ตอนที่แล้วบทที่ 701 เข้าใกล้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 703 แปลก

บทที่ 702 เซียวหยูซวน VS แมงมุมขาว(ตอนฟรี)


บทที่ 702 เซียวหยูซวน VS แมงมุมขาว

ในความเป็นจริง แม้ว่าเซียวหยูซวนจะได้เจอไป๋จูเป็นครั้งแรก แต่เธอก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างแปลก ราวกับว่ามีความเยือกเย็นซ่อนอยู่จางๆภายใต้รอยยิ้มอันอบอุ่นของเธอ แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนนัก แต่เซียวหยูซวนก็ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน

เหตุผลนั้นง่ายมาก จริงๆแล้วเธอและถงเล่ยได้พัฒนาความสามารถขึ้นทีละน้อย จากการฝึกยิมนาสติกชุดแรก หญิงสาวทั้งสองคนมีการปรับปรุงและพัฒนาในทุกๆด้าน เช่นการรับรู้และประสาทสัมผัสทั้งหก เพียงแต่บางอย่างที่พัฒนาขึ้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่ากับการพัฒนาทางกายภาพ

ตัวอย่างเช่นตอนนี้ เซียวหยูซวนรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่ซ่อนอยู่หลังรอยยิ้มของแมงมุมขาว หากเป็นเมื่อก่อน เซียวหยูซวนคงจะไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้อย่างแน่นอน เพราะจากมุมมองของคนอื่น รอยยิ้มของแมงมุมขาวช่างสดใสและจริงใจ ถึงแม้จะรู้สึกลุ่มหลงแต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นเยียบ

นอกจากนี้ เซียวหยูซวนยังมีความรู้สึกว่าตัวเธอนั้นเปลี่ยนแปลงไป ร่างกายของเธอแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาก สายตาก็ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุด ความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไปเช่นกัน มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างแปลก ราวกับว่าเธอสามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าซื่อๆของคนอื่นได้

เซียวหยูซวนอดสงสัยไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเองในครั้งนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับนักฆ่าชาวต่างชาติที่เธอเห็นในวันนั้นหรือเปล่า

ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงเหตุผลข้างต้น เซียวหยูซวนจึงหาเหตุผลสำหรับแมงมุมขาว ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าแมงมุมขาวมีรอยยิ้มเย็นที่ซ่อนอยู่ และเธอก็เชื่อว่าปัญหาอยู่ที่ตัวของเธอเอง ไม่ใช่แมงมุมขาว

“คุณไป๋ เชิญนั่งก่อนค่ะ!” เซียวหยูซวนชี้ไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณค่ะคุณเซียว....” ไป๋จูยิ้มหวานและเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเซียวหยูซวน “คุณเซียว คุณอยู่คนเดียวในออฟฟิศนี้เหรอคะ?”

“ใช่ค่ะ อาจารย์คนอื่นๆติดสอน แต่พอดีตอนนี้ฉันว่าง ก็เลยมาเตรียมการเรียนการสอนไว้นิดหน่อยน่ะค่ะ” เซียวหยูซวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และในขณะเดียวกันเธอก็ลุกขึ้นและหันหลัง เดินไปที่โต๊ะด้านใน “คุณไป๋ คุณอยากดื่มอะไรไหม เครื่องดื่มในออฟฟิศเรามีเกือบทุกอย่างเลย ชา กาแฟ...”

ก่อนที่เธอจะพูดจบ ดวงตาที่สวยงามของเธอก็เบิกกว้างทันที

เพียงแค่ระยะเวลาไม่กี่วินาทีที่เธอเดินหันหลังมา ความหนาวเหน็บก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเธอในทันที มันทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับเธอกำลังก้าวเดินผ่านป่าช้าที่เฮี้ยนมากๆอยู่

เซียวหยูซวนหันหน้าของเธอกลับไปมองทันที แต่ก็เห็นใบหน้าที่สงบนิ่งของไป๋จู และเมื่อไป๋จูเห็นว่าเซียวหยูซวนหันหน้ากลับมา เธอก็ยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “คะ? คุณเซียว มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

“อ๋อ.. ไม่มีอะไรค่ะ!” เซียวหยูซวนยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะชงชาหรือกาแฟให้คุณดี”

“ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณเซียว ฉันมาที่นี่เพื่อมาทำความรู้จัก กับคุณเซียวโดยเฉพาะ และก็มาแจ้งให้ทราบด้วยว่าเย็นนี้จะมีการนัดรวมตัวกัน ฉันเป็นคนต้นคิดเองแหละค่ะ ฉันอยากจะเชิญอาจารย์ทุกคนในแผนกภาษาต่างประเทศไปรับประทานอาหารค่ำที่โรงแรมหงหยุน คุณเซียวต้องไปให้ได้นะคะ ถ้ามีแฟนจะพาแฟนไปด้วยก็ได้นะคะ...”

แมงมุมขาวยิ้มและเดินออกไป เมื่อเธอกำลังจะไปถึงที่ประตู เธอหันหน้ามาและหัวเราะคิกคัก “หนึ่งทุ่มโรงแรมหงหยุน แล้วเจอกันนะคะ!”

“เดี๋ยว—!” เซียวหยูซวนมองเธอเดินจากไปและตะโกนเรียกอย่างรีบร้อน แต่แมงมุมขาวเปิดประตูห้องและก้าวเดินออกไปแล้ว

ในขณะที่ไป๋จูปิดประตูห้องทำงาน เซียวหยูซวนเห็นนักศึกษาสองคนเดินผ่านทางเดินด้านนอกประตู ดูเหมือนพวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มอันแสนหวานของไป๋จู พวกเขาก็หยุดชะงักไป และประตูห้องทำงานก็ปิดสนิท

“มันแปลกจริงๆ!” เซียวหยูซวนอดพึมพำกับตัวเองไม่ได้ เมื่อครู่นี้เธอรู้สึกอย่างชัดเจนราวกับว่าจู่ๆก็มาถึงฤดูหนาวที่เย็นเยียบจนขนลุก เธอรู้สึกหนาวไปทั้งตัว หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น และทันใดนั้นก็เหมือนกับว่ามีอันตรายบางอย่างกำลังมาถึง... แต่มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน?” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะตบหน้าผากตัวเองเบาๆ ใบหน้าสวยงามของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย

....................

เซียวหยูซวนไม่รู้ว่าในขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นั้น ไป๋จูที่เดินออกจากห้องทำงานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีแสงเย็นที่ไม่อาจสังเกตเห็นได้กะพริบอยู่ระหว่างนิ้วของเธอ แต่มันก็หายไปในทันที และไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่เลย ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น หากมองไกลๆรอยยิ้มของเธอมันงดงามราวกับเทพธิดาน้ำแข็ง มีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ว่าความงามของน้ำแข็งนี้อันตรายแค่ไหน!

“เซียวหยูซวน... มันไม่ง่ายเลยจริงๆ!” แมงมุมขาวรู้สึกประหลาดใจ ในตอนที่อยู่ในห้องทำงาน เธอเพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหว แต่จู่ๆเซียวหยูซวนที่หันหลังให้เธอกลับหันหน้ากลับมา มันทำให้เธอคิดไม่ถึง ควบคู่ไปกับแมงมุมขาวได้ยินเสียงคนเดินผ่านมาที่ด้านนอกประตู จึงทำให้เธอต้องหยุดการกระทำของเธอ

อันที่จริง แมงมุมขาวไม่ได้วางแผนที่จะฆ่าเซียวหยูซวนที่นี่ ไม่อย่างนั้นทำไมเธอถึงจะต้องเสียเวลามาเป็นอาจารย์อยู่ที่นี่ด้วย?

ทั้งหมดที่เธอต้องทำก็แค่จ้างนักฆ่าให้จัดการกับจี้เฟิง เซียวหยูซวน และคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวเขาทั้งหมด และนั่นก็เพียงพอสำหรับความแค้นของเธอแล้ว แม้ว่าองค์กรจะไม่อนุมัติ แต่เธอก็จะใช้เงินของตัวเองเพื่อค้นหานักฆ่าที่เก่งที่สุด... แค่กระสุนเพียงไม่กี่นัด เรื่องทั้งหมดก็จะจบลง

แต่แมงมุมขาวก็ไม่ได้ทำแบบนั้น เหตุผลหนึ่งเลยก็คือเธอไม่ต้องการให้จี้เฟิงได้ตายง่ายนัก

แต่เธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าจี้เฟิงจะไม่ถูกเธอฆ่าง่ายๆเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เธอได้พบกับเซียวหยูซวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยยิ้มบนใบหน้าอันงดงามของเซียวหยูซวน มันทำให้แมงมุมขาวนึกถึงเพื่อนของเธอ และจิตสังหารที่ยากจะควบคุมก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเธอ

ในตอนนั้นที่เซียวหยูซวนหันกลับมา...

“รออีกนิดนะ ฉันจะหาโอกาส...” แมงมุมขาวเหมือนจะพูดกับตัวเองและเซียวหยูซวนอยู่ในใจ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยไอสังหารและมีแสงเย็นวูบแวบผ่านออกมาจากระหว่างนิ้วมือของเธอ

....................

“กริ๊งงงงง———!!!”

เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น จี้เฟิงก็ร่าเริงขึ้นมาทันที และแม้แต่ฮั่นจงและจ้าวไคที่นั่งเบื่อหน่ายอยู่ก็ดีดตัวขึ้นเช่นเดียวกับนักศึกษาคนอื่นๆในห้องเรียน พวกเขายิ้มแฉ่งพร้อมกับเก็บหนังสืออย่างรวดเร็วและลุกขึ้นเตรียมจะออกจากห้องเรียน

“หมดคาบซักที ทำไมเวลาเรียนมันถึงได้ผ่านไปช้าขนาดนี้!” ฮั่นจงบ่น “แค่ภาคเช้าฉันรู้สึกว่ามันนานอย่างกับหนึ่งปี!”

“ถูกต้อง! สิ่งที่ฉันตั้งตารอมากที่สุดในทุกๆคาบก็คือการได้ยินเสียงกริ่งเลิกเรียนนี่แหละ!” ตู้เส้าเฟิงพยักหน้าและพูดอย่างเห็นด้วย ถึงแม้รูปร่างที่แข็งแรงบึกบึนของเขาจะเหมือนกับหอคอยเหล็ก แต่เวลาเขายิ้มมันช่างใสซื่อมากจริงๆ

“อันที่จริง ผมไม่ค่อยชอบเสียงกริ่งแบบนี้เท่าไหร่ เสียงของมันเหมือนกับเป็นเสียงแจ้งเตือนตอนปล่อยตัวนักโทษ ฟังแล้วรู้สึกอึดอัดมากกว่า!” จ้าวไคกล่าว

“พรูดด—!”

จี้เฟิงพยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองหัวเราะออกมาจนเสียงดังเกินไป เขามองไปที่จ้าวไคด้วยสายตาประหลาดใจ “อะไรทำให้นายคิดได้แบบนี้เนี่ย!”

“ไม่ถูกเหรอ?”

จ้าวไคอธิบายด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ถ้าคุณลองคิดดีๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ การที่เราอยู่ที่นี่เพื่อเข้าชั้นเรียน เราต้องปฏิบัติตามกฎทุกประเภท จากนั้นเราก็ต้องถูกบีบบังคับโดยอาจารย์ หัวหน้าคณาจารย์ อาจารย์ใหญ่ สภานักศึกษา และอื่นๆอีกมากมาย เราต้องทนอยู่กับความรู้สึกหดหู่จนกว่าเสียงกริ่งจะดังขึ้น หลังจากนั้นทุกคนก็จะยิ้มแย้มและรีบออกจากห้องเรียนไปอย่างมีความสุขไม่ใช่เหรอ?”

“สุดยอด!” จี้เฟิงยกนิ้วให้

“พูดอะไรเพี้ยนๆ!” นักศึกษาหญิงสองสามคนที่อยู่แถวนั้นอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองมาแล้วซุบซิบกัน มหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานของวัยรุ่น แต่ไอ้เจ้าสี่ตานี่กลับบอกว่าเป็นการติดคุก

ดูเหมือนว่าจ้าวไคจะคุ้นเคยกับปฏิกิริยาที่ผู้อื่นมีต่อคำพูดของเขามานานแล้ว เขาแค่ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ไปกันเถอะ!”

จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ดูเหมือนว่ามีหลายคนที่ไม่ยอมรับมุมมองของคนที่คิดต่างอย่างนาย!”

“พวกเขาสามารถที่จะปฏิเสธมุมมองของผมได้ แต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ห้ามไม่ให้ผมพูด!” จ้าวไคยิ้มเล็กน้อย “บางคนที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่กลับชอบลบล้างมุมมองของคนอื่น...”

จี้เฟิงยิ้ม “คนแบบนี้ชอบคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง”

“เอาล่ะ พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว” ตู้เส้าเฟิงพูดขึ้น

“ใช่! พวกเราต้องรีบไปต่อแถวซื้ออาหาร ห้ามไปสายเด็ดขาด... ดูๆไปมันก็เหมือนกับสถานการณ์ในคุกอีกนั่นแหละ...” จ้าวไคส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “แต่พวกคุณจะพูดคำเหล่านี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะกำลังคิดว่าพวกคุณกำลังเหมารวมเขาไปด้วย และจะหาว่าคุณมีความคิดเพี้ยนๆ....”

จี้เฟิงและคนอื่นๆหัวเราะออกมาทันที แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็คิดเกี่ยวกับคำพูดของจ้าวไคอยู่ในใจ และเขาก็รู้สึกว่าจ้าวไคพูดถูก

คนส่วนใหญ่ เวลาทำผิด ไม่ชอบให้คนอื่นพูดถึงความผิดพลาดของตัวเอง และถ้ามีใครพูด พวกเขาก็จะเอ่ยอ้างว่าไม่ใช่เรื่องของผู้พูด และก็จะถูกก่นด่าและสาปแช่งกลับมา

มันก็คงเป็นอย่างที่โบราณว่าเอาไว้ “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง!”

…จบบทที่ 702~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด