ตอนที่แล้วบทที่ 704 ความสัมพันธ์ระหว่างยุ้งฉางและเมล็ดพืช
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 706 ปรับสภาพร่างกาย

บทที่ 705 อาจารย์ไป๋เป็นบุคคลอันตรายหรือไม่?(ตอนฟรี)


บทที่ 705 อาจารย์ไป๋เป็นบุคคลอันตรายหรือไม่?

“ฉลาดมาก!” จี้เฟิงยกนิ้วโป้งขึ้นทันที เขายิ้มและกล่าวว่า “เธอพูดถูกแล้ว เมื่อเราเพิ่มพื้นที่ของยุ้งฉาง เราก็จะสามารถเก็บเมล็ดพืชเมล็ดพันธุ์ต่างๆได้มากขึ้น แต่มันจะแตกต่างกันตรงที่ การเปลี่ยนแปลงที่พัฒนาขึ้นของการได้ยิน การมองเห็นหรือด้านอื่นๆ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมากในร่างกายของมนุษย์ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคนทั่วไปที่จะพัฒนาประสาทสัมผัสเหล่านี้ มันจึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากหากเลือกที่จะยอมแพ้และตัดมันทิ้งไป!”

“อื้ม ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน!” เซียวหยูซวนพยักหน้าทันที “แล้วนายจะทำให้ร่างกายของพวกเราปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ยังไง?”

“พวกเราต้องวิ่งทุกวันเหมือนนักกีฬาเหล่านั้นหรือเปล่า?” ถงเล่ยถามขึ้น

“นั่นสิ ถ้านายยืนกรานที่จะให้พวกเราออกกำลังกายหนักๆ วิ่งเป็นสิบๆกิโลทุกๆวัน จนกล้ามเนื้อมันขึ้นจะทำยังไง?” เซียวหยูซวนถามด้วยความกังวล

เมื่อเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของสองสาว จี้เฟิงก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาขับช้าลงเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีทำให้ร่างกายของพวกเธอแข็งแกร่งขึ้นและปรับตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ และจะทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนที่ร่างกายของพวกเธอจะเปลี่ยนแปลง!”

“สรุปว่าไม่จำเป็นต้องวิ่งใช่มั้ย?” ถงเล่ยถามอย่างไม่แน่ใจ

เซียวหยูซวนก็พยักหน้าเช่นกันและมองไปที่จี้เฟิงอย่างกระตือรือร้น

ที่จริงไม่ใช่เพราะพวกเธอไม่ชอบออกกำลังกาย เพราะบางครั้งเวลาที่พวกเธอตื่นแต่เช้า ก็จะใส่ชุดกีฬาและวิ่งไปรอบๆวิลล่าก่อนจะมาอาบน้ำอุ่น มันทำให้พวกเธอรู้สึกสบายและสดชื่นมาก ดังนั้นสิ่งที่ทั้งสองสาวกลัวมากที่สุดคือปัญหาด้านรูปร่าง

ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะมีร่างกายที่ดีมากๆ แต่ถ้าออกกำลังกายหนักเกินไปหรือไม่ถูกวิธี ร่างกายก็จะเปลี่ยนไปในแบบที่พวกเธอไม่ต้องการ

“พวกเธอสองคนวางใจเถอะ ไม่มีปัญหาแน่นอน!” จี้เฟิงหัวเราะ “จริงๆแล้ววิธีของฉันนั้นง่ายมาก ฉันแค่ต้องชี้นำกระแสไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายพวกเธอ และปล่อยให้มันกระตุ้นร่างกายของพวกเธออย่างต่อเนื่อง มันจะทำให้ศักยภาพในร่างกายของพวกเธอดีขึ้น และร่างกายของพวกเธอก็จะค่อยๆปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป!”

“ใช้เวลานานแค่ไหน?” เซียวหยูซวนถามอย่างรวดเร็ว

จี้เฟิงถอนหายใจและนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ตอนนี้ฉันยังตอบไม่ได้ เพราะระยะเวลามันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของพวกเธอเป็นหลัก ถ้าที่ผ่านมาพวกเธอใส่ใจกับการออกกำลังกาย ร่างกายของพวกเธอก็จะแข็งแรงกว่าคนทั่วไปเกือบครึ่ง และจะใช้เวลาในการปรับตัวสั้นมาก แต่ในทางกลับกัน ถ้าร่างกายของพวกเธอแย่มาก ก็ยากที่จะบอกได้ว่าใช้เวลานานแค่ไหน!”

“สรุปง่ายๆว่า ถ้าปรับร่างกายของพวกเธอให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆเหล่านั้นได้ พวกเธอจะไม่มีความรู้สึกอึดอัดเหล่านั้นอีก แต่ถ้าไม่ปรับสภาพร่างกาย พวกเธอก็จะรู้สึกแบบนั้นไปอีกนาน!” จี้เฟิงยิ้ม

“แล้วถ้าความสามารถพิเศษเหล่านั้นมันเพิ่มมาอีกล่ะ เราก็จะรู้สึกอึดอัดมึนงงแบบนี้อีกรึเปล่า?”

“ไม่อย่างแน่นอน!”

จี้เฟิงกล่าวอย่างหนักแน่น “ตอนนี้พวกเธอฝึกฝนยิมนาสติกชุดแรกจนเชี่ยวชาญแล้วใช่มั้ย ดังนั้นต่อให้ฝึกฝนต่อไป มันก็จะไม่เห็นผลมากนัก อย่างมากที่สุดมันจะช่วยรักษาสถานะที่เป็นอยู่ของความแข็งแกร่งทางกายภาพ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว!”

จี้เฟิงชะลอรถช้าลงและอธิบายปัญหาให้แฟนสาวทั้งสองคนของเขาฟังอย่างละเอียด “แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้ฝึกชุดยิมนาสติกแล้วก็ตาม แต่การออกกำลังกายนั้นดีต่อร่างกายเสมอ ตราบใดที่พวกเธอออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายเบาๆ แต่ร่างกายของพวกเธอก็จะค่อยๆแข็งแรงขึ้น และมันก็จะไม่ลดลงจนกว่าจะเข้าสู่วัยชรา... และความแข็งแกร่งของร่างกายจะปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดโดยอัตโนมัติ และความรู้สึกของพวกเธอก็จะกลับมาเหมือนเดิม จะไม่รู้สึกสับสนมึนงงอีกต่อไป สายตาก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม และหูก็จะไม่ได้ยินเสียงหึ่งๆด้วย...”

“ก็ดี ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ และก็รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะบ่น “ยกตัวอย่างล่าสุดเลยนะ วันนี้มีอาจารย์คนใหม่มาที่สำนักงานเพื่อมาทักทายฉัน  แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนมีอันตรายใกล้เข้ามา มันทำให้ฉันรู้สึกกลัวตายขึ้นมาทันทีเลย...”

ในช่วงท้ายของประโยค สีหน้าของจี้เฟิงเปลี่ยนไปทันที เขาเหยียบเบรกอย่างกะทันหันและจอดรถไว้ข้างถนน จากนั้นก็มองไปที่เซียวหยูซวนด้วยใบหน้าที่ซีเรียส

“อาจารย์คนใหม่ที่มาหาเธอวันนี้ชื่ออะไร?” จี้เฟิงถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

“ดูเหมือนว่าเธอจะชื่อ... ไป๋จู!” เซียวหยูซวนพูดว่า “เพราะแมงมุมขาวเป็นชื่อที่แปลกมาก ดังนั้นในตอนที่เธอแนะนำตัว ฉันเลยรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ.... ว่าแต่จี้เฟิง นายมีปัญหาอะไรรึเปล่า?”

“เปล่า ไม่มีปัญหาอะไร!”

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะลูบหน้าผากของตัวเองและถามต่อ “แมงมุมขาวพูดอะไรกับเธอบ้าง?”

“ก็ไม่มีอะไรมากนะ เธอบอกว่าเธอเพิ่งมาใหม่ เลยอยากทำความรู้จักกับฉัน อ้อ! แล้วก็ชวนฉันไปทานมื้อค่ำด้วยกันวันนี้ แต่ไม่ได้ไปกันสองคนนะ มีอาจารย์ท่านอื่นๆในแผนกภาษาต่างประเทศไปด้วย ตอนแรกฉันว่าจะเล่าให้นายฟังตอนมื้อเที่ยง แต่ก็ลืมไปเลย...”

เซียวหยูซวนเล่าเรื่องโดยทั่วไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้จี้เฟิงฟัง แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งเครียดของจี้เฟิงเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “จี้เฟิง มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?”

“เฮ้อ——!!”

จี้เฟิงถอนหายใจยาวและพูดว่า “เธอช่วยเล่าเรื่องนี้ใหม่ แต่ขออย่างละเอียด เอาตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามา พูดอะไร ทำอะไรบ้าง สีหน้าเป็นยังไง โดยเฉพาะช่วงที่เธอรู้สึกถึงอันตราย ห้ามละเว้นรายละเอียดใดๆเลย..”

ในตอนนั้นเอง เซียวหยูซวนเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะปฏิกิริยาของจี้เฟิงเกินความคาดหมายของเธอมาก มันแค่การพบปะกันของเธอกับอาจารย์ใหม่ที่ชื่อไป๋จู ถ้าไม่มีเรื่องอะไร จี้เฟิงคงไม่มีปฏิกิริยาแบบนี้ มันแปลกเกินไป

ดังนั้นเซียวหยูซวนจึงเล่าเรื่องที่เธอได้พบกับไป๋จูเมื่อตอนเช้าอย่างละเอียดรอบคอบโดยไม่ละเว้นช่วงตอนใดๆเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายละเอียดก่อนและหลังที่เธอสัมผัสได้ถึงอันตราย

หลังจากที่จี้เฟิงฟังจบ เขาก็ตกอยู่ในความเงียบ

“จี้เฟิง เป็นอะไร?” เซียวหยูซวนถาม “มีปัญหาอะไรกันแน่ บอกพวกเรามาเถอะ!”

“จี้เฟิง ถ้านายมีปัญหาอะไร ก็ควรพูดออกมาตรงๆ อย่าทำให้พี่หยูซวนกับฉันต้องกังวลโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแบบนี้!” ถงเล่ยอดไม่ได้ที่จะพูด “เพราะถ้านายยิ่งไม่พูด มันก็ยิ่งทำให้พวกเราต้องเป็นกังวล!”

จี้เฟิงหันหน้าไปมองถงเล่ยและเซียวหยูซวนที่มีใบหน้าเป็นกังวล เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “จะพูดยังไงดี พวกเธอจำที่ฉันบอกกับเธอเมื่อกี้นี้ได้มั้ย ที่เกี่ยวกับความรู้สึกแปลกๆของพวกเธอน่ะ รู้มั้ยว่าทำไม?”

“แน่นอน! ก็นายเพิ่งบอกไป มันเป็นเพราะว่าร่างกายของฉันยังไม่พัฒนาเร็วพอที่จะตามทันการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ!” ถงเล่ยพูดทันที แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะไม่ค่อยได้พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ได้ฟัง นิสัยของเธอเป็นแบบนี้ ชอบฟังมากกว่าพูด และจี้เฟิงกับเซียวหยูซวนก็เคยชินกับมันแล้ว

“ถูกต้อง ความเร็วในการพัฒนาร่างกายของเธอไม่เร็วพอกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น” จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ เช่น การมองเห็น การได้ยินเป็นต้น แต่พวกเธออาจจะยังไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เกิดความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่ง”

“ความสามารถพิเศษอะไร?” เซียวหยูซวนโพล่งออกมา

จี้เฟิงกล่าวว่า “มันเป็นเหมือนความรู้สึก แต่เป็นความรู้สึกที่พิเศษมาก ตัวอย่างเช่น ถ้าเธอเจอคนแปลกหน้าบนท้องถนน โดยปกติแล้วคนเราจะตัดสินคนๆนี้ตามความชอบส่วนตัว ไม่ว่าจะด้วยรูปร่างหน้าตา การแต่งกาย หรือใดๆก็ตาม ล้วนตัดสินจากความชอบของตัวเธอเอง”

“แต่เมื่อเธอได้ความสามารถที่เป็นความรู้สึกพิเศษนี้มา เวลาเจอคนอื่น สิ่งแรกที่เธอเห็นจะไม่ใช่ว่าเสื้อผ้าหน้าผมของเขาเป็นยังไง หน้าตารูปร่างดีแค่ไหน  แต่จะเป็นความรู้สึกว่า คนๆนี้เป็นคนดีหรือเปล่า เป็นคนใจดีมีเมตตามั้ย หรือเขาจะเป็นศัตรูกับเธอ... พูดง่ายๆมันเหมือนกับเป็นความรู้สึกจากจิตใต้สำนึก!”

จี้เฟิงอธิบายอย่างระมัดระวัง “เหมือนกับที่หยูซวนเล่า ทันทีที่เธอรู้สึกถึงอันตราย ขนทั้งหมดบนร่างกายจะตั้งขึ้น เส้นประสาทจะตึงเครียด นี่คือความรู้สึกจากจิตใต้สำนึกแบบหนึ่ง และเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น!”

“คล้ายกับสัมผัสที่หกรึเปล่า?” ถงเล่ยถาม

“เรื่องสัมผัสที่หกเป็นอะไรที่ลึกลับมาก ไม่มีใครแน่ใจว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่า และถึงแม้ว่ามันจะมีอยู่จริง แต่ก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ ถ้าจะให้นับสัมผัสที่หกคงไปรวมอยู่ในศาสตร์ที่ยังไม่ถูกค้นพบอะไรทำนองนั้น แต่ความรู้สึกพิเศษที่ฉันพูดถึงนี้มันแตกต่างออกไป!”

จี้เฟิงพูดอย่างจริงจัง “จากการวิเคราะห์ของฉัน เนื่องจากกระแสไฟฟ้าชีวภาพที่สร้างขึ้นในร่างกายของเรา มันทำให้ความรู้สึกของเราต่อโลกภายนอกมันละเอียดอ่อนมากขึ้น และเมื่อมีอันตราย ยกตัวอย่างเช่น มีคนจ้องจะทำร้ายหรือคิดไม่ดีกับเรา ฮอร์โมนในร่างกายของคนๆนั้นจะเปลี่ยนไป หัวใจของเขาอาจจะเต้นแรงขึ้น อะดรีนาลีนพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว... มันเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่ายเองที่พลังชีวภาพในร่างกายเราสัมผัสได้ มันจึงทำให้เรารู้สึกถึงอันตราย รู้สึกไม่สบายใจ... ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว!”

ความจริงแล้วคำอธิบายเหล่านี้เป็นผลมาจากการพูดคุยกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าระหว่างจี้เฟิงและสมองหมายเลข 1 ในตอนที่เขาเริ่มฝึกยิมนาสติกชุดแรก สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นกับเขาเช่นกัน และตอนนี้ประสาทสัมผัสของเขาก็เริ่มอ่อนไหวมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเขาเห็นคนแปลกหน้า เขาจะคิดเป็นอย่างแรกเลยว่าคนๆนั้นคิดร้ายต่อเขาหรือเปล่า และแค่ความคิดแง่ร้ายเพียงเล็กน้อย เขาก็รู้สึกได้แล้ว!

นี่คือเหตุผลที่จี้เฟิงสามารถรู้สึกได้เสมอว่ามีคนคอยสะกดรอยตามเขา  และจะรู้สึกได้ทันทีว่ามีคนที่มีเจตนาไม่ดีต่อเขาหรือไม่

อย่างตอนที่แมงมุมขาวคอยสะกดรอยตามเขารอบๆโรงงานผลิตยา เขาก็รู้ตัว แม้จะมองไม่เห็นคนๆนั้น แต่นี่แหละคือความสามารถพิเศษที่ว่า!

แต่ในตอนที่เขามีมันเป็นครั้งแรก จี้เฟิงรู้สึกอึดอัดมาก และเขาก็สงสัยอยู่ตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเขาต้องมาถามสมองหมายเลข 1 เขาถึงได้เข้าใจความจริง

และตอนนี้เซียวหยูซวนก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนว่าจี้เฟิงต้องอธิบายให้พวกเธอฟังอย่างชัดเจน

“นายหมายความว่ายังไง นายกำลังจะบอกว่าความรู้สึกถึงอันตรายเมื่อเช้านี้ที่ฉันรู้สึกได้ มันไม่ได้เป็นเพราะฉันหลอนหรือคิดไปเอง แต่มันเป็นความรู้สึกที่เกิดจากความสามารถพิเศษนี้ และมันก็เกิดขึ้นจริง?!” เซียวหยูซวนมองไปที่จี้เฟิงด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “อาจารย์ไป๋จูคนนั้น... เธอเป็นบุคคลอันตรายที่ต้องการจะทำร้ายฉันงั้นเหรอ?!”

…จบบทที่ 705~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด