SWO ตอนที่ 16 แม่ทัพอสูรขั้นสูง
เวลานี้ชายร่างสูง และผู้ฝึกยุทธคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง
นั่นมันนักรบอสูรขั้นกลางเชียวนะ!
การจะเอาชนะมันสักตัวหนึ่ง แม้แต่ผู้ฝึกยุทธขั้นกลางยังต้องทุ่มสุดตัว กระทั่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงยังต้องพยายามออกแรงไม่ใช่น้อย
แต่โจวเฮาล่ะ?
เขาฆ่ามันราวกับว่ากำลังฆ่าไก่
“ปรมาจารย์ มีเพียงตัวตนระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้!”
“เขาต้องเป็นปรมาจารย์อย่างไม่ต้องสงสัย!” ผู้ฝึกยุทธของทีมชั่วคราว และบอดี้การ์ดโห่ร้องอย่างตื่นเต้น
เมื่อโจวเฮาเดินมาถึง และเห็นว่าผู้ฝึกยุทธตัวสูงมีเลือดกำเดาไหล เขาจึงอดถามไม่ได้ “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?จ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“ขะ ข้าสบายดี!” ชายร่างสูงโบกมืออย่างรวดเร็ว และกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณท่านปรมาจารย์สำหรับความช่วยเหลือของท่าน!”
"ปรมาจารย์?" โจวเฮาตะลึง..
เหนือผู้ฝึกยุทธคือปรมาจารย์ แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญในเมือง
ก่อนหน้านี้โจวเฮาไม่กล้าแม้แต่จะคิด มาตอนนี้เขากลับบรรลุถึงระดับนั้นแล้ว?
ในแง่หนึ่งมันก็ฟังดูสมเหตุสมผล เพื่อให้สามารถฆ่านักรบอสูรขั้นกลางได้อย่างง่ายดาย มีเพียงพลังระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถทำได้
อย่างไรก็ตามโจวเฮารู้ดีว่าเขาอาศัยเพียงรากฐานที่ล้ำลึกของเขาเท่านั้น แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นยังไม่บรรลุถึงระดับปรมาจารย์
“เร็วเข้าคุณหนูหลิง รีบลุกขึ้นมากล่าวขอบคุณท่านปรมาจารย์สำหรับความช่วยเหลือของท่าน!”
“รีบลุกขึ้นเร็วเข้านายน้อยฮุย หากไม่ใช่เพราะท่านปรมาจารย์ผู้นี้ เราทุกคนคงตายกันหมด!”
“นายน้อยจินโชคดีแล้วที่ครั้งนี้ได้ท่านปรมาจารย์ปกป้อง ท่านต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้!”
เหล่าบอดี้การ์ดที่กลับมารู้สึกตัวรีบดึงซูหลิง และนักเรียนคนอื่น ๆ ที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมาก่อนจะกระซิบข้างหูอย่างร้อนใจ
ซูหลิง และนักเรียนที่เหลือตกตะลึง
ปรมาจารย์?
พวกเขาถูกปกป้องโดยอาจารย์?!
เวลานี้นายน้อยจินรู้สึกผวากว่าใครเพื่อน เหตุเกิดอันเนื่องมาจากก่อนหน้านี้เขาดันไปเหน็บแนมโจวเฮาว่าเขาเป็นพวกขวัญอ่อน เขาตัวสั่นด้วยความกลัว แม้อยากจะร้องไห้แต่น้ำตากลับไม่ไหล
“พวกเจ้ารออะไรอยู่? รีบขอบคุณท่านเร็วเข้า!” บอดี้การ์ดเร่งเร้า
ในที่สุดซูหลิง และนักเรียนคนอื่น ๆ ก็ตอบสนอง พวกเขารีบก้าวมาข้างหน้าทันที
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์!”
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์!”
โจวเฮามองไปยังซูหลิง และเหล่านักเรียนอัจฉริยะคนอื่น ๆ ก่อนจะถอนหายใจในใจ
เมื่อไม่นานมานี้เขายังเป็นเพียงนักเรียนยากจนธรรมดาที่ยังฝึกไม่ถึงแก่นโลหิตขั้นแรกด้วยซ้ำ ถ้าเขายืนอยู่ต่อหน้านักเรียนอัจฉริยะเหล่านี้โดยปราศจากความแข็งแกร่งที่เพิ่งได้มา พวกเขาคงไม่คิดแม้แต่จะชายตามองเขาด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้พวกเขากลับขอบคุณเขาด้วยความเคารพ
"ความแข็งแกร่ง นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากความแข็งแกร่ง!” โจวเฮาปรารถนาที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
บูม
ขณะที่โจวเฮากำลังจะตอบว่าไม่จำเป็นต้องสุภาพ ไม่ไกลนักเสียงโซนิคบูมก็ดังขึ้น
เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อสายตาทุกคน
เมื่อชายร่างสูงเห็นคนที่มา เขาก็กล่าวขึ้นทันที “ผู้บัญชาการกองพันชู!”
ผู้ฝึกยุทธคนอื่น ๆ ก็ตะโกนขึ้นเช่นกัน “ผู้บัญชาการกองพันชู!”
ผู้บัญชาการกองพันชูกวาดสายตามองไปยังทุกคน เมื่อเห็นว่าพวกนักเรียนสบายดี เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “โชคดีที่ข้ามาทัน”
ผู้บัญชาการกองพันชู?
ซูหลิง และนักเรียนที่เหลือล้วนมาจากครอบครัวที่มีภูมิหลังดี
เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้ว่าผู้บัญชาการกองพันชูเป็นตัวตนระดับปรมาจารย์ที่คอยดูแลแนวป้องกันที่สถานีทางใต้ของเมือง
แต่ด้วยสถานะของพวกเขา หากเป็นสถานการณ์ปกติพวกเขาแทบไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของเขา เอาเข้าจริงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย กระทั่งพ่อแม่และผู้อาวุโสของพวกเขายังยากที่จะพบผู้บัญชาการกองพันชู
“หือ? สองเส้นบนเขา? เป็นนักรบอสูรขั้นกลาง?”
หลังจากที่ผู้บัญชาการกองพันชูปรับอารมณ์แล้ว ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นศพหมาป่ายักษ์บนพื้น
"ไม่เลว เนื่องจากพวกเจ้าสามารถจัดการนักรบอสูรขั้นกลางได้ ข้าคงต้องขอชมเชยว่าความแข็งแกร่งของพวกเจ้านั้นไม่เลวเลยทีเดียว พวกเจ้าไม่ได้หย่อนยานเพียงเพราะกลายเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลที่ร่ำรวย!”
เขามองไปยังพวกบอดี้การ์ดส่วนตัวของนักเรียน และอดชื่นชมออกมาไม่ได้
เหล่าบอดี้การ์ดรู้สึกละอายใจ
จากซากศพทั้งหมด มีเพียงสองตัวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาเท่านั้นที่เป็นฝีมือของพวกเขาเอง หนำซ้ำมันยังเป็นการรวมมือกันระหว่างบอดี้การ์ดทั้งแปดกับชายร่างสูง และผู้ฝึกยุทธคนอื่น ๆ จากทีมชั่วคราวอีกด้วย
“นักรบอสูรขั้นกลางสองตัวไม่ใช่เรื่องที่ควรส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ จริงไหม?” ผู้บัญชาการกองพันชูขมวดคิ้วอีกครั้ง
ชายร่างสูงไอเบา ๆ และชี้ไปยังกองวัชพืชที่อยู่ไม่ไกล “ผู้บัญชาการกองพันชูครับ ยังมีทางนั้นอีก”
ผู้บัญชาการกองพันชูหันตามที่นิ้วชี้ไป
ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นศพ
นี่มันบ้าอะไรกัน!
มีศพหมาป่ายักษ์อย่างน้อยสี่สิบตัว!
“ใครเป็นคนฆ่าพวกมัน? เป็นตัวตนระดับปรมาจารย์ที่บังเอิญผ่านมาแถวนี้พอดี?” ผู้บัญชาการกองพันชูถาม
ชายร่างสูงกล่าวอย่างเร่งรีบ “ใช่ครับ เป็นปรมาจารย์ท่านนี้ที่ช่วยเหลือเรา”
ผู้บัญชาการกองพันชูอดมองโจวเฮาไม่ได้
“ปรมาจารย์?” ความสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาของเขาทันที
เขาสงสัยเพราะแก่นโลหิตของโจวเฮาไม่มีกลิ่นอายของผู้แข็งแกร่งเลยสักนิด อีกทั้งดวงตาของเขาก็ยังดูธรรมดามาก ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถเชื่อมโยงเขาเข้ากับตัวตนระดับปรมาจารย์ได้
สิ่งที่เขาไม่รู้คือทุกอย่างที่เขาเห็นมันเป็นผลจากการที่เส้นลมปราณทั้ง 108 เส้นของโจวเฮาถูกเปิดออกทั้งหมดทำให้แก่นโลหิตของเขาไหลเวียนได้อย่างราบรื่น
เพียงการมองด้วยตาเปล่าไม่สามารถวัดอะไรได้
บรู้ววว!!
ทันใดนั้นเสียงหอนก็ดังขึ้นในระยะหนึ่งพันเมตร
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งขึ้นท้องฟ้าพร้อมกับเสียงหอนของหมาป่าที่ชวนอกสั่นขวัญหนี
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดหย่อนขณะที่เปลวเพลิงปีศาจพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เเรงกดดันอันน่าสะพรึงได้กวาดพัดผ่านทุกทิศทุกทางราวกับกระแสน้ำซัดกระหน่ำ
แสงสีเลือดสองดวงส่องทะลุผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด
ซูหลิง และนักเรียนคนอื่น ๆ ถูกแสงเข้าปกคลุมทันที
มีเพียงชายร่างสูง และเหล่าผู้ฝึกยุทธเท่านั้นที่เห็นว่าแสงนั้นมาจากดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวสองดวง นอกจากนี้เหนือดวงตาคู่นั้นยังมีเขาสีน้ำเงินที่ดูสะดุดตาอย่างมากอีกด้วย
สามเส้นบนเขาชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด
"แย่แล้ว!! มันเป็นหมาป่าโลหิตเขาน้ำเงิน!”
“ปะ เป็นแม่ทัพอสูรขั้นสูง!!”
ไม่เพียงแต่การแสดงออกของผู้ฝึกยุทธทีมชั่วคราวจะเปลี่ยนไปอย่างมากเท่านั้น แม้แต่ใบหน้าของบอดี้การ์ดก็ยังซีดเผือด!
ดวงตาของผู้บัญชาการกองพันชูก็เต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน