ตอนที่ 917+918 ออกเดินทางไปยังเมืองหยวน
ตอนที่ 917 ออกเดินทางไปยังเมืองหยวน
“ค่ะ มีทนายอยู่ด้วยก็ดีค่ะ น้องชายของโจวเสี่ยวเซี่ยดูเหมือนจะถูกตำรวจจับและไปตีใครเข้า เสี่ยวเซี่ยกลัวที่จะพูดทางโทรศัพท์ เธอไม่อยากจะรบกวนงานแต่งงานของพี่ฉัน” หลังจากได้รับคำเตือนของลู่ชิงสี เจียงเหยาก็ตระหนักว่าควรระมัดระวังที่จะมีทนายไปกับพวกเธอ
คุณเจียงเป็นทนายความฝีมือดี ไม่ว่าจะเป็นพี่ชายของโจวเสี่ยวเซี่ยหรือน้องสาวของเธอ ทั้งคู่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นพวกเขาจะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่มีทนาย
จะดีกว่าหากมีทนายที่ไว้ใจได้เพื่อที่ไปถึงที่นู่นจะได้ไม่ต้องมองหาทนายคนใหม่ที่เมืองหยวน แบบนี้นอกจากจะมีทนายฝีมือดีไปด้วยยังเป็นทนายความที่ไว้ใจได้อีกด้วย
ลู่ชิงสีไม่ได้ของให้เจียงเหยาคุยโทรศัพท์กับเขานานนัก เพราะเขารู้ว่าเธอต้องขึ้นเครื่องบินในวันพรุ่งนี้ เขาบอกให้เธอพักผ่อนเอาแรงไว้เยอะเสียก่อน
เจียงเหยาไม่ได้เจอลู่ชิงสีมาเกือบสองเดือนแล้ว เธอคิดถึงเขา
เธอคิดถึงความอบอุ่นของเขาตอนที่เขากอดเธอ และเสียงของเขาเมื่อเธอโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
พรุ่งนี้เจียงเหยาต้องตื่นไปขึ้นเครื่องบินแต่เช้า นางลู่จึงตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวให้เธอ ขณะที่ลูกสะใภ้กินข้าว เธอเตือนเจียงเหยาเกี่ยวกับบางเรื่อง เมื่อเจียงเหยากำลังจะจากไป เธอยื่นอั่งเปาให้เจียงเหยาสองซอง
“นี่คือของขวัญปีใหม่ของลูกกับชิงสีนะ ลูกคงไม่มีเวลากลับมาที่บ้าน เพราะงั้นแม่ให้ลูกไว้ก่อนเลย ไม่ต้องเขิน ไม่ว่าลูกกับชิงสีจะอายุเท่าไหร่ ลูกก็ยังเป็นลูกของพวกเราเสมอ” นางลู่ส่งซองอั่งเปาให้กับเจียงเหยา จากนั้นเธอก็ตบหลังมือของเธอ “อย่ากังวลเรื่องของพวกเรา อยากกินอะไรก็ซื้อกินได้เลย อย่าลังเลที่จะใช้จ่าย ถ้าเงินไม่พอก็โทรหาเรานะ”
เจียงเหยาถืออั่งเปาไว้ในมือ ไม่จำเป็นต้องนับ ความหนาของมันหมายความว่ามีเงินจำนวนมากอยู่ในนั้น นางลู่กังวลว่าลูกชายและลูกสะใภ้จะของเธอจะมีเงินไม่พอซื้อของอร่อยและซื้อเสื้อผ้าใหม่ในช่วงปีใหม่
ลู่ชิงสีไม่เคยขอเงินจากครอบครัวเลย ตั้งแต่ที่เขาเรียนมหาวิทยาลัย แม้ว่าพ่อแม่ของเขาอยากจะให้เงินเขาบ้าง แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้น หลังจากที่ลู่ชิงสีเข้าทำงานในกองทัพ เขาไม่ได้ใช้เงินของครอบครัวอีกต่อไป พ่อแม่ของเขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ดี เพราะนั่นหมายความว่าลู่ชิงสีไม่ได้เป็นคนประมาทเลินเล่อกับการใช้เงิน นอกจากนี้ยังหมายความว่าลู่ชิงสีไม่ได้รับอิทธิพลใด ๆ ที่มหาวิทยาลัย
ต่อมา เมื่อลู่ชิงสีแต่งงาน พ่อแม่ของเขารู้สึกว่าเงินเดือนของเขาอาจไม่เพียงพอสำหรับคู่บ่าวสาว พวกเขารอให้ลู่ชิงสีขอเงินจากครอบครัว แต่จนแล้วจนเล่า ลูกชายของพวกเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นเลย พวกเขากังวลว่าเขาอายเกินกว่าที่จะขอเงินจากทางบ้าน
เจียงเหยาต้องไปกองทัพเพื่อฉลองปีใหม่กับลูกชายของเธอ นางลู่รีบมองซองอั่งเปาให้กับเจียงเหยา เธอต้องการให้พวกเขามีชีวิตที่ดีในกองทัพในปีนี้
ลู่อี้ชิงมองจากด้านข้างขณะที่เธอโบกกุญแจรถในมือและหัวเราะเบา ๆ น้องชายของเธอขาดเงินเสียเมื่อไหร่ เขากับภรรยาจะขาดเงินสดได้อย่างไร
เจียงเหยาไม่ได้ปฏิเสธของขวัญ เธอเห็นด้วยกับคำขอของแม่สามีเพื่อให้หญิงสูงวัยรู้สึกสบายใจ
หลังจากที่พวกเขาขึ้นรถแล้ว ลู่อี้ชิงก็ขับรถไปที่พักของอาลู่ หลังจากที่พวกเขาไปรับอาลู่และต้าเค่อแล้ว ก็มุ่งหน้าไปที่ยังสนามบิน
“ไปถึงเมืองหยวน อย่าหุนหันพลันแล่นล่ะ เรื่องแบบนี้ยุ่งยากนิดหน่อย ถ้าสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยเงิน ก็ใช้วิธีนี้ก่อน” ลู่อี้ชิงไม่ลืมที่จะเตือนเจียงเหยาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อพวกเขามาถึงสนามบิน
____
ตอนที่ 918 น้องสาวของโจวเสี่ยวเซี่ย
“ค่ะ ชิงสีเขาจะให้คุณเจียง ทนายความมาเจอเราที่เมืองหยวนในวันนี้ด้วย” เจียงเหยาพยักหน้า จากนั้นเธอก็บอกลาลู่อี้ชิงและตามอาลู่และต้าเค่อ เพื่อไปขึ้นเครื่องบิน
ไม่มีเที่ยวบินตรงไปยังเมืองหยวน พวกเขาทั้งสามต้องแวะเปลี่ยนเครื่องไปยังเมืองอื่นก่อนที่จะขึ้นรถไฟไปยังเมืองหยวน จากนั้นพวกเขาก็นั่งแท็กซี่ไปยังบ้านของโจวเสี่ยวเซี่ย
บ้านของโจวเสี่ยวเซี่ยอยู่ในใจกลางเมืองหยวน เธออาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ บนชั้นสาม
เจียงเหยาเคาะประตู
หลังจากที่โจวเสี่ยวเซี่ยเปิดประตู เธอตกใจเมื่อเห็นแก้มตอบของอีกฝ่าย กี่วันแล้วนับตั้งแต่วันหยุดฤดูหนาวของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มขึ้น โจวเสี่ยวเซี่ยน้ำหนักลดลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของเธอซีดและไร้สีใด ๆ ดวงตาของเธอดูคล้ำ หนึ่งสามารถบอกได้ว่าเธอไม่ได้พักผ่อนมาอย่างน้อยสองสามวัน
เมื่อโจวเสี่ยวเซี่ยเห็นเจียงเหยา เธอโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเพื่อนและเริ่มคร่ำครวญ “เจียงเหยา ในที่สุดเธอก็มา ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริง ๆ”
เจียงเหยาเสียใจ เธอปลอบโยนโจวเสี่ยวเซี่ยอย่างนุ่มนวล จากนั้นเธอก็จ้องมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ห่างออกไปสองก้าว ผู้หญิงคนนั้นดูราวอายุ 16-17 ปี แม้จะเป็นฤดูหนาว แต่เธอเดินเท้าเปล่าราวกับเธอไม่รู้สึกหนาว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัวและความหวาดระแวงต่อคนแปลกหน้าอย่างเจียงเหยา เธอจ้องไปที่โจวเสี่ยวเซี่ยที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ ปากของเธอขยับเล็กน้อยราวกับว่าเธอต้องการเรียกพี่สาวของเธอ
เจียงเหยานึกถึงสิ่งที่โจวเสี่ยวเซี่ยพูดเกี่ยวกับปฏิกิริยาของน้องสาวของเธอที่มีต่อผู้ชายแปลกหน้า ดังนั้นเธอจึงส่งสัญญาณให้อาลู่และต้าเค่อรออยู่ข้างนอก จากนั้นเธอก็เข้าไปในบ้านพร้อมกับโจวเสี่ยวเซี่ย
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในบ้าน น้องสาวของโจวเสี่ยวเซี่ยก็ขยับเข้าไปใกล้โจวเสี่ยวเซี่ยอย่างรวดเร็ว เธอจับแขนของโจวเสี่ยวเซี่ยไว้แน่นและหลีกเลี่ยงเจียงเหยา
“เธอคือเสี่ยวเฉิงใช่ไหม ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอพูดถึงเธอบ่อย ๆ ตอนที่เราอยู่ที่มหาวิทยาลัย ฉันชื่อเจียงเหยาจ๊ะ” เจียงเหยายิ้มให้กับโจวเสี่ยวเซี่ย เมื่อโจวเสี่ยวเฉิงเห็นเธอ เธอก็รีบไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังพี่สาว เธอไม่กล้ามองมาที่เจียงเหยาแบบตรง ๆ
“เธอเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เจอใคร ๆ หรือเปล่า” เจียงเหยาถาม
โจวเสี่ยวเซี่ยเช็ดน้ำตาของเธอขณะที่เธอพยักหน้า “นอกจากพี่เจียเซียน เธอก็เป็นแบบนี้กับทุกคน เธอกลัวคนแปลกหน้า แต่เธอกลัวผู้ชายมากกว่า ไม่เป็นไรถ้าเธอเจอผู้หญิงแปลกหน้า แต่เธอจะแค่ไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฉัน หากเป็นผู้ชายแปลกหน้า เธอจะกรีดร้องและตื่นตระหนกกลัวทันที”
โจวเสี่ยวเซี่ยมองออกไปด้วยความขมขื่นในใจ “ไม่มีใครในบ้านนอกจากพวกเรา ตำรวจจับกุมพี่ชายฉันข้อหาทุบตีชายที่ชื่อว่าเซียงหลงเมื่อวันก่อน ครอบครัวของผู้ชายคนนั้นมีเงินและมีอำนาจจับน้องชายฉันเข้าคุก แต่น้องฉันเขาอายุแค่ 16 ปีเองนะ เขายังไม่เป็นผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ”
ขณะที่โจวเสี่ยวเซี่ยพูด มัวดันศีรษะออกมาจากกระเป๋าเป้สะพายหลังของเจียงเหยา ตอนที่ลู่อี้ชิงกลับบ้าน มัวซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋าเดินทางของลู่อี้ชิงและตามเธอกลับบ้าน เมื่อเจียงเหยาไปที่เมืองหยวน เธอยัดมัวลงในกระเป๋าเป้สะพายหลังและพาเขามาด้วย
มัวดูคล้ายลูกบอลสีขาวขนาดเล็ก บางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุที่โจวเสี่ยวเฉิงไม่ระวังเขา เธอหมอบลงเพื่อทักทายเขาอย่างสงสัยเมื่อเขาเดินเข้าไปหาเธอ เธอสัมผัสเขาอย่างอ่อนโยน เนื่องจากมัวไม่ได้หลบเลี่ยงการสัมผัสของเธอ เธอจึงกอดเขาแล้วตะโกนมาที่โจวเสี่ยวเซี่ย “พี่สาว ดูสิ ช่างเป็นแมวที่น่ารักอะไรเช่นนี้”