SWO ตอนที่ 14 สัตว์กลายพันธุ์
แต่ความสับสนของโจวเฮาก็อยู่ไม่นานนัก
ซูหลิงเป็นอัจฉริยะระดับแก่นโลหิตขั้นสามของโรงเรียนมัธยมเมืองฉู ภูมิหลังครอบครัวของเธอก็ไม่ต่ำ ตอนนี้เธอกำลังจะสำเร็จการศึกษา ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าเธอจะเริ่มฝึกฝน และเตรียมพร้อมฝ่าฟันเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ฝึกยุทธอย่างแท้จริง
เขามองไปยังนักเรียนคนอื่น ๆ ที่ไม่คุ้นเคย
โจวเฮาตระหนักได้ทันทีว่านี่อาจเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งร่วมกันของโรงเรียนมัธยม
โจวเฮาเดาถูก
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือเหตุผลที่จู่ ๆ โรงเรียนมัธยมจัดการทดสอบนี้ขึ้นเหตุเกิดจากเพียงเพราะระดับผู้นำของโรงเรียนถูกกระตุ้นโดยการปรากฏตัวของอัจฉริยะไร้เปรียบอย่างเขา
ขณะที่ความคิดของโจวเฮากำลังไหลไป...
ชายสวมแว่นคนเดิมได้เดินไปข้างหน้า ก่อนกล่าวกับซูหลิง และนักเรียนอัจฉริยะอีกเจ็ดคน “ภารกิจของพวกเจ้าคือการจัดการกับหมาป่าขาว และเก็บเขาของมันกลับมา.. ยิ่งพวกเจ้าเก็บกลับมาได้มากเท่าไหร่ รางวัลของพวกเจ้าก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
“บอดี้การ์ดของพวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าช่วยเหลือ พวกเขามีหน้าที่เพียงรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของพวกเจ้า ส่วนทีมผู้ฝึกยุทธชั่วคราวที่เราจ้างมานั้นมีหน้าที่แค่จัดการกับสถานการณ์ไม่คาดฝันเท่านั้น”
“สรุปคือพวกเจ้าทุกคนจะต้องพึ่งพาตนเอง”
หมาป่าขาวเป็นสัตว์อสูรระดับนักรบ หากไม่มีอะไรผิดพลาด แค่นักเรียนระดับแก่นโลหิตขั้นสามก็สมควรกำจัดมันได้
ซูหลิง และนักเรียนคนอื่น ๆ ได้เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว
ใบหน้าของพวกเขายังคงนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
"ไปกันเถอะ!"
คลิก
ประตูเหล็กหนัก ๆ ถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ ภายใต้แสงไฟสว่างจ้า
โจวเฮา และผู้ฝึกยุทธอีกหกคนเดินนำอยู่ข้างหน้า โดยมีซูหลิงกับนักเรียนที่เหลือพร้อมด้วยบอดี้การ์ดเดินตามหลังมาอย่างใกล้ชิด
หลังจากผ่านแนวป้องกันสามแนวติดต่อกัน พวกเขาก็มาถึงด้านนอกของเมือง
เพียงก้าวออกมาสภาพแวดล้อมตรงหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปราวกับคนละโลก
ในสายตาของพวกเขา ต้นไม้โบราณสูงหลายพันเมตรขึ้นอย่างหนาแน่น กิ่งก้านและใบของพวกมันแผ่ขยายบดบังท้องฟ้า วัชพืชเข้าปกคลุมพื้นดิน ขณะที่ใบหญ้ามีใบแหล่มคมดุจดั่งใบมีด ทุกสิ่งผสมรวมกันทำให้มันดูน่าขนลุกภายใต้ความมืดมิดนั้น
ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ไม่มีทางเลยที่ยานพาหนะจะขับผ่านไปได้ มันซับซ้อนยิ่งกว่าป่าดึกดำบรรพ์เสียอีก
ดังนั้นป่านี้จึงต้อนรับเฉพาะผู้เดินเท้าเท่านั้น
เนื่องจากพวกเขามากับซูหลิง และเหล่านักเรียน ชายร่างสูงและผู้ฝึกยุทธคนอื่น ๆ จึงไม่ได้เดินทางเร็วมาก
ทั้งกลุ่มต้องใช้เวลามากกว่าสิบนาทีในการเดินทางหลายพันเมตร
ณ ตำแหน่งนี้ แม้แต่ประภาคารของเมืองก็ไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไป
วัชพืช และพุ่มไม้หลากสีจำนวนมากที่กระจายไปทั่วได้บดบังทัศนวิสัยโดยรอบอย่างสมสมบูรณ์
"ระวังตัวด้วย เราอยู่ในเขตพื้นที่รกร้างแล้ว” ชายร่างสูงกล่าวเตือนขณะเตรียมต่อสู้ทุกเมื่อ
ผู้ฝึกยุทธคนอื่นในทีมชั่วคราวก็ตื่นตัวเช่นเดียวกับเขา
ใบหน้าของบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลังเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม พวกเขารู้ดีว่าพื้นที่รกร้างนั้นอันตรายแค่ไหน
แม้โจวเฮาจะไม่เคยออกนอกเมืองมาก่อน แต่ด้วยเทคนิคการบ่มเพาะขั้นสูงที่สมบูรณ์แบบทำให้แก่นโลหิตของเขาโคจรได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ประสาทสัมผัสทั้งหกของเขายังได้รับการปรับปรุงกว่าร้อยเท่า ทำให้เขาได้ยินกระทั่งเสียงที่อยู่ห่างออกไปพันเมตร
ดังนั้นเขาจึงไม่ประหม่ามากนัก
แต่เมื่อเหล่านักเรียนอัจฉริยะเห็นสิ่งนี้ พวกเขาดูจะไม่ชอบใจเท่าไหร่
“เฮ้ พวกเจ้าไม่ระแวงเกินไปหน่อยรึ? เราไม่ได้ออกไปไกลเสียหน่อย”
"นั่นสิ จากข้อมูลที่เรามีร่องรอยของเผ่าปีศาจ เผ่าแมลง และเผ่าพันธุ์ภายนอกที่เหลือจะปรากฏก็ต่อเมื่อเราอยู่ห่างจากตัวเมืองหนึ่งหมื่นเมตรขึ้นไปเท่านั้น แต่นี่เราเดินออกมาเพียงหลายพันเมตรเท่านั้น ดังนั้นอย่างมากสุดเราจะพบแค่สัตว์กลายพันธุ์บางตัวเท่านั้น”
“ความแข็งแกร่งของสัตว์กลายพันธุ์ส่วนใหญ่ก็งั้น ๆ แถมพวกมันยังเคยเป็นสัตว์ป่าที่มีถิ่นกำเนิดในดาวเคราะห์โลก ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องกลัว!” นักเรียนหลายคนในชุดเกราะชั้นเลิศพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ
ความแข็งแกร่งของพวกเขาคือแก่นโลหิตขั้น 3 แต่ชุดเกราะ และอุปกรณ์ของพวกเขานั้นเหนือกว่าเกราะมาตรฐานของโจวเฮาและที่คนอื่นสวมอยู่มาก แน่นอนว่าสัตว์กลายพันธุ์ไม่สามารถทำลายการป้องกันเกราะของพวกเขาได้
กลับกันเวลานี้ซูหลิงที่ประณีตนั้นกำลังประหม่ามาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกจากเมืองเพื่อเข้าร่วมการทดสอบแบบนี้ อย่างไรก็ตามเธอยังรู้สึกว่าสิ่งที่นักเรียนคนอื่น ๆ พูดนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล ถึงอย่างไรแห่งนี้ก็อยู่ห่างออกไปเพียงพันเมตรเท่านั้น และไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พวกเขาจะพบกับปีศาจ หรือแมลงที่คุกคาม
ยิ่งไปกว่านั้นบอดี้การ์ดที่พวกเขานำมาด้วยในครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นกลางทั้งสิ้น แม้ว่าจะมีกองกำลังระดับต่ำจากเผ่าปีศาจ และเผ่าแมลง แต่บอดี้การ์ดก็สามารถแก้ปัญหาพวกนั้นได้อย่างง่ายดาย
ชายร่างสูงยิ้ม “ระวังตัวไว้ดีกว่า”
เขาเคยรับภารกิจคุ้มกันหลายครั้งในอดีต และคุ้นเคยกับปฏิกิริยาท่าทางของเหล่าอัจฉริยะผู้ซึ่งเป็นนายน้อยที่ไม่เคยเห็นอันตรายนอกเมืองมาก่อน
ผู้ฝึกยุทธอีกห้าคนจากทีมชั่วคราวทำแบบเดียวกัน พวกเขาไม่รู้สึกแปลกใจ
บอดี้การ์ดของซูหลิง และนักเรียนอัจฉริยะคนอื่น ๆ ยังเตือนด้วยเสียงต่ำว่าพวกเขาควรระวัง
“มีอะไรต้องกลัว? ในความคิดของข้า เราควรเร่งเดินทาง และไปถึงพื้นที่ภารกิจโดยเร็วที่สุด” นักเรียนอัจฉริยะคนหนึ่งพูดอย่างไม่อดทน
แซก!
สิ้นเสียงของเขา…
งูหลามยักษ์ยาวกว่าสิบเมตรก็พุ่งออกมาจากวัชพืชที่ขึ้นหนา
“เป็นสัตว์กลายพันธุ์!” ชายร่างสูงตะโกนขึ้นขณะขว้างมีดในมือออกไปพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้า
ผู้ฝึกยุทธติดอาวุธอีกคนเริ่มยิงตามไปทันที
กระสุนโลหะผสมพิเศษตกลงบนดวงตาของงูหลามอย่างแม่นยำ
ปุ!
เลือดพุ่งออกจากดวงตาของงูหลามทำให้ความเร็วของมันลดลงทันที
ชายร่างสูงฉวยโอกาสนั้นกระชับมีดโลหะผสมไว้แน่น ก่อนจะเหวี่ยงไปทางหัวงูเหลือมทันที
ฟุบ!
คมมีดอัลลอยด์ตัดหัวงูเหลือมขาดราวกับเต้าหู้
ซูหลิงและนักเรียนอัจฉริยะที่เหลือตกใจกับสัตว์กลายพันธุ์ที่จู่ ๆ ก็พุ่งออกมาอย่างกะทันหัน แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าทีมผู้ฝึกยุทธสามารถจัดการกับงูหลามยักษ์ได้อย่างง่ายดาย ทุกคนก็โล่งใจ
“ดูสิ อย่างที่ข้าบอกเลยเห็นไหม? มันเป็นแค่สัตว์กลายพันธุ์อ่อนแอ”
“ใช่ ถ้าคราวหน้าเจอสัตว์กลายพันธุ์อีก พวกเจ้าต้องปล่อยให้เรา ยังไงเราก็มาที่นี่เพื่อฝึกฝน”
โจวเฮาซึ่งได้ยินการเคลื่อนไหวของงูหลามยักษ์ที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้นานแล้วเป็นคนเดียวท่ามกลางกลุ่มของเขาที่ไม่ได้เคลื่อนไหว
‘สงสัยนักว่าการฆ่าสัตว์กลายพันธุ์จะทำให้ข้าได้รับแต้มโชคหรือไม่?’ เมื่อมองไปที่งูหลามหัวขาด เขาสงสัยว่าเขาควรจะลองฆ่ามันในครั้งต่อไปหรือไม่
เขาได้เห็นสิ่งที่แต้มโชคสามารถทำได้แล้ว
กลุ่มของเขายังคงเดินทางต่อไปตามพื้นที่เป้าหมาย
หลังจากเดินไปได้อีกประมาณเจ็ดถึงแปดกิโลเมตร ทันใดนั้นหูของโจวเฮาก็กระตุก ก่อนที่เขาจะหยุดเดินทันที