Ep.121 - เพื่อเล่นใหญ่ครั้งนี้
1/3
Ep.121 - เพื่อเล่นใหญ่ครั้งนี้
ฮังอวี่ไม่ขอความช่วยเหลือจากภายนอก เขาอาศัยลำพังตน กวาดล้างโจรร้าย 15 คนจนหมดสิ้น
ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ แต่นี่คือความจริง!
และคนที่โดนหนักสุดคือลูกพี่หัวเถิก เขาไม่เพียงร่วงหล่นจากจุดสูงสุดคืนสู่สามัญในชั่วข้ามคืน แต่ตอนนี้ยังกลายเป็นหุ่นเชิดซอมบี้ที่ถูกฮังอวี่ควบคุม
อย่างไรก็ตาม เจียงหนานและหวังฉงไม่ได้รู้สึกว่าฮังอวี่ทำเกินไป ดั่งคำกล่าวที่ว่าไม่ช้าก็เร็วคุณต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ กลุ่มโจรโลกวิญญาณสมควรถูกฆ่าจริงๆ!
ฮังอวี่เมื่อปลุกลูกพี่หัวเถิกได้แล้ว เขาไม่รอช้าแม้ครึ่งนาที เดินนำทั้งสองไปยังภูเขามอนสเตอร์หมูป่าต่อทันที ทำราวกับเหตุการณ์ที่พึ่งถูกปล้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยไม่ควรค่าให้กล่าวถึง
เจียงหนานและหวังฉงต่างอยู่ในอารมณ์ที่ซับซ้อน
ฝั่งเจียงหนาน เธอยิ่งมายิ่งรู้สึกนับถือฮังอวี่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็ดูสไตล์อันเจนจัดนี่สิ มองยังไงก็เหมือนวีรบุรุษชัดๆ อ๊า~
สมแล้วที่เป็นชายที่เธอเรียกว่ามหาเทพ!
แต่ด้านหวังฉง เขากลับเต็มไปด้วยความริษยา บ่นอุบในใจ ‘บ้าเอ๊ย! นี่มันไม่มีเหตุผลเลย ทำไมถึงมีแต่เจ้าเด็กนี่ที่แข็งแกร่ง? ทำไมไม่เป็นฉัน ทำไมถึงไม่ใช่ฉันที่ได้เป็นราชา!’
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกสุนัขกัด ความฝันนี้เขาได้แต่เก็บไว้ในใจไม่อาจเปล่งมันออกมา
ฮังอวี่พาทั้งสองมุ่งหน้าไปยังหุบเขาเล็กๆ
จากตำแหน่งนี้ จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบ มียอดเขาสูงตระหง่าน และบริเวณยอดเขา ดูเหมือนจะมีสิ่งปลูกสร้างบ้างอย่างอยู่ นั่นคือด่านหน้าของมนุษย์หมูป่า
ด่านหน้าบนยอดเขาเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นที่สำคัญที่สุดของมนุษย์หมูป่า โดยมีค่ายมนุษย์หมูป่าตั้งอยู่ด้านหลังภูเขาสูงของด่านหน้าอีกทอดหนึ่ง
ทั้งสามเมื่อมาถึง พวกเขาไม่ได้พบเหล่าจ้าวทันที อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายฝากคนมารอต้อนรับ และในบรรดาคนที่มาต้อนรับ หนึ่งในนั้นเป็นชายหัวเกรียนที่ดูมีนิสัยเจ้าอารมณ์
มิใช่ใครอื่น เป็นปันจื่อลูกน้องคนสนิทของเหล่าจ้าว
ชื่อเต็มของปันจื่อคือปันหลง เป็นทหารเกษียน ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นหนึ่งในทหารฝีมือดีที่สุดของกองทัพ เมื่อเกิดโลกวิญญาณได้เจอกับเหล่าจ้าวและถูกฝ่ายหลังชักชวน ตอนนี้จึงกลายเป็นเสนาธิการที่มีความสามารถภายใต้คำสั่งของจ้าวหมิง
ปัจจุบันเขาเป็นนักรบเลเวล 3 และอยู่ไม่ไกลจากเลเวล 4
จะเห็นได้ว่าประสิทธิภาพของชายผู้นี้ค่อนข้างสูงทีเดียว
ปันจื่อไม่ได้รู้สึกเคารพในตัวฮังอวี่
เขายังไม่รู้จักฮังอวี่ดีพอ รู้แค่ว่าประธานจ้าวให้ความสำคัญกับฮังอวี่มาก และทุกครั้งที่ร่วมมือกับฮังอวี่ กลับมาจ้าวหมิงจะได้รับแต้มวิญญาณและผลกำไรอื่นๆเป็นจำนวนมาก
หลังจากเกษียน ปันหลงเคยเป็นหนึ่งบริษัทตรวจสอบอาชญกรรมที่ดีที่สุดของจีน
เขามีความทะนงในตนเอง ดังนั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่พอใจได้
เขาถูกประธานจ้าวทิ้งไว้เบื้องหลัง สูญเสียเวลาอันมีค่า เพียงเพื่อต้องมาคอยนำทางอีกฝ่าย
ปันหลงทำใจยากเกินกว่าจะยอมรับ ดังนั้นเขาจึงอยากเห็นว่าความสามารถของฮังอวี่มันคุ่มค่าพอจะทำเช่นนี้จริงๆน่ะหรือ?
แต่ทันทีที่เห็นพวกฮังอวี่เดินเข้ามา สีหน้าท่าทีของปันหลงแปรเปลี่ยนไปในคราเดียว
เหตุผลที่เขาแสดงพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะฮังอวี่ และไม่ใช่เพราะฮัสกี้ที่เดินตามเขา
แต่เป็นเพราะข้างกายฮังอวี่ มีร่างมนุษย์ที่ปกคลุมไปด้วยเห็ด เป็นซอมบี้ที่ดูน่าสยดสยอง
ปันหลงอุทานออกมา “นั่นมันเจ้าอีแร้งไม่ใช่หรือ!”
ฮังอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย “อ้าว คุณรู้จักเจ้าหัวเถิกนี่ด้วย?”
“ยิ่งกว่ารู้จักซะอีก!”
ปันหลงกัดฟันเมื่อพูดประโยคนี้ออกมา
ฮังอวี่ เจียงหนาน หวังฉงถึงจุดนี้ค่อยนึกบางอย่างออก
จำได้ว่าคราวก่อนหลังจบจากวิหารเนโครแมนเซอร์ เหล่าจ้าวได้รับข่าวว่าปันหลงถูกซุ่มโจมตี นั่นคือเหตุผลที่เขากับจางเสี่ยวเฉียง ขอแยกตัวกลับไป
ในเวลานั้น ผู้ที่ซุ่มโจมตีกลุ่มของปันหลงมิใช่ใครอื่น แต่เป็นกลุ่มของอีแร้ง
แม้พลังรบของปันหลงจะแก่กล้ามาก แต่เจ้าอีแร้งก็ทรงพลังเช่นกัน และเพราะอีกฝ่ายจู่โจมอย่างกะทันหัน แถมจำนวนยังไม่ใช่น้อยๆ ครั้งนั้นเขาเลยเสียสหายไปมากถึงสามคน
ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวหมิงกับจางเสี่ยวเฉียงตามมาสมทบ
บางทีปันหลงอาจถูกปิดล้อมและจบชีวิตลงแล้วก็ได้
มันเกิดอะไรขึ้น? โจรโลกวิญญาณที่อันตรายและทรงพลังคนนั้น ไฉนเขาถึงกลายเป็นแบบนี้? ไม่น่าเชื่อจริงๆ!
“อ๋อ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้” เจียงหนานกล่าวหลังจากนึกได้ถึงความแค้นระหว่างปันหลงกับเจ้าหัวเถิก “มหาเทพฮังได้ล้างแค้นให้คุณแล้ว เจ้าหัวเถิกกับสมาชิกกลุ่มทั้งหมดถูกฆ่าตายเกลี้ยง! อุปกรณ์สวมใส่ดรอปเกือบทั้งตัว หลังจากนี้บริเวณนี้น่าจะปลอดภัยไปอีกซักพัก”
หลังจากปันหลงได้ยินคำอธิบายของเจียงหนาน เขาแสดงท่าทีไม่เชื่ออีกครั้ง
ลำพังพลังรบของฮังอวี่ สามารถทลายกลุ่มของเจ้าอีแร้ง
นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร!
กลุ่มของอีแร้งมีสมาชิกอย่างน้อยเป็นสิบคน และมีผู้เล่นพลังรบเลเวล 3 อย่างน้อย 2 คน ซึ่งนั่นไม่อ่อนแอเลย!
ทว่าศพของอีแร้งอยู่เบื้องหน้าเขา ต่อให้ปันหลงไม่อยากเชื่อแค่ไหน เขาก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้
หากกล่าวว่าตลอดช่วงที่ผ่านมาปันหลงไม่พอใจฮังอวี่ เช่นนั้นตอนนี้อาการดังกล่าวได้หายไปแล้ว ... ดูเหมือนว่าสายตาของประธานจ้าวยังคงเฉียบขาด เด็กหนุ่มเบื้องหน้าผู้นี้คือหนึ่งในล้านสุดยอดยอดฝีมืออย่างแน่นอน!
หวังเอ๋อสังเกตเห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของปันหลงและลูกทีมคนอื่นๆ
‘เจ้านายยังไม่ทันพูดอะไร เจ้าพวกนี้ก็นับถือเขาแล้ว’ มันกระดิกหาง พึมพำกับตัวเองอย่างมีความสุข
“อย่าเสียเวลาอยู่เลย” ฮังอวี่เอ่ยถาม “ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ปันหลงอธิบายสั้นๆถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
และคร่าวๆก็เหมือนกับที่เหล่าจ้าวพูดไว้
ยอดฝีมือจากทั้งสามค่ายมารวมตัวกัน ตัดสินใจรวมพลังโจมตีค่ายหมูป่า เพียงแต่ในเรื่องบัญชาการยังตกลงกันไม่ลงตัว ไม่มีใครไว้ใจใคร
ตอนนี้ทั้งสามฝ่ายได้ตกลงที่จะโจมตีด่านหน้าบนยอดเขาด้วยกัน ใครก็ตามที่มีส่วนร่วมมากที่สุดในการโจมตีด่านหน้าและทำผลงานได้ดีที่สุด ผู้นั้นจะได้บัญชาการกองกำลังจากทั้งสามค่าย
ตัวแทนจากค่ายอื่นๆรวมถึงจ้าวหมิงต่างเห็นชอบกับเรื่องนี้
ใครเล่าจะอยากฟังคนอื่น? ใครเล่าจะยอมสละชีวิตให้คนอื่น?
แล้วอีกอย่าง ผลประโยชน์จากการได้ขึ้นเป็นผู้นำนั้นชัดเจน ทุกคนจึงต่อสู้เพื่อมัน และวิธีที่ดีที่สุดคือการแสดงความแข็งแกร่งแทนการพูด!
ใครหมัดหนักสุดคือลูกพี่! ใครก็ตามที่แกร่งสุด คนอื่นๆจะต้องเชื่อฟังเขา!
พิจารณาจากข้อมูลที่มีในตอนนี้ ด่านหน้าบนยอดเขาเบื้องหน้านี้ เป็นจุดที่สูงที่สุดในบริเวณใกล้เคียง หากยึดได้ จะกลายเป็นฐานยุทธศาสตร์สำหรับการโจมตีค่ายมนุษย์หมูป่า
ทีมจากทั้งสามค่ายพึ่งออกออกเดินทางได้ไม่นาน
ปันหลงถูกทิ้งไว้เพื่อรอรับฮังอวี่และคนอื่นๆ
หวังฉงรู้สึกตื่นเต้นมาก ด่านหน้าบนยอดเขาต้องมีมนุษย์หมูป่าคอยคุ้มกันอยู่ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการกวาดล้างมอนสเตอร์!
ได้ยินมาว่ามนุษย์หมูป่าเป็นมอนสเตอร์เลเวล 5 ฉะนั้นต้องได้รับแต้มวิญญาณมากมายแน่นอน!
“แล้วจะมัวรออะไรกันอีก ไปกันเลย!”
“ประธานจ้าวกับคนอื่นๆพึ่งไปได้ไม่ไกล พวกเรายังพอตามได้ทัน”
เจียงหนานสนใจการต่อสู้ครั้งนี้มากเช่นกัน เพราะศึกนี้ไม่ใช่แค่ตัดสินว่าใครจะได้บัญชาสามค่าย แต่มันยังเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของมนุษย์หมูป่า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีค่ายใหญ่ในขั้นถัดไป
แต่ในตอนนั้นเอง ฮังอวี่กลับเอ่ยขึ้นว่า “เจียงหนาน นายน้อยฉง ทั้งสองคนขึ้นไปบนภูเขากับปันหลง ไปสมทบกับลุงจ้าวก่อน”
เจียงหนานรีบถามทันที “เอ๋ งั้นพี่มหาเทพล่ะ?”
“ฉันมีแผนอื่น จะลงมือคนเดียว แล้วพบกันบนยอดเขา”
ฮังอวี่ตระหนักดีถึงความสำคัญของด่านหน้าบนยอดเขา
ด่านหน้าแม้ฟังดูไม่ใหญ่โต แต่อันที่จริงแล้ว พื้นที่ของมันกว้างพอสมควร ไม่เล็กไปกว่าค่ายก็อบลินเลย
ที่นั่นมีมนุษย์หมูป่าหลักสิบปลายๆหรืออาจถึงร้อยกว่าตัว และมีมนุษย์หมูป่าชั้นยอดอยู่มากมาย ไม่ง่ายเลยที่จะเอาชนะ
เหล่าจ้าวกับคนอื่นๆพาคนมาน้อยเกินไป ทั้งสามค่ายรวมกันไม่กี่สิบคนเท่านั้น แม้ทั้งหมดจะเป็นยอดฝีมือที่คัดมาแล้ว อย่างไรก็ตามเป็นการยากที่จะไปถึงยอดเขาท่ามกลางภูมิประเทศสูงชันและในป่าเต็มไปด้วยกับดัก
แบบนี้ไม่ต้องพูดถึงด่านหน้าเลย แค่รอดไปให้ถึงก็ยากแล้ว!
อีกเดี๋ยวเหล่าจ้าวจะเข้าใจ ว่าภารนี้มันยากเย็นเพียงไหน!
พวกเขาประเมินการโจมตีในด่านหน้าต่ำไป ความเร่งรีบอาจนำไปสู่การพ่ายแพ้ได้ หรือต่อให้ชนะ ก็มีโอกาสสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
ฮังอวี่จึงเตรียมการไว้ล่วงหน้า ปฏิบัติการตามแผนของตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่รวมตัวกับทีมใหญ่ แต่กลับตัดสินใจเรื่องที่บ้าคลั่งยิ่งกว่า
คนเดียวก็เกินพอ
เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากผู้อื่น
ฮังอวี่ใช้เวลาช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเพื่อรวบรวมเมือกพลังงานและสปอร์ดำของปีศาจเห็ดศพ อันที่จริงแล้วก็เพื่อการเล่นใหญ่ในครั้งนี้!