บทที่ 97 เปิดศึก!
บทที่ 97 เปิดศึก!
บนกำแพงเมืองที่สูงใหญ่ของเทพอารักษ์นั้น มีค่ายกลที่คอยเสริมความแข็งแกร่งของกำแพงเมืองอยู่ ทำให้มีความทนทานมากกว่ากำแพงทั่วไปถึง 10 เท่า!
ภายนอกเมืองนั้นมีทหารสวมชุดเกราะหลายพันคนกำลังมุ่งหน้ามาทางกำแพงเมือง คนบ้าก็สามารถดูออกมากองทัพนี้ไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นบนกำแพงเมืองมีชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทีดุร้าย เขาสวมใส่เกราะทั่วทั้งตัว ในมือของเขานั้นมีค้อนขนาดใหญ่อยู่ มันยกค้อนชี้มาทางเหล่าทหารที่สวมเกราะหลายพันคน และกล่าวออกมาอย่างโหดเหี้ยมว่า
“จงหยุด! พวกเจ้าเป็นใครกัน!? หาญกล้ามาจากที่ใดถึงได้ยกทัพมาที่เมืองเทพอารักษ์แห่งนี้!”
สิ้นเสียงที่ดังก้องของมันนั้น มันคิดว่ากองทัพตรงหน้าของมันต้องหยุดอย่างแน่นอน แต่กลับเดินทัพมาอย่างไม่สนใจใยดีต่อคำเตือนของมัน มันรู้สึกโกรธอย่างมากก่อนจะออกคำสั่งไป
“ไประดมพลมาทุกคน! พวกมันคิดจะมาก่อสงคราม!”
“รับทราบท่านแม่ทัพซิ่น!”
นายทหารผู้หนึ่งตอบรับคำ ดูจากชุดเกราะที่สวมและบารมีที่แผ่ออกมานั้น คาดว่าคงเป็นทหารยศสูงผู้หนึ่ง
นายทหารคนนั้นรีบวิ่งไปสั่นระฆังเตือนภัย เสียงระฆังระงมไปทั่วทั้งเมือง ทำให้ผู้คนจำนวนมากต่างตกใจและแปลกใจ เพราะระฆังนี้ไม่ได้สั่นมากว่าเกือบร้อยปีแล้ว การสั่นทุกครั้งหมายถึงมีกองทัพศัตรูมาบุกรุก
เหล่าชาวเมืองทหารต่างรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของตน ก่อนจะออกมาพร้อมกับชุดเกราะสีดำที่เงางามและอาวุธในมือ ภาพลักษณ์ที่ก่อนหน้าเป็นแค่ชาวเมืองแต่ในตอนนี้กลับกลายเป็นนักรบที่กล้าหาญองอาจอย่างน่าเหลือเชื่อ ทกคนต่างรีบไปที่จุดรวมพลอย่างรวดเร็ว
ที่ประตูเมืองมีทหารประมาณหนึ่งถึงสองพันคนกำลังยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว อาวุธในมือของพวกเขาต่างยืนถือด้วยท่าทีสง่างาม พวกเขาต่างถูกฝึกมาอย่างดีตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วเมื่อรวมเข้ากับประสบการณ์ในการรบมากมายนั้น มันทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้น เพียงคนเดียวก็สามารถสู้กับผู้ฝึกยุทธทั่วไปได้เป็นสิบคน!
เบื้องหน้าของเหล่าทหารพันคนนั้น มีแม่ทัพซิ่นยืนกอดอกมองไปที่พวกเขาอยู่ และเอ่ยอย่างเย็นชาขึ้นมา
“ตอนนี้มีทหารสวมเกราะหลายพันคนมุ่งหน้ามาทางนี้ และไม่ทราบว่าพวกมันมาจากที่ใด หน้าที่ของพวกเจ้าคือปกป้องเมืองนี้ ห้ามให้กองทัพศัตรูเข้ามาได้โดยเด็ดขาด ข้างหลังของพวกเจ้ามีครอบครัวของพวกเจ้าอยู่ แม้พวกเจ้าจะตายก็อย่าให้พวกมันเข้ามาได้ ไปซะ! จงแสดงพลังของพวกเจ้าผู้ซึ่งเป็นนักรบที่แข็งแกร่งให้พวกโง่เขลาพวกนั้นได้รับรู้!”
เฮ่!!!
เหล่าทหารทั้งหลายที่มีทั้งชายและหญิง ต่างพุ่งไปที่ค่ายกลด้วยความเร็วที่มองไม่เห็น พวกเขาต่างยืนกันเป็นกลุ่มก่อนจะหยิบค่ายกลออกมา รวมถึงค่ายกลป้องกันเมืองก็ถูกใช้งานออกมาเช่นเดียวกัน
ภายในเมืองเทพอารักษ์นั้น ต่างส่องแสงเรือนรองออกมาอย่างไม่ขาดสาย สีสันสวยสดงดงามตระการตามากมายต่างวาบผ่านไปทั่วทุกพื้นที่ภายในเมือง
“ทุกคนเตรียมตัวรับมือทำตามแผนของเรา!”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของสำนักลิขิตสวรรค์ออกคำสั่งทันที เขาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สั่งการกองทัพนี้
ทุกคนรีบทำตามคำสั่งทันที ไม่นานพวกเขาก็ได้มาถึงกำแพงเมือง ก่อนจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายระยะสั้นสร้างเป็นประตูผ่านตรงกำแพงเมืองเข้าไปได้ ทำให้กำแพงป้องกันเมืองของอีกฝ่ายนั้นไม่สามารถป้องกันอะไรได้
“บัดซบ! พวกมันมีเคลื่อนกลประตูเคลื่อนย้าย! สมบัติที่หาได้ยากเช่นนี้มันได้ไปหามาจากที่ใดกันแน่!?”
นักรบคนหนึ่งสบถออกมา ก่อนจะรีบไปที่ประตูเคลื่อนย้ายเพื่อจัดการกับเหล่าศัตรูที่ย่างก้าวเข้ามา ขณะที่เหล่านักรบจากทวีปอรุณเบิกฟ้ากำลังเข้าไปอยู่นั้น บนกำแพงเมืองพลันปรากฏลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมา
มียอดฝีมือจากทวีปอรุณเบิกฟ้าผู้หนึ่ง เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูราวๆ 24-25 ปี เขาพุ่งขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับหยิบโล่ขนาดเท่าฝ่ามือออกมา ก่อนที่มันจะขยายใหญ่ขึ้นครอบคลุมทั้งกองทัพเอาไว้ ทำให้มันสามารถกันลูกธนูที่กระหน่ำลงมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ปัง!
มีนักรบจากทางฝั่งของเมืองเทพอารักษ์พุ่งออกมา พร้อมกับโจมตีไปที่โล่นั้นด้วยความโหดเหี้ยม พวกมันมีจำนวนหลายร้อยคน ด้วยจำนวนระดับผู้เชียวชาญที่มีจำนวนมากนั้น ทำให้โล่ที่ต้านทานอยู่นั้นได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง
“จัดการพวกมันซะ!”
เมื่อโล่นั้นแตกสลายไปแล้ว ก็มีผู้นำที่เป็นหญิงสาวที่มีความงามหาได้ยาก นางตะโกนขึ้นมาอย่างกล้าหาญ ก่อนจะพุ่งเข้าไปเข่นฆ่านักรบจากทวีปอรุณเบิกฟ้า
การต่อสู้เริ่มดุเดือดขึ้น ไม่ใช่แค่การต่อสู้บนพื้นดินเท่านั้น แต่ยังมีบนฟ้าอีกด้วย แต่การสู้บนฟ้านั้นทางฝั่งของทวีปอรุณเบิกฟ้าค่อนข้างเสียเปรียบ เพราะเมืองนั้นมีทั้งค่ายกล และอาวุธที่สามารถจัดการผู้ที่สามารถคิดจะบินเข้ามาในเมือง!
อ๊า! อ๊ากกก!
เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในสงครามนั้นแน่นอนว่าจะต้องมีผู้ที่มีฝีมือโด่ดเด่นเผยตัวออกมา และชายวัยกลางคนผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาสวมเกราะสีดำแดง มีใบหน้าที่โหดเหี้ยม กลิ่นเลือดโชยออกมาจากร่างของมัน มันเป็นสัญญาณบอกว่าชายคนนี้ฆ่าคนมาแล้วมากมาย!
ง้าวสีดำที่เป็นสัญญาลักษณ์แห่งความตายของเขานั้น กวัดแกว่งอย่างชำนาญหาใดเปรียบ ทุกการกวัดแกว่งของเขานั้นสามารถคร่าชีวิตเหล่าทหารจากทวีปอรุณเบิกฟ้าได้อย่างน้อยสองคน!
หึ!
ชายคนนั้นสัมผัสได้ว่ามีคนปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของเขา ก่อนที่จะสะบัดง้าวในมือออกไปอย่างน่าหวาดกลัว คลื่นพลังต่อสู้ของระดับทลายขอบเขตมนุษย์ระเบิดออกมา ทำให้พื้นดินใต้เท้านั้นแตกระเบิดออก!
ตูม!
ปรากฏชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหล่าที่เผยรอบยิ้มแห่งความสนุกออกมา ชายหนุ่มผู้นี้มีชื่อว่า เหอคุนซาน ภายนอกดูอายุราวๆ 20-21 ปี แต่อายุที่แท้จริงนั้นเกือบร้อยแล้ว! เขาเป็นอัจฉริยะรุ่นเก่าของสำนักลิขิตสวรรค์ที่ไปหาประสบการณ์ภายนอกมาหลายสิบปี ทำให้ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มผู้นี้ไม่ธรรมดา!
“ลุง! แข็งแกร่งดีนิ! มาสู้กับกันหน่อยสิ”
เหอคุนซานกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น