค่อนข้างสนใจหัวหน้าจินและพูดต่อ “เขาไม่ได้แจ้งให้ใครทราบหลังจากได้รับการผ่าตัดเนื้อร้ายที่กระดูกต้นขาของเขา ถ้าหัวหน้าเหลียงไม่ไปเจอเขาที่โรงพยาบาลก็คงไม่มีใครรู้เรื่องนี้!”
“อืม…” จ้าวหยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแต่ถามขึ้นเมื่อเขานึกขึ้นได้ “คุณพูดอะไรนะ เนื้อร้ายที่หัวกระดูกต้นขา!?”
“ดูสิ” เหมี่ยวอิงพูดติดตลก “แม้แต่คุณก็ไม่รู้เรื่องนี้ ชายชราคนนี้ดื้อเกินไปจริง ๆ แต่คุณไม่ต้องกังวลไป ฉันได้ยินมาว่าเขาได้ปลูกถ่ายอันใหม่แล้วและเดินได้แล้ว เฮ้? หยู่ คุณสบายดีไหม ทำไมทำหน้าบึ้งแบบนี้?”
‘หนอย ไอ้แก่!’ แน่นอนว่าจ้าวหยู่กำลังสบถ แม้กระทั่งเหงือกของเขาเกือบจะมีเลือดออก! ‘ไม่รู้ว่าชายชราคนนี้ทำไปเพื่ออะไร! โลกนี้ช่างชั่วร้ายจริง ๆ ทุกคนล้วนมีแรงจูงใจซ่อนเร้นกันทั้งนั้น!’ เขาคิดกับตัวเอง
แต่เมื่อจ้าวหยู่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าหัวหน้าจินจะหลอกเขา ความตั้งใจของเขาก็ยังดี บางทีเขาอาจกังวลว่าจ้าวหยู่จะลาออกจากกรมตำรวจเพราะเขาถูกพักงาน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้อาการป่วยปลอม ๆ ของเขาดึงตัวจ้าวหยู่กลับมา
‘นอกจากนี้ เขายังมอบสมุดปกเหลืองอันล้ำค่าให้ฉัน มันเป็นวิธีแสดงความเชื่อมั่นในตัวฉันอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด’ จ้าวหยู่คิด
แต่จ้าวหยู่รู้สึกไม่ดีเมื่อรู้ว่าเขาถูกหลอก!
ทักษะการขับรถของเหมี่ยวอิงนั้นน่าทึ่งพอ ๆ กับทักษะศิลปะการต่อสู้ของเธอ พวกเขาไปถึงเมืองหม่าเฟิงในไม่ช้า
ตามข้อมูลที่จางจิงเฟิงพบ ฮานเหวินจวินทำธุรกิจเกี่ยวกับโลหะมาหลายปี เขาสร้างบริษัทและให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่การขุด การค้าขายและการประมวลผล ธุรกิจของเขาค่อนข้างมั่นคง สำนักงานใหญ่ปัจจุบันของเขายังตั้งอยู่ในเมืองหลวงอีกด้วย!
จ้าวหยู่พยายามโทรหาก่อนที่พวกเขาจะไปสอบสวนแต่ไม่มีใครรับสายหรือเป็นหมายเลขที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปหาเขาด้วยตนเอง
ฮานเหวินจวินมีฐานะดีมาก เขาสร้างคฤหาสน์อันสง่างามในทำเลที่ทอง
เมื่อจ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงมาถึง พวกเขาทำได้เพียงเห็นหลานคนโตของฮานเหวินจวิน หลานของเขาบอกพวกเขาว่าฮานเหวินจวินแทบจะไม่เคยกลับมาและอยู่ในเมืองหลวงอย่างถาวร พวกเขาจะต้องตามหาเขาในเมืองหลวง
จ้าวหยู่ถามคำถามสองสามข้อเกี่ยวกับอดีตของฮานเหวินจวินกับหลานแต่เขาไม่สามารถตอบได้เนื่องจากเขายังเด็กเกินไป
จ้าวหยู่จึงเดินทางกลับหลังจากได้รับหมายเลขโทรศัพท์และโทรออกทันที จากนั้น เลขานุการของฮานเหวินจวินได้รับสาย
จ้าวหยู่อธิบายว่าทำไมเขาถึงโทรมาและเลขานัดที่เมืองหลวงในสุดสัปดาห์หน้าก่อนที่เธอจะวางสาย
"หนอย!" จ้าวหยู่รู้สึกหงุดหงิด “ทำไมเราต้องไปหาด้วย!? แค่รับสายหน่อยไม่ได้หรือไง ฮึ่ม! คิดว่าตัวเองรวยแล้วจะปฏิบัติกับคนอื่นยังไงก็ได้รึไง!”
อย่างไรก็ตาม เหมี่ยวอิงให้ความสำคัญกับการเป็นผู้นำนี้เป็นอย่างมากและบอกจ้าวหยู่ว่า
"เราต้องไม่เสียเวลาโดยใช่เหตุ เราต้องพบกับฮานเหวินจวินในตอนที่เขาสะดวกพบจริง ๆ หากเขานี้ทำงานในเหมืองที่เมืองหยินแพนจริง ๆ เราจะได้เบาะแสเพิ่มเติมจากเขาอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนร้ายลักพาตัวก็ตาม”
จ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงออกไปเยี่ยมคนอื่นในรายการทันทีหลังจากที่พวกเขาออกจากคฤหาสน์ของฮานเหวินจวิน เขาไปพบชายชราอีกคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหม่าเฟิง เขาอายุประมาณ 80 ปี เขาเคยทำงานในเหมืองที่เมืองหยินแพนและก็มีฐานะดีเช่นกัน
ครั้งนี้ตรงไปตรงมามาก พวกเขาพบชายผู้นี้และเขาก็ค่อนข้างกระตือรือร้นและเป็นมิตรแม้ว่าขาของเขาจะมีปัญหาบ้าง พวกเขาพบว่าเขาเป็นนักบัญชีของเหมืองแร่ เขาไม่เคยไปที่พื้นที่ทำเหมืองแม้ว่าเขาจะทำงานให้กับเฉิงซานหลี่แต่เขาบอกพวกเขาว่าเขารู้จักฮานเหวินจวิน ในตอนนั้นฮานเหวินจวินอยู่ในทีมสำรวจแร่ เขาทำงานที่นั่นช่วงหนึ่งเมื่อเฉิงซานหลี่ทำสัญญาเหมือง
เขายังกล่าวอีกว่าฮานเหวินจวินเป็นนักเรียนชั้นยอดและมีความรู้มากเช่นกัน ฮานเหวินจวินมีความสามารถมากขึ้นตามเวลา ทำให้ตอนนี้ เขาเป็นเถ้าแก่และรวยมาก
จ้าวหยู่ถามเขาโดยไม่ลังเลว่าฮานเหวินจวินรู้อะไรเกี่ยวกับไดนาไมต์บ้างหรือไม่? ความจำของชายชราค่อนข้างดีและเขาตอบว่างานหลักของทีมสำรวจเหมืองคือการรื้อถอน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ฮานเหวินจวินจะรู้จักวิธีจัดการกับไดนาไมต์
จ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินแบบนั้น จากสิ่งที่ได้ยินมา ดูเหมือนว่าฮานเหวินจวินดูน่าสงสัยมากขึ้นอย่างแน่นอน พวกเขาต้องพิจารณาบุคคลนี้อย่างละเอียด
จ้าวหยู่โทรหาจางจิงเฟิงทันทีหลังจากที่พวกเขาออกจากบ้านของชายชราและบอกให้เขาค้นหาทุกรายละเอียดเกี่ยวกับฮานเหวินจวิน รวมถึงครอบครัว ลูก ๆ และอาชีพของเขาโดยเร็วที่สุด
จางจิงเฟิงสามารถบอกได้ว่ามันสำคัญมากเมื่อเขาได้ยินเสียงของจ้าวหยู่ เขาสัญญาว่าจะทำงานให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
จากนั้น จ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงออกจากเมืองหม่าเฟิงและไปเยี่ยมคนสองคนถัดไปในรายการ
หลังจากวิ่งไปรอบ ๆ ครึ่งวัน พวกเขากำจัดผู้ต้องสงสัยไปอีกสองคนที่เหลือ แม้ว่าผู้ต้องสงสัยทั้งสองจะรู้จักเฉิงซานหลี่แต่พวกเขาก็ไม่เคยทำงานให้กับเขาหรือเคยไปที่เหมืองในเมืองหยินแพน ดังนั้น จ้าวหยู่และเหมี่ยวอิงเชื่อว่าการสอบสวนควรมุ่งไปที่ฮานเหวินจวิน
“ฮานเหวินจวิน” เหมี่ยวอิงทวนชื่อของเขาซ้ำ ๆ ขณะที่เธอขับรถ พยายามคิดอะไรบางอย่างออก ทันใดนั้น เธอถามจ้าวหยู่ว่า
"มันไม่สมเหตุสมผลเลย ทำไมชื่อนี้ไม่ปรากฏในรายงานของเรา คุณหาเขาเจอได้อย่างไร?"
"อะแฮ่ม!" จ้าวหยู่อธิบายอย่างใจเย็น "ที่ฉันรู้เรื่องนี้ได้เพราะฉันถามและตรวจสอบทีละคนตามความสัมพันธ์ของเฉิงซานหลี่!"
“แต่...” เหมี่ยวอิงตกตะลึง “ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับเขาแม้ว่าพวกตำรวจจะสอบสวนมานานแล้วก็ตาม!”
"ฮิฮิ" จ้าวหยู่พูดอย่างเย่อหยิ่ง "พวกเขาหาเขาไม่พบเพราะพวกเขาเริ่มการสอบสวนตามพื้นที่เหมือง ในขณะที่ฉันเริ่มการสอบสวนตามบุคคล เมื่อฉันพบหนึ่งคน ฉันสามารถหาอีกสองหรือสามคน หลังจากนั้น มันคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการค้นหาพวกเขาและถามพวกเขาทีละคน!”
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องโกหก แต่เหตุผลที่เขาใช้วิธีนี้เพราะเขาเคยเป็นคนทวงหนี้ให้เจ้านายของเขามาก่อน เขาได้ใช้วิธีการต่าง ๆ ในการขุดหาลูกหนี้ เขายังสามารถเรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในการติดตามผู้คนในระดับหนึ่ง
"โอ้" เหมี่ยวอิงพยักหน้าและพูดว่า "ฉันคิดว่าคุณกำลังจะพูดอะไรโง่ ๆ เช่นเพื่อนของคุณจากเบื้องบนช่วยคุณหรือบางสิ่งบางอย่าง เอ๊ะ จ้าวหยู่ ฉันคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณในวันนี้ ทำไมคุณถึงซื่อสัตย์อย่างนี้?"
‘ฮึ่ม!’ จ้าวหยู่คิดว่า ‘ฉันจะถูกย้ายถ้าฉันโกหกคุณน่ะสิ!’
เขาอ้างอิงประสบการณ์ที่ผ่านมาของเหมี่ยวอิง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถพูดอย่างนั้นได้ เขาจึงแซวว่า
“แหม คุณผู้หญิง คุณต้องการอะไร คุณเกลียดเวลาที่ฉันแกล้งคุณไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ฉันพูดตามตรงแต่คุณยังไม่ชอบ คุณนี่เอาใจยากจริง ๆ”
“ฮิฮิ ก็จริง ฉันไม่ชินกับคุณที่ไม่ทำตัวเป็นพวกอันธพาล!”
‘หนอย!’ จ้าวหยู่คิดในใจว่า ‘ใครกันแน่ที่เป็นอย่างนั้น?’
"เอ๊ะ?“เหมี่ยวอิงคิดอะไรบางอย่งาขึ้นมาได้และถามว่า”เฉิงซานหลี่ ไม่เกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัวอย่างแน่นอน ทำไมคุณถึงมุ่งเป้าไปที่เขาล่ะ?"
“อืม เพื่อนของฉันจากข้างบนบอกฉันอย่างนั้น!” จ้าวหยู่ตอบอย่างจริงจัง “พวกเขาต้องการให้ฉันตรวจสอบเฉิงซานหลี่ เฮ้ เฮ้ เฮ้ เฮ้!” จ้าวหยู่เห็นเหมี่ยวอิงม้วนแขนเสื้อขึ้นและเขาก็เปลี่ยนคำอธิบาย “ตัวประกันซ่อนอยู่ในเหมืองแห่งหนึ่งของเฉิงซานหลี่ ดังนั้นฉันจึงเริ่มจากที่นั่น ฉันเดาว่าคนร้ายลักพาตัวต้องเป็นคนที่ทำงานให้เขา ดังนั้นฉันคิดว่าเฉิงซานหลี่อาจจะพาฉันไปหาคนร้ายลักพาตัวก็ได้
ตอนขับรถอย่ามาอย่าตีฉันนะ ถนนบนภูเขาแสนจะอันตราย ขับรถดี ๆ ด้วย!"
เหมี่ยวอิงทำให้จ้าวหยู่สั่วกลัวไปทั้งตัว
“อืม สิ่งที่คุณพูดมา มันก็ฟังดูสมเหตุสมผล คุณค่อนข้างน่าประทับใจจริง ๆ”
เหมี่ยวอิงขับรถเพียงลำพังและพยักหน้ากับตัวเอง หลังจากที่เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็หันกลับมาและพูดว่า
"จ้าวหยู่ ถ้าเราใช้เฉิงซานหลี่เป็นจุดเริ่มต้น เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า? มีอีกคนหนึ่งที่เราสามารถตรวจสอบได้"