ตอนที่ 907+908 ฉันจะบีบคอนายให้ตาย
ตอนที่ 907 ฉันจะบีบคอนายให้ตาย
เจียงเหยายังคงนิ่งเงียบ ลู่อี้ชิงอยู่ที่ฉางกังกรุ๊ป เพื่อช่วยเธอทำงาน ครอบครัวของเธอยังไม่รู้เรื่องนี้
ลู่เสี่ยวเซียวเป็นคนช่างพูด เธอมักจะพูดเสียงดังมากแต่ไหน
เธอส่งเสียงดังมากจนแม้แต่เจียงเล่ยที่เพิ่งเลิกรากับแฟนก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและพูดว่า "ลู่เสี่ยวเซียว เธอช่วยเงียบสักห้านาทีได้ไหม ทำได้ไหม หึ ทำได้ไหม"
เจียงเล่ยขัดจังหวะลู่เสี่ยวเซียวและเธอก็ระเบิดความโกรธออกมาทันที "นายนั่งรถฉันฟรี ๆ แล้วยังกล้ามาบ่นว่าฉันเสียงดังอีก"
"ฟรีอะไร อะนี่" เจียงเหยาหยิบเศษเหรียญออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วโยนมันลงบนที่นั่งผู้ที่ว่างอยู่ "คนขับรถ ช่วยหุบปากเดี๋ยวนี้ด้วย"
ลู่เสี่ยวเซียวตกตะลึงในไม่กี่วินาที เธอโกรธจึงจอดรถไว้ข้างถนนและปลดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นเธอก็ลงจากรถและเดินไปที่ประตูด้านข้างของเจียงเล่ย เธอเปิดมันและเอื้อมมือออกไปดึงเจียงเล่ย "ลงมาจากรถ"
เจียงกอดเบาะด้านหลังที่นั่งผู้โดยสารไว้ "เธอจะไล่ฉันลง หลังจากที่ฉันจ่ายเงินนี่นะ ฉันจะฟ้องร้องเธอ"
"บ้า ออกไปซะ" ลู่เสี่ยวเซียวกัดฟันด้วยความโกรธขณะที่เธอก้มลงและยัดเหรียญเข้าไปในปกเสื้อโค้ตของเจียงเล่ย "ฉันยังไม่ได้ล้างแค้นที่นายทำลายคู่เดตของฉัน แถมให้ใจดีให้นายนั่งรถมาด้วย ยังจะกล้ามาบ่นฉันอีก"
ทั้งสองคนไม่เคยเขากันได้ คนหนึ่งอยู่ในรถ อีกคนอยู่นอกรถ และคนหนึ่งต้องการดึงอีกคนออกจากรถ อีกคนคว้าเบาะรถอย่างไร้ยางอาย แล้วไม่ยอมลง การทะเลาะกันของพวกเขาเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ จนเลยเถิดไปกันใหญ่
เจียงเหยานั่งข้างเจียงเล่ย เธอต้องการที่จะเอามือตบหน้าตัวเอง ทั้งสองคนกำลังทะเลาะกันจริง ๆ และทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครยอมใคร
"ทั้งสองคนจะทะเลาะกันถึงเมื่อไหร่" เจียงเหยาซ่อนตัวเล็กน้อยไปด้านข้าง เนื่องจากพวกเขาทะเลาะกันอย่างดุเดือด เธอจึงไม่มีความตั้งใจที่หยุดพวกเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อเธออ้าปากพูด เธอก็รู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย
ลู่เสี่ยวเซียวมีนิสัยแบบเด็ก ๆ และเจียงเล่ยก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
"ไปขับรถเร็วเข้า" เจียงเล่ยกระตุ้นลู่เสี่ยวเซียว "เธอเป็นผู้หญิงอายุยี่สิบแล้วนะ แต่ทำไมทำตัวไม่เหมือนกับอายุยี่สิบเลยเล่า"
"แน่นอน ฉันอาจดูไม่เหมือนผู้หญิง แต่ฉันแน่ใจว่าแฟนของนายนอกใจนาย เจียงเล่ย นายนี่มีรสนิยมในการชอบผู้หญิงไม่ดีเลย โชคดีนะที่นายไม่ได้ชอบฉัน ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องเริ่มสงสัยว่าตัวเองเป็นคนที่แย่มากหรือเปล่า"
ลู่เสี่ยวเซียวไม่ได้ไล่เขาลงจากรถแล้วเพราะเธอกำลังรีบกลับบ้าน เธอทำได้เพียงต่อว่าเจียงเล่ยด้วยความขุ่นเคืองและกระทืบเท้ากลับไปที่นั่งคนขับ แล้วสตาร์ทรถอีกครั้ง
หลังจากที่รถเริ่มเคลื่อนตัว เจียงเล่ย ก็หยิบเงินเหรียญที่ลู่เสี่ยวเซียวยัดไว้ในปกเสื้อเขา จากนั้นเขาก็โยนไปที่ศีรษะของลู่เสี่ยวเซียวอย่างเย่อหยิ่ง เมื่อลู่เสี่ยวเซียวหันกลับมามองเขา เขาดูโล่งใจมากขึ้น เขายังยิ้มยั่วให้กับลู่เสี่ยวเซียวด้วย
"เจียงเล่ย ถ้านายไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของพี่สะใภ้ของฉันนะ ฉันคงจะบีบคอนายจนตายนานไปแล้ว นายคงจะสะสมความดีในชาติก่อน ๆ มาเยอะล่ะสิ ถึงได้เกิดมาเป็นพี่ชายของเธอ" ลู่เสี่ยวเซียวคว้าเงินที่เจียงเล่ยโยนใส่ศีรษะเธอแล้วยัดเข้าไปในกระเป๋าของเธอ อย่างไรก็ตาม เธอยังคงสาปแช่งเจียงเล่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจียงเหยานั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ และปฏิบัติต่อตัวเองราวกับอากาศ เธอรู้สึกว่าความช่างพูดของลู่เสี่ยวเซียวมีข้อดี อย่างน้อยเธอก็สามารถทำให้เจียงเล่ยเปิดปากและโต้เถียงกับเธอได้ บางทีเขาอาจจะลืมความทุกข์ในใจของเขาหลังจากได้ทะเลาะกับลู่เสี่ยวเซียวในครั้งนี้
__
ตอนที่ 908 ป่วยตามที่คาดไว้
แม้ว่าลู่เสี่ยวเซียวจะชอบเอาเกลือมาถูกบาดแผลของเขาอยู่เสมอ ใครจะรู้ว่าเจียงเล่ยอาจจะกลายเป็นคนด้านชาไปแล้วก็ได้
ลู่เสี่ยวเซียวขับรถพาพวกเขาสองคนไปที่บ้านของพวกเขา เมื่อมาถึงบ้านตระกูลเจียง ลู่เสี่ยวเซียวก็เข้าไปนั่งพักสักครู่ เธอดื่มชาและนั่งพูดคุยกับเจียงเหยาสักครู่ก่อนที่เธอจะจากไป
เจียงเหยาไม่สามารถเลือกของขวัญให้กับลู่ชิงสีได้ เมื่อเธอไปในเมือง อย่างไรก็ตาม เธอได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดเสร็จแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่การไปโดยไร้ประโยชน์
เจียงเหยาและเจียงเล่ยออกเดินทางตั้งแต่เช้า และพวกเขากลับมาในช่วงเที่ยง ในเวลานั้นมีญาติและเพื่อนที่บ้านมากขึ้น ลานบ้านเต็มไปด้วยผู้คน พวกผู้หญิงนั่งอยู่ริมสระน้ำ ขณะล้างผัก ฆ่าไก่และเป็ด จากนั้นผู้ชายก็อยู่ที่นั่นเพื่อปรุงผลเบอร์รี่สีขาว ลานบ้านก็พลุกพล่านด้วยการพูดคุยของกันและกัน
หลังจากที่เจียงเหยาส่งลู่เสี่ยวเซียวออกไปและกลับเข้ามา ป้าแก่ที่อยู่ในลานบ้านก็เรียกหาเธอและถามว่า "ฉันได้ยินว่าเธอบอกว่าลูกของเฉินหลานอิงป่วยตอนอยู่ในห้างสรรพสินค้าใช่ไหม เธอได้พาเด็กไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในเมือง ฉันได้ยินมาว่าเป็นเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันหรือโรคเลือดจางอะไรนี่แหละ แต่ก็เป็นอาการที่รุนแรงอยู่นะ หมอแนะนำให้เฉินหลานอิงส่งเด็กไปตรวจโรงพยาบาลเฉพาะที่ใหญ่กว่านั้นเพื่อตรวจร่างกายให้ละเอียดอีกที"
เมืองที่มีขนาดเล็ก คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเมื่อมีคนพูดว่าถ้าจะเดินตามถนนและสุ่มถามคนแปลกหน้า พวกเขาอาจจะเป็นญาติหรือครอบครัวของเขาหรือเธอก็ได้ ดังนั้นหากมีข่าวหรือเรื่องซุบซิบกัน ทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว
เรื่องการเดินทางไปซื้อของเจียงเหยาและนางลู่และลู่เสี่ยวเซียวในห้างสรรพสินค้าในเมืองและพบกับอดีตคู่หมั้นของลู่ชิงสีจะต้องแพร่กระจายไปในหมู่ผู้หญิงเหล่านั้นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ป้าได้กล่าวถึงโชคของเจียงเหยาที่มีแม่สามีที่ปกป้องเธอ เมื่อแม่ของเจียงเหยาได้ยินเช่นนั้นเธอก็ดีใจมาก เธอต้องการให้เจียงเหยานำผักที่ปลูกไปให้แม่สามีของเธอมากขึ้นเมื่อเธอกลับไปที่นั่น
อย่างไรก็ตาม ป้าคนนั้นยังสงสัยเกี่ยวกับข่าวลือที่เธอเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ เธอมาถึงบ้านของครอบครัวเจียง ญาติบางคนบอกกับเธอว่า เจียงเหยาได้พูดถึงปัญหาสุขภาพของลูกของเฉินหลานอิง และหลายคนคิดว่าเธอนิสัยไม่ดีที่ไปสาปแช่งเด็กคนนั้น
แต่เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวในวันนี้ ทุกคนต่างพูดไม่ออก ปรากฏว่าเจียงเหยามีสายตาที่เฉียบแหลมและสามารถบอกได้ว่าร่างกายของเด็กคนนั้นมีปัญหาจริง ๆ เพียงแค่ชำเลืองมอง
"โรคโลหิตจางจากกลไกทางภูมิคุ้มกัน?" เจียงเหยากล่าวถึงชื่อโรค เธอต้องการพูดกับป้าคนนั้น แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่พูดอะไรต่อ
มีญาติพี่น้องมากเกินไปในหมู่บ้าน ดังนั้นเจียงเหยาจึงไม่รู้จักพวกเขาทั้งหมด พ่อของเธอเป็นน้องชาย จึงมีผู้หญิงจำนวนมากจากเมืองมาช่วยเขา
ป้า น้า อา และลูก ๆ ของพวกเธอก็มารวมตัวกันด้วย มีมากจนเกือบเต็มรถบัส
"ใช่ ใช่ ใช่ ชื่อนั่นแหละ" ป้าพยักหน้าซ้ำ ๆ "ลูกสะใภ้ของฉันมีความเกี่ยวข้องกับเฉินหลานอิง ฉันได้ยินเรื่องนี้จากเธอก่อนที่ฉันจะออกมาจากบ้าน เหยาเหยา ฉันจำได้ว่าเธอเป็นหมอใช่ไหม เพิ่งเรียนมาได้ครึ่งปี แต่เก่งขนาดนี้เลยเหรอ"
นางเจียงไม่ค่อยรู้เรื่องการเรียนมากนัก แต่เธอรู้สึกว่าเธอไม่ต้องกังวลเรื่องการเรียนของลูกสาว ดังนั้นเธอจึงรู้สึกว่าลูกสาวของเธอจะต้องเป็นหมอที่ยอดเยี่ยมในอนาคตอย่างแน่นอน