604 - มื้ออาหารอันยิ่งใหญ่
1914 - มื้ออาหารอันยิ่งใหญ่
ใครบางคนกำลังจะกลายเป็นอาหาร? นี่คือกลุ่มปรมาจารย์นิกาย!
คนอื่นๆกำลังดูด้วยความกระตือรือร้นในขณะที่กระต่ายหยกจันทราเดินตรงเข้าสู่สนามรบและตะโกนออกมา
ใบหน้าเล็กๆของนางงดงามสดใส แต่เมื่อตกอยู่ในสายตาของปรมาจารย์นิกายเหล่านั้นก็ราวกับเป็นปีศาจตัวน้อย
คนกลุ่มนั้นไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ นางดูงดงามมากแต่เต็มไปด้วยความก้าวร้าวไม่เหมือนใครจริงๆ! แม้แต่เจ้าอ้วนเฉาและมดเขาสวรรค์ยังมองหน้ากันด้วยความตกใจและยอมรับในความพ่ายแพ้
“พวกเจ้าทุกคนทำเกินไปแล้ว…” มีใครบางคนปล่อยเสียงคำรามพร้อมกระแทกกำปั้นออกมาจากวังทองแดง
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงสือฮ่าวไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เพียงเขากวาดตาเบาๆมังกรแดงก็พ่นไฟเข้าใส่กำปั้นนั้น
“ทำไมเจ้าถึงผลักเขากลับเข้าไป? เขากำลังจะสุกได้ที่แล้วรีบพาเขากลับมาพวกเราจะได้เริ่มงานเลี้ยงสักที” สือฮ่าวตำหนิมังกรน้อย
"ตกลง!"
มังกรสีแดงก้มศีรษะลงและอดทนจากนั้นใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของมันลากปรมาจารย์นิกายคนนั้นกลับมา
“ทุกคนอย่าได้เกรงใจข้าขอเชิญทุกท่านร่วมดื่มกินให้เต็มที่แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่านี่มันยอดเยี่ยมมากแค่ไหน?” สือฮ่าวเรียกทุกคนมา
เขานำหินขนาดยักษ์มาจากระยะไกลด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้หินนั้นมีลักษณะคล้ายกับภูเขาลูกเล็กๆ เป็นเพราะบริเวณนี้มีหนองน้ำเปื้อนเลือดจึงไม่เหมาะแก่การนั่งลง
ร่างกายของทุกคนเปล่งประกายสั่นสะท้าน จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็สะอาดและปราศจากสิ่งสกปรก พวกเขาติดตามสือฮ่าวไปที่ก้อนหินยักษ์และนั่งลงเพื่อปิดกั้นไม่ให้ปรมาจารย์นิกายเหล่านั้นออกมาได้
“มันน่าอัปยศเกินไปจริงๆ!” เสียงดังขึ้นจากภายในวังทองแดง
“ข้าไม่กินพวกมนุษย์” กระต่ายหยกดวงจันทร์กล่าว
“แน่นอนว่าข้าก็ไม่กินอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว!” สือฮ่าวพยักหน้า
“เอาล่ะมาดูกันว่าตัวไหนที่ไม่ใช่ร่างมนุษย์เราต้องเลือกมันออกมาก่อน” มดเขาสวรรค์กล่าวอย่างใจเย็น
คนอื่นๆพูดไม่ออกพวกเขาทั้งหมดเผยให้เห็นการแสดงออกที่แปลกประหลาด คนเหล่านี้ล้วนต้องเคยกระทำเรื่องนี้จนเคยชินไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่จู้จี้จุกจิกขนาดนี้
“ไม่เลวเลยข้าจับนกปีศาจได้พวกเราเอาปีกของมันมาย่างดีกว่า!” สือฮ่าวกล่าว
เขาตบประมุขนิกายคนนั้นทำให้เขาเผยให้เห็นร่างที่แท้จริง จากนั้นก็มีเปลวไฟสามชั้นเผาไหม้ร่างกายของเขาอย่างรุนแรง
“ทำไมเราไม่ถอนขนมันก่อน” เฉาอวี่เซิ่งถามถาม
“อย่างที่เจ้าว่านั่นแหละถ้าไม่ถอนขนมันจะทำให้พวกเราลำบากถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เป็นคนลงมือก็แล้วกัน” สือฮ่าวโยนมันไปที่เฉาอวี่เซิ่งแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“ข้าได้ตัดสินใจแล้วเมื่อเร็วๆนี้ว่าจะไม่เอาชีวิตของใครอีกเจ้าช่วยลงมือแทนก็แล้วกัน”
ไม่เอาชีวิตใครตูดข้านี่! หลายคนอยากจะตะโกนออกไป เขาทำถึงขนาดนี้แล้วยังจะพยายามทำตัวเป็นนักบุญนี่มันไร้สาระจริงๆ
เฉาอวี่เซิ่งกลอกตา อย่างไรก็ตามเขายังคงยอมรับคำพูดโง่ๆเหล่านี้โดยรับผิดชอบในการฆ่าและทำความสะอาด
อีกหนึ่งชั่วยามต่อมากลุ่มคนทั้งหมดต่างพากันชื่นชมรสชาติของอาหารบนก้อนหินยักษ์
“อู๋มันหอมมาก! ทักษะของเจ้าเด็กขี้แยนั่นดีจริงๆ ยังสมควรได้รับการยกย่อง”
แก้มของกระต่ายหยกจันทราพองตัวขึ้นดวงตากลมโตของนางตอนนี้เหมือนดวงจันทร์และมีความสุขกับตัวเองอย่างเห็นได้ชัด
“มันยังคงเป็นทักษะเดิมรสชาติเหมือนเดิมกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม สมกับที่เป็นราชาแห่งการย่าง ฮวง!” นี่คือคำสรรเสริญของมดเขาสวรรค์
“ทักษะเทียบเท่าปรมาจารย์แห่งอาหาร!” นี่คือคำพูดของเฉาอวี่เซิ่ง
คนกลุ่มที่เหลือนั้นแทบจะเป็นลม คนเหล่านี้เป็นแบบไหน? พวกมันเป็นฝูงตั๊กแตนอย่างนั้นหรือไม่ว่าจะผ่านไปที่ใดพวกเขาก็ไม่ลืมการดื่มกิน? อย่างไรก็ตามท่าทางของพวกเขาก็น่าจะอร่อยจริงๆนั่นแหละ!
แม้ว่าเยว่ฉานองค์หญิงเหยาเยว่และคนอื่นๆจะสาปแช่งอย่างเงียบๆ แต่หากว่าไม่ใช่เพราะมีคนจำนวนมากอยู่ที่นี่พวกนางคงร่วมวงไปด้วยแล้ว
“แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วข้าจะกลายเป็นคนพิการแต่ก็ยังดีหน่อยที่มีอาหารชั้นยอดพวกนี้ให้กินอยู่เสมอ! อย่างน้อยข้าก็ยังมีทักษะพวกนี้ไว้เลี้ยงชีพ?”
สือฮ่าวแสดงท่าทางหลงตัวเองโดยโอ้อวดทักษะการทำอาหาร
ทุกคนมองเขาด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยามทันที
“เจ้ากำลังจะพิการจริงๆหรือ? ข้ารู้สึกพอใจจริงๆ!” ในบรรดาคนที่กำลังจะตกเป็นอาหารมีคนหัวเราะออกมา
เมื่อเหตุการณ์มาถึงขั้นนี้แล้วพวกเขาก็รู้ตัวดีว่าไม่มีโอกาสรอดชีวิต
ดังนั้นความโชคร้ายของฮวงแม้เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาดีใจ
“ข้ารู้สึกขอบคุณเจ้าจริงๆที่นำตัวเองมาเป็นอาหารให้ข้า!” สือฮ่าวจับชายชราคนนั้นออกมาในทันที
ในสถานที่แห่งนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันอีกต่อไป สือฮ่าวมีความแข็งแกร่งที่เกินขีดจำกัดไปมากแล้วไม่มีทางที่เขาจะต่อต้านได้
“นี่คือเฮ่าไม่เลวเลย ข้าอยากจะลองชิมเนื้อของเจ้ามานานแล้วไม่คิดว่าเจ้าจะเสนอตัวมาเอง” เฉาอวี่เซิ่งคำรามด้วยเสียงหัวเราะ
“อย่าย่างเราค่อยเก็บมันไว้เพลิดเพลินในภายหลัง” สือฮ่าวจัดการบิดศีรษะเฮ่าตัวนั้นออกจากร่างทันที
หลังจากนั้นเขาก็ยื่นมือเข้าไปในวังทองแดงพร้อมกับจับรองประมุขนิกายอาณาจักรสวรรค์ออกมา หลังจากที่ตบลงไปหนึ่งครั้งฝ่ายตรงข้ามไม่ได้กลายร่างเป็นสัตว์
พวกเขาจึงรู้ว่านี่เป็นลูกครึ่งของมนุษย์ สือฮ่าวบิดศีรษะของเขาพร้อมกับโยนลงไปในโคลนราวกับเศษขยะ
“ถึงตาเจ้าแล้ว!” สือฮ่าวก้าวไปข้างหน้าโดยจ้องมองไปที่ผู้สูงสุดของตำหนักเซียน เขากล่าวด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“นกศักดิ์สิทธิ์ยอดเยี่ยมจริงๆ! แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอันดับสองของตำหนักเซียนก็กำลังจะกลายเป็นอาหารเลิศรส คราวนี้นับว่าเราได้ชิมเนื้อย่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลกแล้วสหาย?”
ในความเป็นจริงคนเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่เป็นลำดับต้นๆของเก้าสวรรค์สิบพิภพ การเรียกอาหารครั้งนี้ว่าเนื้อย่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ไม่เห็นว่าจะเกินไป!
แต่เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ใบหน้าของพวกเขาก็บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
“เจ้าหนูเจ้าบังอาจเกินไปแล้ว!” เมื่อพวกเขาเห็นสือฮ่าวเข้ามาใกล้ดวงตาของผู้สูงสุดตำหนักเซียนก็เต็มไปด้วยความเย็นชา ในตอนนั้นเขาระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในร่างกายออกมาหวังจะสู้ตาย
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดว่าตัวเองมีความพิเศษแค่ไหน แม้แต่บรรพบุรุษโบราณของเจ้าก็จะมีชีวิตอีกไม่นานแล้ว เจ้าเดินทางไปรอมันอยู่ที่ยมโลกเถอะ!” สือฮ่าวกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
ฮ่อง!
ผู้สูงสุดของตำหนักเซียนจะยินยอมให้ตัวเองถูกจับไปดังนี้ได้อย่างไร? เขาใช้ญาณวิเศษลับเพื่อทำการดึงสือฮ่าวเข้ามาในวังทองแดงและต่อสู้กัน
“ถ้ามันเป็นวังทองแดงที่แท้จริงข้าก็อาจจะหวาดหวั่นอยู่บ้าง แต่เมื่อมันเป็นของปลอมเจ้ายังคิดว่าจะสามารถปราบปรามข้าได้อย่างนั้นหรือ” สือฮ่าวดูเหมือนจะไม่สนใจอะไรมากนักเพราะเขามีกระบี่เซียนอยู่ในมือ
เปิง!
กระบี่เซียนถูกกวาดออกไปด้านหน้ายันต์ศักดิ์สิทธิ์ของผู้สูงสุดตำหนักเซียนที่ใช้ควบคุมวังทองแดงนี้ถูกทำลายทันที
“เจ้ายังมีความสามารถอะไรอีก?” สือฮ่าวเดินเข้าสู่ประตูวังทองแดงทำให้ทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ดวงตาของผู้สูงสุดตำหนักเซียนแดงฉานแทบจะมีเปลวไฟพุ่งออกมา ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าหนูนี่ได้
“ข้ารู้สึกเสียใจจริงๆ! ย้อนกลับไปในตอนนั้นข้าควรจะอ้อนวอนให้ผู้อมตะของเราลงมือสังหารเจ้าเพื่อตัดรากถอนโคนไปซะ เป็นเพราะความใจดีของเราเจ้าถึงได้มีวันนี้!” ดูเหมือนเขาจะเสียใจอย่างยิ่ง
“ความเมตตาของมารดาเจ้าเถอะ! หากบรรพบุรุษของเจ้ามีปัญญามันคงลงมือไปแล้วไม่ต้องรอให้เด็กอย่างเจ้าสั่งสอน”
สือฮ่าวระงับคลื่นความโกรธไว้ตลอดจนกระทั่งถูกผู้สูงสุดของตำหนักเซียนยั่วยุให้ระเบิดขึ้นมา
“ เจ้าคิดว่าวันนั้นบรรพบุรุษของเจ้าไม่คิดจะสังหารข้าอย่างนั้นหรือ? เป็นเพราะว่าในตอนนั้นมันหวาดกลัวภูเขาห้าใบหน้าลงมือแลกชีวิตกับมัน
บรรพบุรุษของเจ้าก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง แม้ว่ามันจะมีชีวิตอยู่เหมือนกับซากศพแต่มันก็ยังไม่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อความปลอดภัยของพวกเจ้า” สือฮ่าวปลดปล่อยไอสังหารล้นไปถึงสวรรค์